เตือนภัยสังคมค่ะ
เรื่องที่จะโพสต่อไปนี้ได้รับการบอกเล่าจากประสบการณ์จริงของพี่ท่านหนึ่ง
(โดยขอสงวนชื่อบุคคลในเรื่อง และใช้ชื่อสมมุติในการเล่าเรื่องนะคะ)
จขกท ขอเรียกพี่ท่านนี้ว่า พี่อร
พี่อรประกาศขายที่ดินแปลงหนึ่งในย่านชานเมืองกรุงเทพ ราคากว่า 5 ล้าน มีผู้สนใจติดต่อมาสอบถามรายละเอียดอยู่หลายราย
พี่อรก็ให้รายละเอียดไปตามสมควร เช่น พื้นที่เท่าไหร่ หน้ากว้างเท่าไหร่ และต่อรองราคากันตามปกติวิสัยของการซื้อขาย
วันหนึ่งพี่อรได้รับโทรศัพท์จากชายชื่อ ชัย อ้างว่าเห็นประกาศขายที่ดินของพี่อร นายชัยโทรมาสอบถามรายละเอียดเช่นเดียวกับผู้ซื้อรายอื่นๆ
อาจจะมีเพิ่มบ้างเช่น เหตุผลที่ขายที่ดิน พี่อรให้เหตุผลว่าเดิมคิดจะสร้างบ้าน แต่ตอนนี้จะต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด
นายชัยถามถึงบ้านที่อยู่ปัจจุบัน พี่อรตอบไปว่าขายได้แล้วและตอนนี้อยู่บ้านเช่า
พูดคุยกันเรื่องราคาสักพัก นายชัยก็ขอนัดหมายเพื่อที่จะขอสำเนาโฉนดที่ดิน
วันที่นัดพบเพื่อรับสำเนาโฉนดที่ดิน สถานที่นัดหมายพี่อรเป็นผู้กำหนด โดยนัดกันที่ตลาดนัดใกล้บ้านพี่อร
นายชัยรูปร่างสันทัดผิวไม่คล้ำ บุคลิกดูสะอาด ขับรถป้ายแดงมาพบตามสถานที่และเวลาที่นัดหมาย
หลังจากให้สำเนาโฉนด นายชัยบอกว่าจะนำกลับไปตรวจสอบและติดต่อมาอีกครั้ง
หลังจากนั้น 2-3 วัน นายชัยโทรกลับมาหาพี่อร และบอกพี่อรว่า ตนต้องการซื้อที่ไปให้เจ้านาย
จึงอยากจะนัดพี่อรไปพบกับเจ้านายเพื่อพูดคุยเรื่องที่ดิน แต่ขอให้พี่อรบอกราคาที่ดินสูงจากที่ประกาศขาย
เพื่อที่ตนจะได้เป็นค่าดำเนินการ (ค่านายหน้าน่ะแหละ) พี่อรตกลงว่าจะช่วยบอกราคาสูงขึ้น
และไม่บอกราคาจริงกับเจ้านายของนายชัย นายชัยจะโทรมาแจ้งสถานที่นัดหมายและวันเวลาอีกครั้ง
หลังจากนั้นนายชัยโทรมานัดพบพี่อร เป็นวันธรรมดา เวลา 10 โมงเช้า สถานที่นัดเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
พอถึงวันที่นัดหมาย พี่อรเดินทางไปที่นัดพบพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เลยเวลานัดแล้วนายชัยก็ยังมาไม่ถึง
เมื่อพี่อรโทรไปหา นายชัยแจ้งว่ารถติดและขอเปลี่ยนสถานที่นัด
พี่อรเห็นว่าทางขาเข้าที่นายชัยต้องมาที่ห้างดังกล่าวรถติดจริงต่างกับขาออกที่เดินทางไปสถานที่นัดใหม่
จึงตกลงเปลี่ยนที่นัดตามที่นายชัยต้องการ เป็นร้านอาหารที่พี่อรไม่เคยไปมาก่อนแต่อยู่ไม่ไกลมากนัก
