
เพลงศึกบางระจัน ที่ เรา ท่าน เคยร้องด้วยความภาคภูมิใจ ในความเสียสละ ความกล้าหาญ และความรักชาติ ของชาวบ้านธรรมดาๆ ชาวนาชาวไร่ ที่รวมตัวกันต่อสู้กับกองทัพอันเกรียงไกรของพม่า จนตัวตายสิ้น ยังคงดังก้องในหัวใจของคนไทยทุกคน ผมเชื่อว่าคนไทยแทบทุกคนต้องเคยร้อง เคยฟังเพลงนี้กันมาบ้าง เพราะฉะนั้นวันหยุดวันนี้ ขอนำท่านไปไหว้พระอาจารย์ธรรมโชติ ณ.วัดโพธิ์เก้าต้น อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรีกันครับ
วันหยุดวันนี้เป็นวันคาร์ฟรีเดย์ ที่สิงห์บุรีก้ม็การจัดกิจกรรมขี่จักรยานไปอนุสาวรีย์ค่ายบางระจันกัน ในตอนเช้า แต่ลักษณะนิสัยของผมชอบอะไรที่เรียบง่าย ไม่ชอบพิธีการ ไม่ชอบความวุ่นวาย เลยเลี่ยงไม่ไปด้วย ตอนเช้าเลยขับรถไปเที่ยวกับครอบครัว เสร็จแล้วก็มานอนดูข่าว ดูหนัง ฟังเพลงไปเรื่อยๆ สบายๆวันหยุด ประมาณสี่โมงเย็นก็เตรียมตัวไปปั่นตามรอยคณะที่ไปกันตอนเช้า ออกจากบ้านประมาณ17.00 น. ปั่นไปทางวัดพระนอนจักรสีห์ ข้ามแม่น้ำน้อย ผ่านตลาดท่าข้าม ตลาดตอนเย็นที่คึกคักมาก ข้าวของราคาถูก ปลา ผักสดๆ อาหารการกินหลากหลาย ชาวบ้านเอากระบุงตระกร้า หาบหิ้วมาขายเอง รอยยิ้ม สายตาเป็นมิตร คำพูดจาที่เปี่ยมความจริงใจ ดึงดูดผู้คนให้มา ซื้อ หาจับจ่ายกัน จำนวนมากทุกวัน
ปั่นผ่านสี่แยกท่าข้ามทางไปสุพรรณ ผ่านวัดยายสร้อยซึ่งเป็นชื่อเล่น ส่วนชื่อจริงๆนั้นไม่เคยจดจำมัน ความจริงแล้วชื่อวัดนี่มันสะท้อน ความเป็นไปเป็นมาของวัด ไม่น่าไปเปลี่ยนเป็นชื่อจริง ซึ่งอาจจะเพราะพริ้งแต่ไม่สื่อถึงอะไรเลย จำก็ยาก ความหมายก็ลึกเกินกว่าชาว ชาวช่องที่เขาทำบุญ ทำนุบำรุงวัดอยู่จะเข้าใจได้ ผ่านไปเรื่อยๆ บริเวณป้ายบอกชื่อบ้าน บางบ้านก็มีเสื้อแดงแขวนอยู่บ้างประปราย ผมสังเกตุเห็นว่า แถวๆ อ.บางระจัน และอ.ค่ายบางระจัน มักมีเสื้อแดงแขวนประกาศตัวอยู่มากกว่า อ.อื่นๆ ถ้าจะเปรียบชาวบ้านบางระจันก็คงเหมือนคนเสื้อแดง ที่ย้อนยุคไปกว่า 240 ปี รวมตัวกันสู้แบบตามมีตามเกิด มีเพียงหัวใจกับความกล้าหาญ เสียสละ ยอมตายคาแผ่นดิน แม้ว่ากำลังพลและอาวุธจะเทียบไม่ได้เลยกับแสนยานุภาพของกองทัพพม่า โดนล้อมยิงด้วยปืนใหญ่แบบไม่มีทางสู้ได้แบบเดียวกับที่ พี่ น้องเสื้อแดงโดนทหารล้อมยิงที่วัดปทุมเลย แม้ว่าจะพยายามหาทางรอดด้วยการขอยืมปืนใหญ่จากกรุงศรีฯมาปกป้องแผ่นดินเกิด