สหภาพแรงงานCATเร่งส่งเรื่องFTTx มีการทำสัญญาทั้งหมด 12 สัญญารวมา 4,500 ล้านบาท จากเดิมเหมาจ่าย100%ไม่ว่าใช้งานจริงแค่ไหน

22 กันยายน 2556 สหภาพแรงงานCATเร่งส่งเรื่องถึงความคืบหน้าการแก้ไขโครงการFTTx มีการทำสัญญาทั้งหมด 12 สัญญารวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท จากเดิมเป็นอัตราเหมาจ่าย 100% ไม่ว่ากสทจะใช้งานจริงแค่ไหนก็ตาม

ประเด็นหลัก


          นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า 'มีความกังวลใจบ้างในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากมีการพิจารณามานานพอสมควรแล้ว และตอบยากว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับผลประกอบการกสทมากนักเพราะเป็นยุทธศาสตร์ระยะกลางถึงระยะยาว ต่างจากการให้เช่าโครงการ 3G HSPA ที่ต้องผลักดันให้ผ่านโดยเร็ว เพราะมีผลกระทบกับผลประกอบการกสทมาก'
    
     ทั้งนี้สัญญาฉบับใหม่หลังจากมีการแก้ไขตามคำแนะนำของกระทรวงไอซีที มีรายละเอียดสำคัญ อาทิ กสทจะจ่ายค่าเช่าในอัตรา 50% หรือตามที่มีการใช้งานจริง จากเดิมเป็นอัตราเหมาจ่าย 100% ไม่ว่ากสทจะใช้งานจริงแค่ไหนก็ตาม เนื่องจากในบางพื้นที่กสทมีการใช้งานเพียง 20-40% เท่านั้น แต่ถ้าหากพื้นที่ใดกสทใช้งานเกิน 50% ก็จะปรับอัตราค่าเช่าใช้บริการเพิ่มขึ้นให้ตามความเหมาะสมที่ตกลงกันไว้ ซึ่งคู่สัญญา FTTX ก็ยินยอมแล้ว นอกจากนี้กสท ยังมีการแก้ไขสัญญาในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ให้มีการเพิ่มจุดให้บริการกับอีก 150 โรงงาน ส่วนสัญญาเช่าที่พัทยาก็ต้องรองรับการใช้งานเพิ่มขึ้น 1,000 แห่งด้วย
    
     ทางด้านนายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า สหภาพฯกสท ได้ทำหนังสือขอเข้าพบรมว.ไอซีทีภายในสัปดาห์นี้ เพื่อสอบถามความคืบหน้า และให้ช่วยเร่งผลักดันโครงการต่างๆที่ติดอยู่ในตอนนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
    
     ทั้งนี้สัญญา12 ฉบับในโครงการดังกล่าวนั้น หลายสัญญาเกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัยนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมีบางสัญญาเกิดในสมัยนายกิตติศักดิ์ ซึ่งพบว่าสัญญาเหล่านั้นทำให้กสทเสียหายมาก รวมทั้งดำเนินการรวบรัดข้ามขั้นตอนที่ควรจะปฎิบัติ ไม่ผ่านกระทรวงไอซีที สภาพัฒน์ฯ และครม. ซึ่งบางสัญญาเดินหน้าไปแล้วเช่นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และ ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช แต่ไม่สามารถต่อขยายเพิ่มได้เพราะติดขัดในเรื่องงบลงทุน
    
     'เรามองว่ากสท จะไม่มีรายได้จากสัญญาสัมปทาน ซึ่งรายได้ที่จะเข้ามาทดแทนมีอยู่ 2 ส่วน คือโครงการ HSPA และโครงการ FTTx ดังนั้นเราจะต้องรีบดำเนินการผลักดันให้ทั้ง2โครงการเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด'
    
     สำหรับโครงการFTTx มีการทำสัญญาทั้งหมด 12 สัญญารวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท เพื่อให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรในพื้นที่ที่กสทได้กำหนดไว้ ใน 10 แห่ง ได้แก่เกาะสมุย ,หัวหิน ,นครราชสีมา ,อุบลราชธานี ,เชียงใหม่ ,ขอนแก่น ,อุดรธานี ,ภูเก็ต ระยอง และพัทยา ซึ่งมีการลงนามในสัญญาไปตั้งแต่เมื่อเดือนมิ.ย.2554 แล้ว
    