เมื่อไปถึงร้านอาหาร (โดยมีนายชัยเป็นคนบอกทาง) ร้านเป็นร้านค่อนข้างใหญ่แบ่งเป็นห้องๆ ทั้งร้านมีลูกค้าแค่กลุ่มของพี่อรและนายชัยเท่านั้น
พี่อรและเพื่อนจอดรถที่บริเวณที่จอดรถของร้านและนายชัยเป็นผู้ออกมารับและเดินนำไปยังห้องส่วนตัว
ภายในห้องส่วนตัว มีผู้หญิงคนหนึ่งรออยู่ นายชัยแนะนำให้พี่อรรู้จักกับเจ๊วรรณ เจ๊วรรณเป็นผู้หญิงรูปร่างอ้วน ใส่ทองเต็มตัว
ในใจพี่อรคิดแล้วว่าเจ๊คนนี้ต้องเป็นคนที่มาซื้อที่แน่ๆ แต่เมื่อได้พูดคุยจึงรู้ว่าไม่ใช่
คนที่ต้องการซื้อที่เป็นเจ้านายของเจ๊วรรณอีกทีหนึ่ง โดยเจ๊วรรณเรียกว่า เสี่ย
เมื่อพี่อรถามว่าเจ๊ทำงานอะไรให้เสี่ยเหรอ เจ๊วรรณตอบว่า ช่วยงานทั่วๆไป
พร้อมทั้งเล่าให้พี่อรฟังว่า จริงๆต้องการเชิญพี่อรไปพูดคุยกันที่บ้านของเสี่ย
แต่ไม่สะดวกเพราะเมื่อคืนเสี่ยจัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อนฝูงที่บ้าน ส่วนเรื่องที่ดิน เสี่ยต้องการซื้อเพื่อไปปลูกบ้านให้กับภรรยาเด็กของเสี่ยแก
และงานเลี้ยงเมื่อคืน ก็เป็นงานเลี้ยงที่เสี่ยพาเมียเด็กแนะนำเพื่อนฝูงน่ะเอง
เจ๊ถามว่าพี่อรออกมาคุยได้นานหรือไม่ พี่อรบอกว่า ลางานมาคงอยู่ได้ไม่นาน
เจ๊วรรณบอกว่าน่าจะลาครึ่งวันบ่ายไปเลยและชวนพี่อรและเพื่อนทานข้าว
ระหว่างกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป (เรื่องที่ดินพูดถึงนิดหน่อย) เสี่ยก็มาถึง
เสี่ยมาดดูดี หน้าตาดี อายุน่าจะ 40 กว่า ใส่สูทผูกไท และมาพร้อมกับกระเป๋าเงิน
เมื่อมาถึงเสี่ยบ่นกับเจ๊วรรณเรื่องคนขับรถ ว่าทำไมถึงใช้คนขับรถใหม่ แล้วคนเก่าไปไหน
เพราะวันนี้เสี่ยต้องไปเบิกเงินหลายล้าน ทำไมไม่ให้ไปกับคนที่ไว้ใจได้หน่อย
(พร้อมเปิดกระเป๋าโชว์แบงค์พันเป็นฟ่อนๆในกระเป๋า) และบอกว่า เงินนี้จะเอาไปเล่นพนันแก้มือกับเพื่อนกลุ่มเมื่อคืน
นายชัยแนะนำพี่อรให้รู้จักเสี่ย พูดคุยเรื่องที่ดินกันไม่กี่ประโยค เสี่ยก็ขอตัวออกไปรับภรรยา(เด็ก)มาพูดคุยด้วย
เสี่ยแกบอกว่า หากภรรยาชอบ เสี่ยก็จะตกลงซื้อทันที พี่อรจึงได้รอเพื่อพูดคุยกับภรรยาของเสี่ย
เมื่อเสี่ยออกไป(พร้อมกระเป๋าเงิน) เจ๊วรรณก็ปรึกษากับนายชัยว่าๆม่ต้องการให้เสี่ยเล่นพนันแล้ว เพราะเมื่อคืนเสี่ยก็เสียเงินไปหลายล้าน
พร้อมกับบ่นว่าตนจะทำยังไงดีเสี่ยจึงจะล้มเลิกความตั้งใจ เจ๊วรรณถามนายชัยว่าพอจะมีคนรู้จักที่เล่นพนันบางมั๊ย
อาจจะเป็นพวกที่ชอบเล่นการพนันและเล่นจนหมดตัว หรือใครที่คิดว่ามาพูดแล้วเสี่ยจะฟังบ้าง