แต่อำมาตย์ใหญ่ไหนเลยจะสนใจชีวีไพร่ ปล่อยให้พม่าล้อมยิงชาวบ้านจนตายสิ้น ค่ายแตก หลายร้อยพันชีวิตดับดิ้น เลือดทาทั่ว นองแผ่นดิน หลังจากต้านพม่าได้นานกว่า 5 เดือน แต่เกียรติยศปรากฏลือเลื่องมากว่าสองร้อยปีและจะสืบไปอีกเป็นพันปี ผมเชื่อว่าคนไทยรู้จัก นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง นายทองเหม็น ฯลฯ มากกว่าเจ้าพระยา ขุนนาง อำมาตย์ แม้แต่พระเจ้าแผ่นดินในช่วงนั้น อย่างแน่นอน
ประมาณ17.30 น. ก็มาถึงวัดโพธิ์เก้าต้น เย็นมากแล้วผู้คนน้อย ตรงไปที่วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ บางคนอาจสงสัยว่า พระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ต่อไปนี้ขอเรียกว่าหลวงปู่ เกี่ยวอะไรกับชาวบ้านบางระจัน ตอนที่ตั้งค่ายใหม่ๆ ชาวบ้านได้ไปนิมนต์หลวงปู่มาเป็นมิ่งขวัญกำลังใจในค่าย หลวงปู่เป็นพระเรืองอาคม ปลุกเสก ตระกรุด ผ้ายันต์ ของขลังให้ชาวบ้านไว้เป็นกำลังใจในการสู้รบ วิหารหลวงปู่มี2หลัง หลังแรกเป็นหลังเก่า ก่ออิฐถือปูนแบบโบราณ ผนังอาคารชำรุด แตกหายไปบางส่วน มีรูปหล่อพระตั้งอยู่ 5-6 องค์ เป็นพระพุทธรูปเสียส่วนใหญ่ ส่วนรูปหลวงปู่เป็นพระภิกษุสูงราว 60-70 ซม. ยืนถือไม้เท้า มีทองคำเปลวปิดอยู่เต็มไปหมด ส่วนวิหารอีกหลังเป็นอาคารสวยงาม มีรูปหลวงปู่นั่งอยู่ แต่ที่สังเกตุเห็นว่าวิหารหลังแรกมีผู้คนมาสักการะมากกว่าแน่ๆ เขียนมายืดยาวแต่ยังไม่จบเดี๋ยวมาต่อนะครับ
ใกล้ๆกับวิหารมีสระน้ำ ที่ผู้คนนิยมมาบนบานศาลกล่าว หากได้สมประสงค์จะหาบน้ำแก้บน ผมรอคิวเข้าไหว้หลวงปู่ที่วิหารหลังเก่าอยู่ ก็มีเด็กอายุราวๆ 14-15 ปีเดินมาหา ถามว่าหาบน้ำไหมครับ ดูรูปร่างแล้วน่าจะเป็นจ็อกกี้ขี่ยาบ้าแน่ๆ แต่คนเราไม่อาจตัดสินด้วยภาพลักษณ์ภายนอกได้ จึงถามว่า หาบละเท่าไหร่ แกบอกว่า 3 บาทครับ โห หาบน้ำแค่หาบละ 3 บาทเอง เอางี้มี 50 บาท 20 หาบได้ไหม แกตกลง ผมก็ควักให้ไป ความจริงแล้ว ผมไม่ได้แก้บนอะไรหรอก ผมไม่ชอบบนบานอะไร อยากได้อะไรก็ขอเอา แบบนี้ไม่ใช่วิสัยผม แต่ที่จ้างเด็กด้วยเหตุ 2 อย่าง คือ ให้เด็กมีเงินใช้ แต่ก่อนจะให้ไม่วายเตือนอีกว่า ห้ามไปซื้อยานะโว้ย เด็กก็พยักหน้า เหตุที่2คือ อยากมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมให้หลวงปู่ เด็กหายไปสักพักก็หาบน้ำมา