ฝ่าวิกฤตสิวบุก เกือบ 8 ปี กับสิวววววว !

สวัสดีค่ะ
วันนี้ ความจริงต้องอ่านหนังสือสอบ แต่ขี้เกียจ นอนเล่นพันทิปไปเรื่อย
เจอกระทู้ "สิวสิว" เยอะพอสมควร เลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์กันนะคะ

ก่อนอื่นเลย เราเองเป็นมนุษย์สิวครั้งแรกตอน ม.2
(นับเฉพาะที่หนักหนาสาหัสนะคะ สิวขึ้นเม็ดสองเม็ดยุบไม่นับ)
ตอนนั้นมีความจำเป็นต้องเริ่มใช้ "ครีมกันแดด" ค่ะ
(ปกติบ้านเราไม่ใช้ครีมกันแดดเลยค่ะ ตั้งแต่เด็กๆ ยกเว้นไปทะเล ทาแต่ตัวค่ะ ไม่ทาหน้า)

เราต้องซ้อมกิจกรรมกับทางโรงเรียน แล้วตากแดดตอนเที่ยงวัน (โหดมาก ขอบอก)
เลยซื้อครีมกันแดดมาทา (แม่เป็นห่วงเพราะหน้าแดง จนดำ มากกกกกกก)
แต่ด้วยความงก ไปซื้อครีมกันแดดขวดส้ม ที่ลดราคาอยู่มาทา
(มาเข้าใจภายหลังว่ามันสำหรับทาตัว โง่มากมาย)

ก็ทาไป ด้วยความที่เป็นเด็ก ตากแดด >> เหงือออก >> เช็ดแขนเสื้อ (ฉันเป็นเด็กซกมกเนาะ)
กลับบ้าน ล้างหน้าด้วยครีมล้างหน้าลวกๆ (แหม เด็ก อยากรีบไปดูการ์ตูน กินข้าว ฯลฯ)
ไม่บำรุงอะไรทั้งสิ้น (มอสอง จะทำอะไรเยอะแยะ ห่วงเล่นมากกว่าห่วงสวย)

สิวบุกค่ะ บุกรุกทุกอนูแก้มสองด้าน แทบจะเป็นลมตาย
และด้วยเป็นคนที่มืออยู่ไม่สุกค่ะ จับหน้า แกะสิว (ไม่ชอบอะไรไม่เรียบบนหน้า)
มันเลยไม่ยอมจากไปเลยค่ะ ติดแน่น ทนนาน !!

มารดาข้าพเจ้าทนไม่ไหวเลยพาไปหา หมอแถวท่าพระจันทร์ค่ะ
(ญาติแนะนำ ลูกชายเขาไปหาแล้ว "ดีขึ้น" แม่เลยบอกให้ไป)
พอไปหาก็กรอกประวัติ ตรวจกันไป แล้วเขาก็ให้ทำหน้า + กดสิวค่ะ
(ราคาแพงพอสมควรค่ะ ไปหาอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ค่ายา เกือบพัน/ครั้ง ค่ะ)
**ไม่มียากินนะคะ**

ตอนที่รักษาที่นี้ เข้าใจสภาพของการดำนาปลูกข้าว ปลูกถั่วงอกเลยค่ะ
เขาจะเอากรดอะไรบางอย่าง (ที่เดาว่าเป็นกรดเพราะมันแสบๆ คันๆ) ทาทั่วหน้าเราค่ะ
สภาพคล้ายเตรียมหน้าดิน คันยิบๆ แบบ อ๊ากกก อยากเกาหน้าจังงงงงง
แล้วก็เอาสำลีมาวางไว้เต็มหน้าค่ะ พอทนไม่ไหว (ถ้าทนไหว จะประมาณ 5 นาที)
ก็ให้ยกมือเรียกพยาบาล พี่เขาจะมาเช็ด แล้วเริ่มกดสิวให้ค่ะ

ต่อมาไม่นาน เริ่มไม่โอเคแล้วค่ะ มันไม่หาย แถมเป็นรอยแดงเป็นปื้นๆ
รักษาอยู่ 2 ปี จนขึ้นม.ปลาย สิวก็ยังคงอยู่ ประหนึ่งตั้งรกรากบนหน้าดิฉันกันแล้ว

เป็นเช่นนั้นเลยหยุดหาหมอไปค่ะ แล้วคุณพ่อก็ไปได้ยาอำมตะพันล้านจากเพื่อนมา
บอกว่าสะกัดจากไข่มุก อะไรสักอย่าง ไม่มีสเตรอยด์ แน่นอน เพื่อนคุณพ่อใช้แล้วหน้ากิ๊ง บริ๊ง ไร้สิว ไร้รอย
เราเลย เอ้า ลองก็ลอง ไม่มีอะไรจะเสีย บอกเลยค่ะ "โคตรพลาดดดดดด"