นายชัยบอกว่า ตนมีเพื่อนอยู่คนนึง น่าจะว่างมาพบและพูดคุยกับเสี่ยได้
นายชัยโทรหาเพื่อนคนดังกล่าว บอกสถานที่และจุดประสงค์ว่าต้องการให้มาพูดคุยกับเจ้านาย
ไม่นานเพื่อนคนนั้นของนายชัย ชื่อ สมหมาย ก็มาถึงร้านอาหาร สมหมายเล่าว่า ตนเคยรับจ้างเล่นการพนันให้กับพวกเศรษฐีและนักการเมือง
แต่เลิกมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ตนรู้ทั้งวิธีเล่นพนันและกลโกงสารพัดชนิด
เจ๊วรรณจึงเล่าเรื่องที่ไม่ต้องการให้เสี่ยเล่นพนันคืนนี้ให้ฟัง สมหมายบอกตนไม่สนับสนุนเพราะมันมีการโกงสารพัด เสี่ยเล่นก็มีแต่เสียกับเสีย
ไม่เชื่อตนจะสาธิตให้ดูก็ได้ว่าเค้าโกงกันยังไง (ขั้นตอนและการเล่นขอไม่กล่าวถึงเพราะพี่อรก็ไม่ทราบว่าคือการเล่นชนิดใด)
โดยให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้แก่ เจ๊วรรณ นายชัย พี่อร และเพื่อนพี่อรร่วมเล่น ใช้วิธีนับแต้มแทนลงเงินจริง โดยทดลองนัดแนะกลโกงกับพี่อร
ซึ่งฝ่ายพี่อรกับสมหมายก็โกงได้แนบเนียนและชนะทุกครั้งไป นายชัยจึงเสนอความคิดว่าจะให้สมหมายเล่นพนันกับเสี่ย
เพื่อเสี่ยจะได้เป็นฝ่ายเสียและล้มเลิกที่จะไปเล่นในคืนนี้
เสี่ยกลับมาพอดี แต่ภรรยาสาวไม่ได้กลับมาด้วย เนื่องจากยังทำผมไม่เสร็จ เสี่ยจึงจะให้ขับรถตามมาเอง
พอเสี่ยกลับมา นายชัยก็แนะนำให้รู้จักกับสมหมายและชวนให้เสี่ยลองเล่นกันสักรอบ (รอบนึงมี 10 เกม)
โดยผู้เล่นหน้าเดิม คือ เจ๊วรรณ นายชัย สมหมาย พี่อร และเพื่อนพี่อร แต่เพิ่มเสี่ยมาอีกคน และใช้การจดแต้มแทนการลงเงินจริงอีกเหมือนเดิม
เล่นกันจนผ่านไปประมาณ 3-4 เกม ผลเป็นไปตามคาดคือเสี่ยเล่นเสียทุกตา
เสี่ยลุกขึ้นและบอกว่าไม่เล่นแล้ว พร้อมหยิบเงินจากกระเป๋าออกมากองบอกว่า ให้ทุกคนเอาไปแบ่งกัน
นายชัยบอกไม่เอา แค่ต้องการให้เสี่ยไม่ไปเล่นคืนนี้ เสี่ยบอกว่า ยังไงเสี่ยก็จะเล่น ต้องไปแก้มือที่เมื่อคืนเสีย หรือทุกคนจะมาเล่นกับเสี่ยล่ะ
เจ้วรรณเห็นดังนั้นจึงเสนอว่า พวกตนมาเล่นกับเสี่ยก็ได้ เพราะเสี่ยเล่นกับพวกตนคงเสียไม่เท่าไหร่
แต่ถ้ากลับไปเล่นกับกลุ่มเมื่อคืน เสี่ยต้องเสียมากกว่า 10 ล้านแน่ๆ
เสี่ยบอกว่าได้ แต่จะต้องเอาเงินสดมากองมาเล่นกันเลยนะ 6 โมงเย็นวันนี้ 10 ล้าน มาเจอกัน
จากนั้นเสี่ยก็บอกว่า ขอตัวไปทำธุระก่อน ส่วนเรื่องที่ดินจะพาภรรยาไปดูแล้วมาให้คำตอบ
แลัวเสี่ยก็ออกไป