กระป๋องเล็กๆ ไม่เกิน 5 ลิตร เด็กเรียกให้ผมไปเทน้ำลงบ่อ ผมก็ไปเท ถามเด็กว่า เหลืออีกกี่หาน มันบอกว่า 9 หาบ เอาล่ะสิ ไม่ทันไรสันดานโผล่ซะแล้ว เมื่อกี้ยังบอกว่า 20 หาบอยู่เลย ผมไม่ยอมเถียงกับมัน มันก็ยอม ไปหาบมาอีก จนถึงหาบที่3 ระหว่างรอนั้น ผมก็ได้ไปไหว้หลวงปู่สมใจแล้ว หลังจากเทน้ำหาบที่3 จะรอให้ครบ 20 หาบคงมืดแน่ ขากลับจะลำบาก จึงบอกไปว่า 10 หาบก็ได้ แต่ให้ครบนะเว้ย แล้วก็เดินมาไหว้ศาลวีระชนที่อยู่ใกล้ๆกัน จากนั้นก็ข้ามถนนไปที่อนุสาวรีย์ กำหนดจิตนึกถึงเหล่าวีระชนสักครู่ ก็ขี่กลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน เริ่มมืดแล้ว เร่งฝีเท้าเต็มที่ กลัวอันตราย ต้องถอดแว่นเพราะมองไม่เห็นทาง พอถอดแว่น แมลงก็คอยจะเข้าตา ทรมานมากเลย ทำเวลาไม่ค่อยได้ กลับถึงบ้านทุ่มกว่าๆ ใช้เวลาไปเกือบ 2 ชม. ระยะทาง 30 กว่ากม. เอวี 18.9 แม็กซ์ 31.5 เผาไป 332 แคลอรี่ ก่อนจบขอฝากไว้ให้อ่าน เอามาจากวิหารหลวงปู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เกิดมาใครไม่ม้วย มีไฉน
บางระจันม้วยสม ศักดิ์ม้วย
ม้วยด้วยเกียรติเกรียงไกร เกริ่นเกริก
ออมยศยอมม้วยด้วย ค่าแพง
ปั่นจักรยานไปไหว้พระอาจารย์ธรรมโชติ(ค่ายบางระจัน)
เพลงศึกบางระจัน ที่ เรา ท่าน เคยร้องด้วยความภาคภูมิใจ ในความเสียสละ ความกล้าหาญ และความรักชาติ ของชาวบ้านธรรมดาๆ ชาวนาชาวไร่ ที่รวมตัวกันต่อสู้กับกองทัพอันเกรียงไกรของพม่า จนตัวตายสิ้น ยังคงดังก้องในหัวใจของคนไทยทุกคน ผมเชื่อว่าคนไทยแทบทุกคนต้องเคยร้อง เคยฟังเพลงนี้กันมาบ้าง เพราะฉะนั้นวันหยุดวันนี้ ขอนำท่านไปไหว้พระอาจารย์ธรรมโชติ ณ.วัดโพธิ์เก้าต้น อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรีกันครับ
วันหยุดวันนี้เป็นวันคาร์ฟรีเดย์ ที่สิงห์บุรีก้ม็การจัดกิจกรรมขี่จักรยานไปอนุสาวรีย์ค่ายบางระจันกัน ในตอนเช้า แต่ลักษณะนิสัยของผมชอบอะไรที่เรียบง่าย ไม่ชอบพิธีการ ไม่ชอบความวุ่นวาย เลยเลี่ยงไม่ไปด้วย ตอนเช้าเลยขับรถไปเที่ยวกับครอบครัว เสร็จแล้วก็มานอนดูข่าว ดูหนัง ฟังเพลงไปเรื่อยๆ สบายๆวันหยุด ประมาณสี่โมงเย็นก็เตรียมตัวไปปั่นตามรอยคณะที่ไปกันตอนเช้า ออกจากบ้านประมาณ17.00 น. ปั่นไปทางวัดพระนอนจักรสีห์ ข้ามแม่น้ำน้อย ผ่านตลาดท่าข้าม ตลาดตอนเย็นที่คึกคักมาก ข้าวของราคาถูก ปลา ผักสดๆ อาหารการกินหลากหลาย ชาวบ้านเอากระบุงตระกร้า หาบหิ้วมาขายเอง รอยยิ้ม สายตาเป็นมิตร คำพูดจาที่เปี่ยมความจริงใจ ดึงดูดผู้คนให้มา ซื้อ หาจับจ่ายกัน จำนวนมากทุกวัน
