เล่นหูเล่นตา:'เรื่องเล่าจากเก้าอี้สีแดง (1) โดย... เจนนิเฟอร์ คิ้ม

กระทู้ข่าว
          "คุณพี่คะ ... เขานัดคิวถ่ายรอบบลายออดิชั่น 4 วันรวดนะคะ" สีเกดแจ้งตารางงาน การรอคอยของฉันสิ้นสุดลงเสียที จะได้รู้กันไปว่า ... “จะเชื่อในสิ่งที่เราได้ยิน หรือได้ยินในสิ่งที่เราเชื่อ"
    
          ถ้าเราเอา "เสียง" เป็นที่ตั้งแล้วให้มันพาเราเข้าไปหา "พรสวรรค์" ที่ซ่อนอยู่ในนั้น ... นั่นคือ "เราเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน" แต่ถ้าเราเอา "ตัวเราเอง" เป็นที่ตั้งตีกรอบไว้ว่า แนวนี้ แบบนี้เท่านั้น เราจึงจะเลือก นั่นคือ "ได้ยินในสิ่งที่เราเชื่อ" ทั้ง 2 แบบนี้คือวิธีการที่แอบคิดเอาไว้ในหัว แต่เมื่อฉันได้ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีแดงในฤดูกาลใหม่นี้ ทุกอย่างล้วนแต่...เกินกว่าจะคาดเดา! อะไรที่เป็นแนวคิด ความเชื่อ หรือแม้แต่ประสบการณ์ถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นที่ทำหน้าที่ของมันในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนกดปุ่ม ซึ่งยิ่งฝึกใช้มัน มันก็จะแม่นยำยิ่งขึ้น ...
    
          “ผู้เข้าแข่งขันพร้อมประจำที่ 5-4-3-2” เสียงผู้ดำเนินการถ่ายทำประกาศให้คิว ทันทีที่เสียงดนตรีตอนหัวเริ่มดังขึ้น ประสาทสัมผัสทุกๆ ส่วนของฉันมันตื่นตัวอย่างเต็มที่เหมือนนักล่าที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในที่มืดกลางป่า มีเพียงหูที่ทำหน้าที่จับเสียงฝีเท้า เสียงลม เสียงใบไม้สีกัน และทุกๆ สิ่งที่เคลื่อนไหว แต่สิ่งที่จะทำให้นักล่าลั่นไกก็ขึ้นอยู่กับว่า ... “เสียง" ที่ได้ยินอยู่นั้นคือเสียงที่กำลังตามหาอยู่หรือไม่... หรืออย่างน้อย ... เสียงนั้นคือความแปลกใหม่ที่ท้าทายการค้นหาของเราหรือเปล่า?
    
          “อือ... เพลงนี้คุ้นๆ... ทำนองก็เพราะ... เสียงนักร้องก็เพราะ... แต่สิ่งที่ต้องจับจ้องให้ลึกลงไปคือแต่ละคำที่เปล่งออกมาให้ความรู้สึกลึกซึ้งแค่ไหน... เสียงสูงถึงโน้ตตัวนั้นหรือไม่... หางเสียงมีการเอื้อนไปในทิศทางใด... แม้แต่ลมหายใจเข้า-ออกสั้นๆ ก็ยังคงมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ อารมณ์พอดีกับเพลงรึเปล่า มากหรือน้อยไปไหม?...” สิ่งเหล่านี้ลอยไปมาอยู่ในหัวสมองของฉัน และต่างทำหน้าที่จับร่องเสียงต่างๆ โดยอัตโนมัติ คล้ายกับการขับรถที่ต้องอาศัยประสาทสัมผัสต่างๆ ทำงานร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญเหนือกว่าสิ่งใดคือ ... “ความรู้สึก" เราไม่สามารถฟังเพลงได้โดยใช้ "ความคิด" เป็นหลักเพราะมันหยาบเกินไปไม่สามารถสัมผัสกับเสียงร้องหรือเสียงลมหายใจในเพลงได้ แต่ความรู้สึกสามารถจับได้ทุกอย่างในเวลาสั้นๆ ขณะที่นักร้องแต่ละคนได้เล่นกับพรสวรรค์และโชคชะตาของตัวเอง...“
    
          “พี่คิ้ม อย่าทำหน้าเครียดครับ ฟังสบายๆ" เสียง คุณพี่สังข์ (ธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม) จากโต๊ะกลม บริษัทผู้ผลิตเดอะวอยซ์ให้กับทรูแฟนเทเชียทั้ง 2 ซีซั่น จะคอยเดินมาบอกช่วงพักระหว่างรอนักร้องคนต่อไป ... เอาความจริงป่ะล่ะ! หน้ากรูเป็นแบบนี้ ขนาดยิ้มแล้วยังเละอยู่เลย ยิ่งโบท็อกซ์ทำงานสุดฤทธิ์จะยิ้มจะหัวเราะยังไงล่ะทีนี้ คราวหน้าจะไปฉีดโบท็อกซ์ล่วงหน้าสัก 2 เดือน พอถึงคิวถ่ายจะได้กำลังดี ... นะพี่สังข์นะ! แต่ก็จริงอย่างที่พี่สังข์พูดเวลาที่เราตั้งใจมันก็เผลอเครียดไปเอง
    
          จากประสบการณ์เดอะวอยซ์ปีที่แล้ว ทีแรกฉันก็ว่า ... ปีนี้คงคล้ายๆ กัน ชัดๆ แจ่มๆ แปลกๆ เด่นๆ โดนๆ ... เอิ่ม ... คนละเรื่องเลยค่ะคุณตำรวจ คือเรื่องมันเป็นงี้ค่า ...
    