นายชัยและสมหมาย ชวนพี่อรให้ร่วมเล่นด้วย เพราะหากได้ 10 ล้าน เท่ากับได้คนละ 2 ล้านสบายๆ
พี่อรยืนยันว่าไม่เล่น เพราะต้องการมาเพื่อขายที่ดินไม่ได้ต้องการมาโกงใครเพื่อให้ได้เงิน
(ระหว่างนั้นมีการพูดให้พี่อรเปลี่ยนใจและร่วมเล่นหลายครั้ง แต่พี่อรยืนยันที่จะไม่เล่น)
จากนั้นพี่อรขอตัวกลับก่อนเพราะต้องกลับไปทำงาน
เรื่องราวทั้งหมดมีเพียงเท่านี้ค่ะ
เพิ่มเติมข้อความนะคะ
- จากที่ได้อ่านความคิดเห็นจากหลายๆท่าน จขกทจึงลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
และพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดเป็นรูปแบบดั้งเดิมของแก๊งกำถั่วเลยทีเดียว นับว่าโชคดีที่พี่อรรอดมาได้
แต่อยากจะขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่านว่าไม่ใช่เรื่องนี้จะเกิดเฉพาะกับคนสูงอายุอยู่ต่างจังหวัดเท่านั้น
พี่อรเป็นพนักงานออฟฟิสมีหน้าที่การงานดีอยู่กลางกรุงเทพและไม่ได้เป็นเศรษฐีที่ดิน
แต่ก็ยังตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพเหล่านี้ จึงอยากให้ทุกท่านพึงระวังและขอให้เรื่องนี้ช่วยเตือนสติ
และหวังว่าจะไม่มีใครต้องตกเป็นเหยื่อคนชั่วเหล่านี้อีก
ใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างคะ นัดคุยเรื่องที่ดินกลายเป็นชวนเล่นพนัน
เรื่องที่จะโพสต่อไปนี้ได้รับการบอกเล่าจากประสบการณ์จริงของพี่ท่านหนึ่ง
(โดยขอสงวนชื่อบุคคลในเรื่อง และใช้ชื่อสมมุติในการเล่าเรื่องนะคะ)
จขกท ขอเรียกพี่ท่านนี้ว่า พี่อร
พี่อรประกาศขายที่ดินแปลงหนึ่งในย่านชานเมืองกรุงเทพ ราคากว่า 5 ล้าน มีผู้สนใจติดต่อมาสอบถามรายละเอียดอยู่หลายราย
พี่อรก็ให้รายละเอียดไปตามสมควร เช่น พื้นที่เท่าไหร่ หน้ากว้างเท่าไหร่ และต่อรองราคากันตามปกติวิสัยของการซื้อขาย
วันหนึ่งพี่อรได้รับโทรศัพท์จากชายชื่อ ชัย อ้างว่าเห็นประกาศขายที่ดินของพี่อร นายชัยโทรมาสอบถามรายละเอียดเช่นเดียวกับผู้ซื้อรายอื่นๆ
อาจจะมีเพิ่มบ้างเช่น เหตุผลที่ขายที่ดิน พี่อรให้เหตุผลว่าเดิมคิดจะสร้างบ้าน แต่ตอนนี้จะต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด
นายชัยถามถึงบ้านที่อยู่ปัจจุบัน พี่อรตอบไปว่าขายได้แล้วและตอนนี้อยู่บ้านเช่า
พูดคุยกันเรื่องราคาสักพัก นายชัยก็ขอนัดหมายเพื่อที่จะขอสำเนาโฉนดที่ดิน
วันที่นัดพบเพื่อรับสำเนาโฉนดที่ดิน สถานที่นัดหมายพี่อรเป็นผู้กำหนด โดยนัดกันที่ตลาดนัดใกล้บ้านพี่อร