ปั่นผ่านสี่แยกท่าข้ามทางไปสุพรรณ ผ่านวัดยายสร้อยซึ่งเป็นชื่อเล่น ส่วนชื่อจริงๆนั้นไม่เคยจดจำมัน ความจริงแล้วชื่อวัดนี่มันสะท้อน ความเป็นไปเป็นมาของวัด ไม่น่าไปเปลี่ยนเป็นชื่อจริง ซึ่งอาจจะเพราะพริ้งแต่ไม่สื่อถึงอะไรเลย จำก็ยาก ความหมายก็ลึกเกินกว่าชาว ชาวช่องที่เขาทำบุญ ทำนุบำรุงวัดอยู่จะเข้าใจได้ ผ่านไปเรื่อยๆ บริเวณป้ายบอกชื่อบ้าน บางบ้านก็มีเสื้อแดงแขวนอยู่บ้างประปราย ผมสังเกตุเห็นว่า แถวๆ อ.บางระจัน และอ.ค่ายบางระจัน มักมีเสื้อแดงแขวนประกาศตัวอยู่มากกว่า อ.อื่นๆ ถ้าจะเปรียบชาวบ้านบางระจันก็คงเหมือนคนเสื้อแดง ที่ย้อนยุคไปกว่า 240 ปี รวมตัวกันสู้แบบตามมีตามเกิด มีเพียงหัวใจกับความกล้าหาญ เสียสละ ยอมตายคาแผ่นดิน แม้ว่ากำลังพลและอาวุธจะเทียบไม่ได้เลยกับแสนยานุภาพของกองทัพพม่า โดนล้อมยิงด้วยปืนใหญ่แบบไม่มีทางสู้ได้แบบเดียวกับที่ พี่ น้องเสื้อแดงโดนทหารล้อมยิงที่วัดปทุมเลย แม้ว่าจะพยายามหาทางรอดด้วยการขอยืมปืนใหญ่จากกรุงศรีฯมาปกป้องแผ่นดินเกิด แต่อำมาตย์ใหญ่ไหนเลยจะสนใจชีวีไพร่ ปล่อยให้พม่าล้อมยิงชาวบ้านจนตายสิ้น ค่ายแตก หลายร้อยพันชีวิตดับดิ้น เลือดทาทั่ว นองแผ่นดิน หลังจากต้านพม่าได้นานกว่า 5 เดือน แต่เกียรติยศปรากฏลือเลื่องมากว่าสองร้อยปีและจะสืบไปอีกเป็นพันปี ผมเชื่อว่าคนไทยรู้จัก นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง นายทองเหม็น ฯลฯ มากกว่าเจ้าพระยา ขุนนาง อำมาตย์ แม้แต่พระเจ้าแผ่นดินในช่วงนั้น อย่างแน่นอน
ประมาณ17.30 น. ก็มาถึงวัดโพธิ์เก้าต้น เย็นมากแล้วผู้คนน้อย ตรงไปที่วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ บางคนอาจสงสัยว่า พระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ต่อไปนี้ขอเรียกว่าหลวงปู่ เกี่ยวอะไรกับชาวบ้านบางระจัน ตอนที่ตั้งค่ายใหม่ๆ ชาวบ้านได้ไปนิมนต์หลวงปู่มาเป็นมิ่งขวัญกำลังใจในค่าย หลวงปู่เป็นพระเรืองอาคม ปลุกเสก ตระกรุด ผ้ายันต์ ของขลังให้ชาวบ้านไว้เป็นกำลังใจในการสู้รบ วิหารหลวงปู่มี2หลัง หลังแรกเป็นหลังเก่า