    
    
     แหล่งข่าวระบุว่าก่อนหน้านี้นายกิตติศักดิ์ถูกวางตัวให้เป็นผู้อำนวยการใหญ่ (เอ็มดี) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เนื่องจากสามารถทำงานประสาน กับน.ต.ศิธา ทิวารี ประธานบอร์ดทอท.ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งน.ต.ศิธายังชื่นชมในฝีไม้ลายมือของนายกิตติศักดิ์ตั้งแต่สมัยที่เป็นทีมทำงานให้กับน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที อย่างไรก็ตามนายกิตติศักดิ์ ได้ออกมาปฎิเสธกับผู้ใหญ่ไปแล้วว่าขอทำงานที่กสท โทรคมนาคมในช่วงนี้ต่อไปก่อน เนื่องจากยังมีงานของกลุ่มทรูที่ยังไม่เรียบร้อย
    
     ก่อนหน้านี้นางสาวธันวดี วงศ์ธีรฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวว่าแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อทดแทนรายได้จากสัญญาสัมปทานที่จะสิ้นสุดลงนับตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายระบุไว้ว่ารายได้จากสัญญาสัมปทานทั้งหมดต้องนำส่ง เป็นรายได้ของแผ่นดิน โดยที่ผ่านมา กสท ได้ปรับกลยุทธ์ และปรับตัวเองมาโดยตลอด ทั้งลดค่าใช้จ่าย และการมุ่งสร้างรายได้เพิ่ม โดยที่กสท จะให้ความสำคัญใน 2 ธุรกิจหลัก คือ 1. การเป็นผู้ให้เช่าโครงข่าย 3G ด้วยเทคโนโลยี HSPA หรือโครงการ HSPA ซึ่งในตอนนี้ กสท ได้ทำสัญญากับกลุ่มทรูไปแล้ว และอยู่ระหว่างเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณการลงทุนทั้ง โครงการเป็นระยะเวลา 15 ปี (2554-2568) แบ่งเป็นงบลงทุนสร้างโครงข่าย 14,500 ล้านบาท และงบเช่าโครงข่ายจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพื่อนำมาให้บริการต่ออีกทอดหนึ่งจำนวน 220,000 ล้านบาท และ 2. โครงการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่าย FTTx ภายใต้งบลงทุน 4,500 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติเช่นกัน โดย กสท คาดว่าทั้งปีจะมีรายได้ไม่รวมสัญญาสัมปทานประมาณ 15,000 ล้านบาท และมีกำไร 600 ล้านบาท
    
     'คนที่กระทรวงไอซีทีเชื่อว่า นายกิตติศักดิ์ ไม่น่าจะนั่งเก้าอี้ซีอีโอ กสท ครบ 2 ปีหรือในช่วงต้นปี 2557 เพราะมั่นใจว่าน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในเร็ววันนี้'
    







http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000118326







______________________________________




FTTx รัดคอ 'กิตติศักดิ์' เขย่าเก้าอี้ซีอีโอกสท


     มีความเป็นไปได้สูงที่เก้าอี้ซีอีโอ กสท โทรคมนาคมของ 'กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ' เริ่มไม่มั่นคงมากขึ้นทุกวัน นอกจากความไม่ลงรอยกับบอร์ดจนทำให้ยากที่จะทำงานร่วมกันแล้ว ยังเกิดเสียงลือหนาหูว่าไม่ผ่านการประเมินรอบ 2 ขณะที่คนในกระทรวงไอซีทีเชื่อว่า 'กิตติศักดิ์' อาจอยู่ไม่ครบ 2 ปี แต่สิ่งหนึ่งที่พนักงาน กสท เป็นห่วงคือทวน FTTx ที่กำลังจะทิ้งด้วยการซื้ออุปกรณ์สัญชาติจีนจาก MFEC กว่า 300 ล้านบาท ด้วยวิธีพิเศษ จะซ้ำรอยสัญญาทาส FTTx โครงการแรกที่อื้อฉาวใหญ่หลวงนัก และทำกสทเสียหายซ้ำซาก
    
     นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า ความคืบหน้าสัญญาเช่าใช้บริการโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง(FTTx) ทั้งหมดจำนวน 12 สัญญา ภายใต้งบประมาณ 4,500 ล้านบาท นั้นในตอนนี้ได้ผ่านกระบวนการนำเสนอต่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แล้วโดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ซึ่งในเบื้องต้นสภาพัฒน์มีการส่งหนังสือสอบถามมายังกสท ในประเด็นต่างๆของโครงการโดยเฉพาะเรื่องแผนธุรกิจ อาทิ มูลค่าของค่าเช่าเท่าไร และ กสทจะนำไปให้บริการคุ้มทุนหรือไม่ซึ่งหากสภาพัฒน์มองว่าคุ้มทุน ก็เชื่อว่าน่าจะผ่านการพิจารณาไปได้ในขั้นนี้ และหากผ่านการพิจารณาจากสภาพัฒน์ไปได้เรื่องจะถูกเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อของบประมาณในการดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อไป
    
     'มีความกังวลใจบ้างในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากมีการพิจารณามานานพอสมควรแล้ว และตอบยากว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับผลประกอบการกสทมากนักเพราะเป็นยุทธศาสตร์ระยะกลางถึงระยะยาว ต่างจากการให้เช่าโครงการ 3G HSPA ที่ต้องผลักดันให้ผ่านโดยเร็ว เพราะมีผลกระทบกับผลประกอบการกสทมาก'
    
     ทั้งนี้สัญญาฉบับใหม่หลังจากมีการแก้ไขตามคำแนะนำของกระทรวงไอซีที มีรายละเอียดสำคัญ อาทิ กสทจะจ่ายค่าเช่าในอัตรา 50% หรือตามที่มีการใช้งานจริง จากเดิมเป็นอัตราเหมาจ่าย 100% ไม่ว่ากสทจะใช้งานจริงแค่ไหนก็ตาม เนื่องจากในบางพื้นที่กสทมีการใช้งานเพียง 20-40% เท่านั้น แต่ถ้าหากพื้นที่ใดกสทใช้งานเกิน 50% ก็จะปรับอัตราค่าเช่าใช้บริการเพิ่มขึ้นให้ตามความเหมาะสมที่ตกลงกันไว้ ซึ่งคู่สัญญา FTTX ก็ยินยอมแล้ว นอกจากนี้กสท ยังมีการแก้ไขสัญญาในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ให้มีการเพิ่มจุดให้บริการกับอีก 150 โรงงาน ส่วนสัญญาเช่าที่พัทยาก็ต้องรองรับการใช้งานเพิ่มขึ้น 1,000 แห่งด้วย
    
     ทางด้านนายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า สหภาพฯกสท ได้ทำหนังสือขอเข้าพบรมว.ไอซีทีภายในสัปดาห์นี้ เพื่อสอบถามความคืบหน้า และให้ช่วยเร่งผลักดันโครงการต่างๆที่ติดอยู่ในตอนนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
    
     ทั้งนี้สัญญา12 ฉบับในโครงการดังกล่าวนั้น หลายสัญญาเกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัยนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมีบางสัญญาเกิดในสมัยนายกิตติศักดิ์ ซึ่งพบว่าสัญญาเหล่านั้นทำให้กสทเสียหายมาก รวมทั้งดำเนินการรวบรัดข้ามขั้นตอนที่ควรจะปฎิบัติ ไม่ผ่านกระทรวงไอซีที สภาพัฒน์ฯ และครม. ซึ่งบางสัญญาเดินหน้าไปแล้วเช่นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และ ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช แต่ไม่สามารถต่อขยายเพิ่มได้เพราะติดขัดในเรื่องงบลงทุน
    
     'เรามองว่ากสท จะไม่มีรายได้จากสัญญาสัมปทาน ซึ่งรายได้ที่จะเข้ามาทดแทนมีอยู่ 2 ส่วน คือโครงการ HSPA และโครงการ FTTx ดังนั้นเราจะต้องรีบดำเนินการผลักดันให้ทั้ง2โครงการเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด'
    