นายชัยรูปร่างสันทัดผิวไม่คล้ำ บุคลิกดูสะอาด ขับรถป้ายแดงมาพบตามสถานที่และเวลาที่นัดหมาย
หลังจากให้สำเนาโฉนด นายชัยบอกว่าจะนำกลับไปตรวจสอบและติดต่อมาอีกครั้ง
หลังจากนั้น 2-3 วัน นายชัยโทรกลับมาหาพี่อร และบอกพี่อรว่า ตนต้องการซื้อที่ไปให้เจ้านาย
จึงอยากจะนัดพี่อรไปพบกับเจ้านายเพื่อพูดคุยเรื่องที่ดิน แต่ขอให้พี่อรบอกราคาที่ดินสูงจากที่ประกาศขาย
เพื่อที่ตนจะได้เป็นค่าดำเนินการ (ค่านายหน้าน่ะแหละ) พี่อรตกลงว่าจะช่วยบอกราคาสูงขึ้น
และไม่บอกราคาจริงกับเจ้านายของนายชัย นายชัยจะโทรมาแจ้งสถานที่นัดหมายและวันเวลาอีกครั้ง
หลังจากนั้นนายชัยโทรมานัดพบพี่อร เป็นวันธรรมดา เวลา 10 โมงเช้า สถานที่นัดเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
พอถึงวันที่นัดหมาย พี่อรเดินทางไปที่นัดพบพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เลยเวลานัดแล้วนายชัยก็ยังมาไม่ถึง
เมื่อพี่อรโทรไปหา นายชัยแจ้งว่ารถติดและขอเปลี่ยนสถานที่นัด
พี่อรเห็นว่าทางขาเข้าที่นายชัยต้องมาที่ห้างดังกล่าวรถติดจริงต่างกับขาออกที่เดินทางไปสถานที่นัดใหม่
จึงตกลงเปลี่ยนที่นัดตามที่นายชัยต้องการ เป็นร้านอาหารที่พี่อรไม่เคยไปมาก่อนแต่อยู่ไม่ไกลมากนัก
เมื่อไปถึงร้านอาหาร (โดยมีนายชัยเป็นคนบอกทาง) ร้านเป็นร้านค่อนข้างใหญ่แบ่งเป็นห้องๆ ทั้งร้านมีลูกค้าแค่กลุ่มของพี่อรและนายชัยเท่านั้น
พี่อรและเพื่อนจอดรถที่บริเวณที่จอดรถของร้านและนายชัยเป็นผู้ออกมารับและเดินนำไปยังห้องส่วนตัว
ภายในห้องส่วนตัว มีผู้หญิงคนหนึ่งรออยู่ นายชัยแนะนำให้พี่อรรู้จักกับเจ๊วรรณ เจ๊วรรณเป็นผู้หญิงรูปร่างอ้วน ใส่ทองเต็มตัว
ในใจพี่อรคิดแล้วว่าเจ๊คนนี้ต้องเป็นคนที่มาซื้อที่แน่ๆ แต่เมื่อได้พูดคุยจึงรู้ว่าไม่ใช่
คนที่ต้องการซื้อที่เป็นเจ้านายของเจ๊วรรณอีกทีหนึ่ง โดยเจ๊วรรณเรียกว่า เสี่ย
เมื่อพี่อรถามว่าเจ๊ทำงานอะไรให้เสี่ยเหรอ เจ๊วรรณตอบว่า ช่วยงานทั่วๆไป
พร้อมทั้งเล่าให้พี่อรฟังว่า จริงๆต้องการเชิญพี่อรไปพูดคุยกันที่บ้านของเสี่ย
แต่ไม่สะดวกเพราะเมื่อคืนเสี่ยจัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อนฝูงที่บ้าน ส่วนเรื่องที่ดิน เสี่ยต้องการซื้อเพื่อไปปลูกบ้านให้กับภรรยาเด็กของเสี่ยแก
และงานเลี้ยงเมื่อคืน ก็เป็นงานเลี้ยงที่เสี่ยพาเมียเด็กแนะนำเพื่อนฝูงน่ะเอง
เจ๊ถามว่าพี่อรออกมาคุยได้นานหรือไม่ พี่อรบอกว่า ลางานมาคงอยู่ได้ไม่นาน