ก่ออิฐถือปูนแบบโบราณ ผนังอาคารชำรุด แตกหายไปบางส่วน มีรูปหล่อพระตั้งอยู่ 5-6 องค์ เป็นพระพุทธรูปเสียส่วนใหญ่ ส่วนรูปหลวงปู่เป็นพระภิกษุสูงราว 60-70 ซม. ยืนถือไม้เท้า มีทองคำเปลวปิดอยู่เต็มไปหมด ส่วนวิหารอีกหลังเป็นอาคารสวยงาม มีรูปหลวงปู่นั่งอยู่ แต่ที่สังเกตุเห็นว่าวิหารหลังแรกมีผู้คนมาสักการะมากกว่าแน่ๆ เขียนมายืดยาวแต่ยังไม่จบเดี๋ยวมาต่อนะครับ
ใกล้ๆกับวิหารมีสระน้ำ ที่ผู้คนนิยมมาบนบานศาลกล่าว หากได้สมประสงค์จะหาบน้ำแก้บน ผมรอคิวเข้าไหว้หลวงปู่ที่วิหารหลังเก่าอยู่ ก็มีเด็กอายุราวๆ 14-15 ปีเดินมาหา ถามว่าหาบน้ำไหมครับ ดูรูปร่างแล้วน่าจะเป็นจ็อกกี้ขี่ยาบ้าแน่ๆ แต่คนเราไม่อาจตัดสินด้วยภาพลักษณ์ภายนอกได้ จึงถามว่า หาบละเท่าไหร่ แกบอกว่า 3 บาทครับ โห หาบน้ำแค่หาบละ 3 บาทเอง เอางี้มี 50 บาท 20 หาบได้ไหม แกตกลง ผมก็ควักให้ไป ความจริงแล้ว ผมไม่ได้แก้บนอะไรหรอก ผมไม่ชอบบนบานอะไร อยากได้อะไรก็ขอเอา แบบนี้ไม่ใช่วิสัยผม แต่ที่จ้างเด็กด้วยเหตุ 2 อย่าง คือ ให้เด็กมีเงินใช้ แต่ก่อนจะให้ไม่วายเตือนอีกว่า ห้ามไปซื้อยานะโว้ย เด็กก็พยักหน้า เหตุที่2คือ อยากมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมให้หลวงปู่ เด็กหายไปสักพักก็หาบน้ำมา กระป๋องเล็กๆ ไม่เกิน 5 ลิตร เด็กเรียกให้ผมไปเทน้ำลงบ่อ ผมก็ไปเท ถามเด็กว่า เหลืออีกกี่หาน มันบอกว่า 9 หาบ เอาล่ะสิ ไม่ทันไรสันดานโผล่ซะแล้ว เมื่อกี้ยังบอกว่า 20 หาบอยู่เลย ผมไม่ยอมเถียงกับมัน มันก็ยอม ไปหาบมาอีก จนถึงหาบที่3 ระหว่างรอนั้น ผมก็ได้ไปไหว้หลวงปู่สมใจแล้ว หลังจากเทน้ำหาบที่3 จะรอให้ครบ 20 หาบคงมืดแน่ ขากลับจะลำบาก จึงบอกไปว่า 10 หาบก็ได้ แต่ให้ครบนะเว้ย แล้วก็เดินมาไหว้ศาลวีระชนที่อยู่ใกล้ๆกัน จากนั้นก็ข้ามถนนไปที่อนุสาวรีย์ กำหนดจิตนึกถึงเหล่าวีระชนสักครู่ ก็ขี่กลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน เริ่มมืดแล้ว เร่งฝีเท้าเต็มที่ กลัวอันตราย ต้องถอดแว่นเพราะมองไม่เห็นทาง พอถอดแว่น แมลงก็คอยจะเข้าตา ทรมานมากเลย ทำเวลาไม่ค่อยได้ กลับถึงบ้านทุ่มกว่าๆ ใช้เวลาไปเกือบ 2 ชม. ระยะทาง 30 กว่ากม. เอวี 18.9 แม็กซ์ 31.5 เผาไป 332 แคลอรี่ ก่อนจบขอฝากไว้ให้อ่าน เอามาจากวิหารหลวงปู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้