มีใครเคยคิดมั่ง พุทธประวัติ อาจเป็นเเค่นิทาน

กระทู้คำถาม
เเอบคิดตลอดครับ ทั้งเทวดา พระพุทธในอดีต 28 องค์ พระพุทธเจ้าเปิดสามโลก
เสด็จโปรดพุทธมารดาสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทศชาติชาดก  ดูเหมือนนิทานมากกว่า
ผมไม่สงสัยเเนวทางปฏิบัติ ที่ให้เราปล่อยวาง ครับเเต่สงสัยพุทธประวัติที่เหมือนนิทานมากกว่า
เหมือนที่ท่าน พุทธทาส กล่าวไว้  ถามคุณว่าคุณจะรู้สึกยังไง หากรู้ว่าพุทธประวัติที่เคยอ่าน
มีข้อที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นเเค่นิทานเรื่องหนึ่ง ที่ถูกเเต่งเติมผิดเพี้ยนจาก พุทธประวัติ จริงๆมากมาย
ทุกอย่างหาข้อพิสูจน์ยาก อาจจะมีพระสูตรมากมาย เเต่ใคร หรือ อะไร จะยืนยันว่าเป็นจริง

อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิด หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่
พุทธวิสัย วิสัยแห่งความมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เช่น การเดินบนดอกบัว7ก้าวและเปล่งอาสภิวาจาของพระพุทธเจ้า
ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์ และเทวดา
กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม และวิบากกรรม คือการให้ผลของกรรมที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ
โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก คือการมีอยู่ของสวรรค์ นรก และสังสาระวัฏ

ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น

ใครที่บรรลุธรรมขั้นสูง พร้อมจะบอกผมมั่งว่าพุทธประวัติ เป็นจริงตามนั้น
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ก่อนจะเลยเถิดไปจนถึงขั้นจดจำในสิ่งผิดๆ
ก่อนจะถึงขั้นเลิกนับถือ

และถึงขั้นปรามาสพระพุทธศาสนา...

คุณfung08 ต้องทำความเข้าใจพื้นฐานของพุทธศาสนาก่อนครับ..
ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร ?

ก่อนเกิดพุทธศาสนา  ในชุมพูทวีปขณะนั้น มีศาสนา  มีลัทธิ มีอาจารย์ต่างๆมากมาย
โดยมีศาสนาพราหมณ์ เป็นตัวยืน

ลัทธิต่างๆก็ล้วนแล้วแต่แตกแขนงมาจากพราหมณ์นี่แหละ

เห็นด้วยบ้าง  
เห็นต่างบ้าง  
อยากตั้งตัวเป็นใหญ่เพื่อลาภสักการะบ้าง (อันนี้ในเมืองไทยยังมีเยอะในปัจจุบัน)

ความเชื่อของคนในยุคนั้น เป็นความเชื่อของคนที่อยู่ในมุมแคบ
เพราะมีวรรณะ การแบ่งชนชั้น เป็นตัวกำหนด

ความเชื่อจึงขาดการพินิจพิจารณา เชื่อคำบอกเล่า เชื่อผู้นำกลุ่ม   (อันนี้ก็ยังมีมากในประเทศไทยปัจจุบัน)
เชื่อมั่นในความเห็นของตนเองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง   (ปัจจุบันก็ยังมีอยู่เหมือนกันแฮะ !)

ทีนี้เมื่อมีความเชื่อ มีอาจารย์มากมาย การแข่งขัน การแย่งชิงความศรัทธาย่อมเกิดขึ้น
วิธีการหนึ่งที่จะเรียกลูกค้า (ความศรัทธา) ก็คือ บรรดาอาจารย์ทั้งหลาย..  

ย่อมต้องมีพฤติกรรมที่ต่างไปจากคนธรรมดาสามัญ

ต้องมีฤทธิ์ มีอภินิหารย์ มีเทพ เทวดา สารพัดมาเป็นองค์ประกอบความเชื่อความศรัทธานั้นๆ
เพราะศาสนาพราหมณ์เขามีอยู่  จะแย่งมวลชนจากพราหมณ์ได้ ต้องอาศัยอิทธิฤทธิ์ของเทวดาช่วยด้วย
ปาฏิหารย์ (การเล่นกล) จึงมีสารพัดรูปแบบ

ต่อเมื่อพุทธศาสนาถือกำเนิดขึ้นมา ก็ต้องมีการเรียกแขก เพื่อสร้างความสนใจ ไม่ต่างกัน

อย่าลืมว่าพุทธศาสนาเกิดจากชนชั้นวรรณะกษัตริย์ และ พราหมณ์
แม้จะยกเลิกชั้นวรรณะ ใครก็ได้ ชั้นไหนก็ได้เข้ามาสู่สำนักพุทธศาสนา
แต่กษัตริย์ และ พราหมณ์ ก็ยังมีสัดส่วนเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี

พิธีกรรม บางอย่าง อิทธิปาฏิหาริย์บางอย่าง ในศาสนาพราหมณ์
ก็ยังมีกลิ่นอายติดตัวอยู่กับพราหมณ์ ที่เข้ามาสู่สำนักพระพุทธองค์ไม่น้อย

ในขณะที่พระพุทธองค์มีพระชนม์ชีพอยู่ ก็ยังไม่มีการแสดงออกมากนัก
เนื่องเพราะความศรัทธาทั้งหลายทั้งปวง มีศูนย์รวมอยู่ที่พระพุทธองค์ เป็นหนึ่งเดียว
ครั้นเมื่อกาลเวลาล่วงไป  สิ้นพระพุทธองค์แล้ว ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นในทุกๆด้าน

ความเป็นขัตติยกษัตริย์  ชาติชั้นวรรณะพราหมณ์ เริ่มแสดงออก
เมื่อความศรัทธามวลเริ่มลดน้อยถอยลง  อิทธิ ปาฏิหาริย์ จึงค่อยๆเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างแรงจูงใจ
ไม่ให้ศรัทธาจางหายไป ทวยเทพ เทวดา ในศาสนาพราหมณ์จึงต้องแบ่งภาคเสด็จมา
แทรกอยู่ในหลักการคำสอน ของพระพุทธองค์  จนซึมซับต่อเนื่องเรื่อยมา
และขยับขยาย ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มาจนถึงทุกวันนี้

จนพระพุทธเจ้าเปลี่ยนสถานะภาพจากคนธรรมดา ที่มีอัจฉริยภาพสูงกว่าคนธรรมดา
กลายเป็นเทวดาจุติมาจากสรวงสวรรค์ มีอิทธิฤทธิ์ เหนือชั้นกว่าบรรดาเทพทุกองค์ที่ศาสนาอื่นมี !


สรุปว่าทั้งหลายทั้งปวงมันเกิดจากคนทั้งสิ้น อย่าไปให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านั้น

สิ่งสำคัญที่พึงระลึก คือ คำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงเน้นเรื่องทุกข์  และ ทางดับทุกข์

เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น ก้าวขึ้นสู่ระดับ เหนือทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง





***นี่เป็นความเห็นของคนๆหนึ่ง ไม่ใช่นักธรรมระดับสูงอย่างที่ท่านจขกท.ต้องการ
      เป็นความเห็นที่มองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนพื้นฐานของ  สัจจธรรม..
      เพราะมันเป็นเพียงแค่....อิทัปปัจจยตา....แค่นั้นเอง***
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่