เจ๊วรรณบอกว่าน่าจะลาครึ่งวันบ่ายไปเลยและชวนพี่อรและเพื่อนทานข้าว
ระหว่างกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป (เรื่องที่ดินพูดถึงนิดหน่อย) เสี่ยก็มาถึง
เสี่ยมาดดูดี หน้าตาดี อายุน่าจะ 40 กว่า ใส่สูทผูกไท และมาพร้อมกับกระเป๋าเงิน
เมื่อมาถึงเสี่ยบ่นกับเจ๊วรรณเรื่องคนขับรถ ว่าทำไมถึงใช้คนขับรถใหม่ แล้วคนเก่าไปไหน
เพราะวันนี้เสี่ยต้องไปเบิกเงินหลายล้าน ทำไมไม่ให้ไปกับคนที่ไว้ใจได้หน่อย
(พร้อมเปิดกระเป๋าโชว์แบงค์พันเป็นฟ่อนๆในกระเป๋า) และบอกว่า เงินนี้จะเอาไปเล่นพนันแก้มือกับเพื่อนกลุ่มเมื่อคืน
นายชัยแนะนำพี่อรให้รู้จักเสี่ย พูดคุยเรื่องที่ดินกันไม่กี่ประโยค เสี่ยก็ขอตัวออกไปรับภรรยา(เด็ก)มาพูดคุยด้วย
เสี่ยแกบอกว่า หากภรรยาชอบ เสี่ยก็จะตกลงซื้อทันที พี่อรจึงได้รอเพื่อพูดคุยกับภรรยาของเสี่ย
เมื่อเสี่ยออกไป(พร้อมกระเป๋าเงิน) เจ๊วรรณก็ปรึกษากับนายชัยว่าๆม่ต้องการให้เสี่ยเล่นพนันแล้ว เพราะเมื่อคืนเสี่ยก็เสียเงินไปหลายล้าน
พร้อมกับบ่นว่าตนจะทำยังไงดีเสี่ยจึงจะล้มเลิกความตั้งใจ เจ๊วรรณถามนายชัยว่าพอจะมีคนรู้จักที่เล่นพนันบางมั๊ย
อาจจะเป็นพวกที่ชอบเล่นการพนันและเล่นจนหมดตัว หรือใครที่คิดว่ามาพูดแล้วเสี่ยจะฟังบ้าง
นายชัยบอกว่า ตนมีเพื่อนอยู่คนนึง น่าจะว่างมาพบและพูดคุยกับเสี่ยได้
นายชัยโทรหาเพื่อนคนดังกล่าว บอกสถานที่และจุดประสงค์ว่าต้องการให้มาพูดคุยกับเจ้านาย
ไม่นานเพื่อนคนนั้นของนายชัย ชื่อ สมหมาย ก็มาถึงร้านอาหาร สมหมายเล่าว่า ตนเคยรับจ้างเล่นการพนันให้กับพวกเศรษฐีและนักการเมือง
แต่เลิกมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ตนรู้ทั้งวิธีเล่นพนันและกลโกงสารพัดชนิด
เจ๊วรรณจึงเล่าเรื่องที่ไม่ต้องการให้เสี่ยเล่นพนันคืนนี้ให้ฟัง สมหมายบอกตนไม่สนับสนุนเพราะมันมีการโกงสารพัด เสี่ยเล่นก็มีแต่เสียกับเสีย
ไม่เชื่อตนจะสาธิตให้ดูก็ได้ว่าเค้าโกงกันยังไง (ขั้นตอนและการเล่นขอไม่กล่าวถึงเพราะพี่อรก็ไม่ทราบว่าคือการเล่นชนิดใด)
โดยให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้แก่ เจ๊วรรณ นายชัย พี่อร และเพื่อนพี่อรร่วมเล่น ใช้วิธีนับแต้มแทนลงเงินจริง โดยทดลองนัดแนะกลโกงกับพี่อร
ซึ่งฝ่ายพี่อรกับสมหมายก็โกงได้แนบเนียนและชนะทุกครั้งไป นายชัยจึงเสนอความคิดว่าจะให้สมหมายเล่นพนันกับเสี่ย
เพื่อเสี่ยจะได้เป็นฝ่ายเสียและล้มเลิกที่จะไปเล่นในคืนนี้