มันเป็นสเตรอยด์เพียวเลย T^T
ด้วยความที่หน้าบอบช้ำมาจากการทำนาบนหน้าคนมายาวนาน เจอสเตรอยด์ แดง เน่า เละ
ชนิดว่าคุณพ่อรู้สึกผิดอย่างแรงกล้า ออกปากบอกไปรักษาสิวคลินิกเถอะ

ตอนนั้นร้านสิวที่แพร่กระจายสาขาตามห้างกำลังดัง
เลยไปหาบ้างที่สาขาเซนทรัลปิ่นเกล้า รอคิวนานมากกกกกกกกกกกกกกกกก
(ค่ายาก็ พันกว่าบ้าง อะไรบ้าง เป็นค่ายา+กดสิว **มียากินนะเออ**

ขั้นตอนคือรับบัตรคิว เขาไปรอ พบหมอ หมอวินิฉัย รับบัตรห้องพยาบาล
รอเรียกคิว เดินเข้าห้องพยาบาลเมื่อถึงคิว โดนอะไรแสบๆ จิ้มหน้า
(พี่พยาบาลที่นั้นบอกว่ากรดค่ะ ไม่รู้จริงเท็จ เขาอาจจะหลอกให้เรานั่งนิ่งๆ ก็เป็นได้)
เสร็จก็ไปกดสิวค่ะ (บอกเลยว่าด้วยวัยม.4 กดสิวมาเยอะจนชิว เจ็บ แต่ไม่น้ำตาเล็ดเท่าไหร่ละ = =)

รักษาม.4 ยันม.5 สิวหายไป (ยกเว้นไอ้ที่ตั้งรกรากที่แก้มสองด้าน ลดลง แต่ยังเป็นหมู่บ้านสิวอยู่)
ดีใจมากกกก ดี ปลื้ม รัก แนะนำทุกคนรอบข้างที่มาทักดิฉัน ชอบหมดทุกสิ่ง โดยเฉพาะยาตัวนึง Axx
(เพิ่งมาทราบภายหลังว่าผสมสเตรอยด์ เลยห้ามใช้บ่อย ให้ใช้วันเว้นวัน ทาบางๆ แต่เราไม่รู้ เราชอบ เลยฟาด ปาดเต็มหน้าซะ)

พอสิวลดลง แม่บอกว่าให้เขาลดยาเถอะ ทานเยอะไปไม่ดี คุณหมอเลยลดยาให้  
เราลดจากหมออีกค่ะ (อันนี้อาจจะผิดเราเอง) หมอให้ทานวันเว้นวัน แต่ลืมขี้ลืมขนาดหนัก ไม่ทานเลยละกัน 5555
แล้วเข้าช่วง ม.6 กลางๆ ด้วย ยุ่งมาก เลยไม่ไปหาหมอแล้ว ใช้ซื้อยาเอา แต่พอขาดเกิน 6 เดือน ซื้อยาเทพไม่ได้
(ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์ค่ะ) เลยต้องกลับไปหาหมออีกรอบ หมอก็สั่งยาเหมือนเดิมเดะ = =

แต่พอเข้ามาอยู่หอ มันก็เริ่มชีวิตลำบาก ไปหาตลอดก็ขี้เกียจ กลับบ้านอยากพัก ไม่อยากออกนอกบ้าน เสียเวลาต่อแถว
เลยเลิกไปหาหมออีกครั้ง (ประมาณปี 2) ก็ทิ้งอีก ใช้ซื้อยาเอาสักระยะ แต่หน้าก็ไม่ดีขึ้น ยังมีสิวที่ตั้งรกรากอยู่เหมือนเดิม

คคุณแม่เจอร้านหมอแถวบ้านร้านใหม่ !! (แต่ร้านเปิดมานานแล้ว)
คุณแม่ก็เริ่มตื้อบอกให้ไปหาหมอเถอะคนนี้เถอะ คนนี้ดีจริง
ตอนนั้นสภาพหน้าคือ สิวกระจุกอยู่ 3 จุดค่ะ หน้าแดงไม่ต้องการบลัชออนเลย
ข้างแก้มสองด้าน (อันนี้น่าจะขึ้นตัวเป็นประเทศราชแล้ว อยู่กันมานาน) กับบนหน้าผากค่ะ
ไอ้เราก็ขี้เกียจมาก บอกไม่ไปอะ คร้าน แต่มันเริ่มไม่ไหวแล้ว เพื่อนสวยก้าวกระโดดกันหมดเลย
(เหมือนสิวทุกคนจะหยุดขึ้นตอนปี2 อย่างไม่ได้นัดหมาย นี้ไง ! สิวฉันเลยไม่หาย ไม่นัดหยุดกับสิวฉันเลย)
เรายอมไม่ได้แล้ว จากที่ไม่เคยแคร์เรื่องสวย (แต่รำคาญสิว) เลย ต้องคิดบ้างละ !