     สำหรับโครงการFTTx มีการทำสัญญาทั้งหมด 12 สัญญารวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท เพื่อให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรในพื้นที่ที่กสทได้กำหนดไว้ ใน 10 แห่ง ได้แก่เกาะสมุย ,หัวหิน ,นครราชสีมา ,อุบลราชธานี ,เชียงใหม่ ,ขอนแก่น ,อุดรธานี ,ภูเก็ต ระยอง และพัทยา ซึ่งมีการลงนามในสัญญาไปตั้งแต่เมื่อเดือนมิ.ย.2554 แล้ว
    
     แต่ท้ายที่สุดโครงการดังกล่าวมีเสียงคัดค้านจากพนักงานกสทเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากเห็นว่าสัญญาดังกล่าวทำให้ กส ทเสียเปรียบ ขณะที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ทำหนังสือถึงนายดุษฎี สินเจิมสิริ ประธานบอร์ดกสท ในขณะนั้นเพื่อขอให้ทบทวน และตรวจสอบข้อเท็จจริงการลงนามในสัญญาดังกล่าว เพราะเกรงว่ากสทเสียประโยชน์จากโครงการนี้ รวมไปถึงให้ดำเนินการตามขั้นตอนในฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งจะต้องนำเสนอ โครงการที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาทให้กับกระทรวงไอซีทีในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแล รวมไปถึงต้องส่งเรื่องไปให้สภาพัฒน์พิจารณา และเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไปจึงจะเรียกว่าดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูก ต้อง
    
     แหล่งข่าวในกสทกล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่รับรู้กันในบอร์ดกสทว่านายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ อาจจะไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินผลรอบที่ 2 เนื่องจากไม่สามารถทำงานประสานและรองรับนโยบายตามที่บอร์ดต้องการได้ โดยเฉพาะไม่สามารถแก้ปัญหาโครงการ FTTx รวมทั้งหาผู้รับผิดชอบได้ ทั้งๆที่รับรู้ปัญหาตั้งแต่รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในเดือนมี.ค. 2555 เนื่องจากโครงการ FTTx ถือว่าอื้อฉาวมากสัญญาที่ทำส่อไปในทางไม่โปร่งใส เช่น บางพื้นที่ ไม่ได้มีความต้องการ พูดง่ายๆคือไปยัดเยียดให้โดยส่วนกลาง หรือ ไม่มีข้อกำหนดทางเทคนิค (TOR) แต่ละพื้นที่จึงมีสารพัดยี่ห้อ แต่ไปเขียน TOR ย้อนหลังเมื่อเซ็นสัญญาไปแล้วหลายเดือน บางสัญญาไม่ระบุพื้นที่ ติดตั้งชัดเจน แต่ระบุเป็นจำนวนพอร์ต เนื่องจากรีบทำรีบเซ็น และพื้นที่ไม่รู้เรื่อง การระบุจำนวนพอร์ต ก่อความเสียหายให้กับกสทคือหากบริษัท ติดตั้งในพื้นที่ใกล้เคียงกระจุกตัวแต่จำนวนพอร์ตครบก็เข้าเงื่อนไขของสัญญา
    
     แต่เป็นเรื่องแปลกที่ว่านอกจากจะไม่สอบสวนลงโทษผู้กระทำผิด หากสัญญามีปัญหาไม่ถูกต้องและไม่เป็นประโยชน์กับกสท รวมทั้งไม่ยกเลิกสัญญากับเอกชนแม้แต่รายเดียว แต่กลับมีความพยายามนำงบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดซื้ออุปกรณ์ FTTx ของจีนผ่านบริษัท MFECด้วยวิธีพิเศษ โดยไม่ต้องมีการประมูล
    
     'ไม่รู้เรียกว่าเป็นความพยายามทิ้งทวนหรือไม่ แต่ MFEC ช่วงหลังได้งานในกสทเยอะมาก เข้าใจว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใหญ่ระดับสูงในรัฐบาล ขณะนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่รวมถึงผู้บริหารต่างรู้สึกอึดอัด เนื่องจากการยัดเยียดให้ซื้อ FTTx กำลังกลับมาเกิดรอบสอง ทั้งๆที่โครงการ FTTxแรกยังไม่มีข้อสรุป อีกทั้งมีบางบริษัทที่ได้รับสัญญาเดิม กำลังดำเนินการฟ้องกสทอยู่ เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับบริษัทเหล่านั้น'

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่