เสี่ยกลับมาพอดี แต่ภรรยาสาวไม่ได้กลับมาด้วย เนื่องจากยังทำผมไม่เสร็จ เสี่ยจึงจะให้ขับรถตามมาเอง
พอเสี่ยกลับมา นายชัยก็แนะนำให้รู้จักกับสมหมายและชวนให้เสี่ยลองเล่นกันสักรอบ (รอบนึงมี 10 เกม)
โดยผู้เล่นหน้าเดิม คือ เจ๊วรรณ นายชัย สมหมาย พี่อร และเพื่อนพี่อร แต่เพิ่มเสี่ยมาอีกคน และใช้การจดแต้มแทนการลงเงินจริงอีกเหมือนเดิม
เล่นกันจนผ่านไปประมาณ 3-4 เกม ผลเป็นไปตามคาดคือเสี่ยเล่นเสียทุกตา
เสี่ยลุกขึ้นและบอกว่าไม่เล่นแล้ว พร้อมหยิบเงินจากกระเป๋าออกมากองบอกว่า ให้ทุกคนเอาไปแบ่งกัน
นายชัยบอกไม่เอา แค่ต้องการให้เสี่ยไม่ไปเล่นคืนนี้ เสี่ยบอกว่า ยังไงเสี่ยก็จะเล่น ต้องไปแก้มือที่เมื่อคืนเสีย หรือทุกคนจะมาเล่นกับเสี่ยล่ะ
เจ้วรรณเห็นดังนั้นจึงเสนอว่า พวกตนมาเล่นกับเสี่ยก็ได้ เพราะเสี่ยเล่นกับพวกตนคงเสียไม่เท่าไหร่
แต่ถ้ากลับไปเล่นกับกลุ่มเมื่อคืน เสี่ยต้องเสียมากกว่า 10 ล้านแน่ๆ
เสี่ยบอกว่าได้ แต่จะต้องเอาเงินสดมากองมาเล่นกันเลยนะ 6 โมงเย็นวันนี้ 10 ล้าน มาเจอกัน
จากนั้นเสี่ยก็บอกว่า ขอตัวไปทำธุระก่อน ส่วนเรื่องที่ดินจะพาภรรยาไปดูแล้วมาให้คำตอบ
แลัวเสี่ยก็ออกไป
นายชัยและสมหมาย ชวนพี่อรให้ร่วมเล่นด้วย เพราะหากได้ 10 ล้าน เท่ากับได้คนละ 2 ล้านสบายๆ
พี่อรยืนยันว่าไม่เล่น เพราะต้องการมาเพื่อขายที่ดินไม่ได้ต้องการมาโกงใครเพื่อให้ได้เงิน
(ระหว่างนั้นมีการพูดให้พี่อรเปลี่ยนใจและร่วมเล่นหลายครั้ง แต่พี่อรยืนยันที่จะไม่เล่น)
จากนั้นพี่อรขอตัวกลับก่อนเพราะต้องกลับไปทำงาน
เรื่องราวทั้งหมดมีเพียงเท่านี้ค่ะ
เพิ่มเติมข้อความนะคะ
- จากที่ได้อ่านความคิดเห็นจากหลายๆท่าน จขกทจึงลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
และพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดเป็นรูปแบบดั้งเดิมของแก๊งกำถั่วเลยทีเดียว นับว่าโชคดีที่พี่อรรอดมาได้
แต่อยากจะขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่านว่าไม่ใช่เรื่องนี้จะเกิดเฉพาะกับคนสูงอายุอยู่ต่างจังหวัดเท่านั้น
พี่อรเป็นพนักงานออฟฟิสมีหน้าที่การงานดีอยู่กลางกรุงเทพและไม่ได้เป็นเศรษฐีที่ดิน
แต่ก็ยังตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพเหล่านี้ จึงอยากให้ทุกท่านพึงระวังและขอให้เรื่องนี้ช่วยเตือนสติ
และหวังว่าจะไม่มีใครต้องตกเป็นเหยื่อคนชั่วเหล่านี้อีก