          ปีที่แล้วถ้าเปรียบเทียบเป็นภาพยนตร์มันคือหนังไทย ซึ่งจะเปิดเผยคาแรกเตอร์ตัวละครตั้งแต่เริ่มอย่างเด่นชัด ไม่มีการเปลี่ยนบทบาท สีไหนสีนั้น แบบไหนแบบนั้น แต่จะชัดขึ้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับปีนี้มันกลับกลายเป็นหนังฝรั่งแบบซีรีส์ที่ตัวละครจะกำหนดความเป็นไปของเนื้อเรื่อง โดยที่คนดูไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ ต้องคอยศึกษาและค้นหาตัวละครแต่ละตัวไปพร้อมๆ กับเรื่องที่ดำเนินการ เช่น ตอนนี้ตัวนี้เด่น ตอนต่อไปตัวนั้นเด่น และก็มีบางตอนที่ตัวเด่นกลายเป็นตัวร้าย หรือจู่ๆ ก็ตายหายไปจากเรื่องอย่างคาดไม่ถึง เล่นกับความรู้สึกคนดูอย่างแรง! แต่ก่อนจะไปถึงตอนออกอากาศสู่สายตาคนดูทางบ้าน อีพวกโค้ชและทีมงานเกร็งหัวใจจะวายตายกันก่อนมั้ยคะคุณตำรวจ! ... ไม่อยากเล่าเดี๋ยวจะหาว่าสปอยล์บอกได้แค่ว่าอย่าพลาดแม้แต่ตอนเดียว ไม่ใช่เพราะคุณจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง แต่จะเป็นเพราะเราเองแหละที่ไม่รู้ว่าอีตัวละครแต่ละตอนมันเปลี่ยนแนว เปลี่ยนบุคลิกและบทบาทไปถึงไหนแล้ว ขืนข้ามตอนอาจมีงงได้!
    
          ในรอบบลายออดิชั่นบอกแล้วว่าฉันเลือกโดยใช้ "สัญชาตญาณ" ถ้าฟังเผินๆ อาจจะมองว่า "อีโค้ชนี่เลือกอะไร" ทำไมไม่ชัดเจนแบบปีที่แล้ว ทำไมไม่พ่นไฟให้ตายกันไปข้างตั้งแต่รอบบลาย ก็ขอให้ย้อนกลับขึ้นไปอ่านข้อความด้านบนแล้วค่อยลงมาบรรทัดนี้ไหม ความสงสัยในความสามารถของลูกทีมฉันจะคลี่คลายลงในรอบแบทเทิล แล้วจะได้รู้ว่าทำไมคนเหล่านี้จึงคู่ควรที่จะเข้ารอบ... มาแรกๆ ท่าทางสะเงาะสะแงะ แต่พอโยนอาวุธลงพื้นให้หยิบมาต่อสู้กัน พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่จะแสดงตัวออกมาเองจนแม้แต่ฉันก็ยังทึ่ง! ปีที่แล้วพ่นไฟ ปีนี้บางคู่จะร่ายมนต์โดยใช้ลมหายใจไม่กี่อึดใจ ลอร์ดออฟเดอะริงชัดๆ ค่าคุณตำรวจ ไม่ใช่แค่ทีมฉันที่เป็นแบบนี้ ทีมโค้ชตัวผู้พวกนั้นก็เช่นกัน ... พ่อมดทั้งน้าน!
    
          ขณะที่เขียนต้นฉบับอยู่ รายการเดอะวอยซ์ได้ถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่รอบบลายออดิชั่น ... แบทเทิล ที่เพิ่มกติา steal ในช่วงแบทเทิล นั่นหมายความว่า เราจะฉกเอาลูกทีมของโค้ชคนอื่นที่ตกรอบในรอบแบทเทิลมาเข้าทีมเราได้ สนุกที่สุดตรงนี้แหละค่าคุณตำรวจ ฉกผู้ชายนี้ดิฉันไม่เคยทันแต่ฉกลูกทีมนี่สิ... ไวซะยิ่งกว่า! เอามาปั้นใหม่ให้สนุกมือ อยู่ตรงนั้นไม่รุ่งมาอยู่กับคุณพี่ๆ จะดูแลอย่างดี ของที่คนอื่นไม่เอาก็ไม่ได้แปลว่าเป็นของไม่ดี แต่มันขึ้นอยู่กับว่า... “เรามองเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นออกไหม?” มาจนถึงรอบน็อกเอาท์ที่ดวลเพลงตามใจผู้เข้าแข่งขัน เลือกกันมาคนละเพลงแล้วซัดกันให้รู้ว่าใครหมู่ใครจ่าเลยค่าคุณตำรวจ โหด... สะใจคนดู... แต่โค้ชเสียใจที่สุดเลย! ทำร้ายจิตใจกันต่อหน้าต่อตา... แต่มันเป็นกติกาก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ... ฉันชอบที่ถ่ายไปเสร็จหมดแล้วตั้งแต่แรกจนถึงน็อกเอาท์ รอรอบไลฟ์ช่วงต้นธ.ค. ... ดี! กระแสไหนๆ ก็เข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจของโค้ชไม่ได้ ชอบที่สุดก็ตรงนี้แหละค่า

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20130923/168833/เล่นหูเล่นตา:เรื่องเล่าจากเก้าอี้สีแดง(1).html#.Uj_qnfFhiSO
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่