คุณหมอคนนี้อยู่แถวเทเวศน์ค่ะ คิวยาว ต่อจนเหนื่อยเลยทีเดียว
ถึงคิว จะไปตรวจกับหมอผู้ชายก่อน เขาก็ถามทั่วไปค่ะว่าเคยรักษาที่ไหนมา
แพ้ยาอะไรไหม แล้วบอกให้เราไปตรวจตับค่ะ เนื่องจากโดนยามาหลายปีดีดัก

เนื่องจากเรานอนหอ กลีบบ้านช่วงเสาร์อาทิตย์ เลยไม่ค่อยมีเวลาไปตรวจ
คุณหมอก็ไม่ยอมพบค่ะ จนต้องโดดเรียนไปตรวจเลือดกันเลยทีเดียว

พอได้ผลตรวจมา ก็กลับไปหาหมอค่ะ (ซึ่งต่อแถวนานเหมือนเดิม แต่ขอข้ามไป)
ถึงคิว เข้าห้องไป หมอให้ยืนชิดพนัง เอาแว่นขยายมาส่องหน้า
แล้วหมอก็เริ่มบ่น เพราะหมอแอนตี้การไปกดสิว ฉีดสิว ฯลฯ
(เราโชคดีหน่อย ไม่เคยฉีด เพราะกลัวเข็มมักๆ)

หมอบอกหน้าเราบางมาก เหมือนโดนลอกไปหลายขั้น
ตอนไปนี้ให้ใช้สบู่ล้างหน้าของหมอ ยาหมอ และห้ามทำอะไรอื่นๆ กับหน้า (เช่น กดสิว บีบสิว)
หมอให้ยาทานเรามาด้วยค่ะ นัดตอนแรก 2อาทิตย์ มาเจอกันครั้งนึง

ก็รักษาลุ่มๆ ดอนๆ ไปเรื่อย อันนี้หายจริง คือลดไปเยอะมากจริงๆ จนหมอเลื่อนเป็น 1 เดือน/ครั้ง
แต่สองข้างแก้มยังพอมีอยู่ให้รำคาญ หมอจะค่อยเป็นค่อยไป และเราจะโดนดุ/บ่นใส่ทุกครั้ง
เรื่องไปกดสิว ลอกหน้า บลาๆ

ใช้เวลาประมาณ 8 เดือนค่ะ กว่าสิวจะยอมสลายการชุมนุม ไม่มีเม็ดๆ ให้รู้สึก ใต้แก้ม
แต่เราก็ใช้ยาหมอมาเรื่อยๆ หมอเองก็ยังดุอยู่เรื่อยว่าหน้ายังไม่โอเค
แต่บรรดาเพื่อนที่พบเจอหน้า หลังจากไม่ได้เจอกันมานานอย่างแก๊งค์สมัยมัธยมทักทุกคนว่าหน้าดี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสิวมันละอายใจเลยหนีไป หรือยังไง เหมือนกันค่ะ 55

สถานการณ์ปัจจุบัน หมอเลื่อนเป็น 2 เดือน/ครั้ง แต่ยุ่งมาก ไม่ได้ไปหามาประมาณ 5-6 เดือนแล่ว
สุขภาพหน้าแข็งแรงพอสมควร แต่งหน้าได้ แต่ฝีมือไม่มี เลยไม่ค่อยแต่ง (แป่ว)

สรุปให้ฟัง (แล้วจะเขียนยาวทำไมวะ ?)
พื้นฐานเป็นคนจีนจริงจังตาชั้นเดียว ผิวขาว โชคดีที่ไม่เคยเป็นสิวจนขุดเป็นหลุมอากาศได้
ไม่ใช้ครีมกันแดด (กลัวฝ้าเหมือนกันนะ แต่กลัวสิวรีเทิร์นมากกว่า คาดว่าน่าจะแพ้ครีมกันแดดรุนแรง หรืออุปโลกไปเองก็ไม่รู้)
ไม่บำรุงผิว (ใช้แต่ยาหมอกับที่มาร์กหน้าเวลาขี้เกียจ) ไม่ใช้รองพื้น (หนักไป ไม่ชอบน่ะ)
มีรูขุมขนตรงที่เก่าที่ศัตรูเคยตั้งถิ่นฐาน รักษาโดยอะไรยังไม่ทราบแน่ชัด
แต่ได้กระฉับพื้นที่เข้ามาเยอะพอสมควร รอยแดง ยังมีอยู่ แต่จางมากพอแถว่าเป็นบลัชออน

อาการครั้งแรกเกิดจากความสกปรกส่วนบุคคลและครีมกันแดด

สิวขึ้นหนักสุดตอน
ใช้ครีมไข่มุกของคุณพ่อ แล้วเลิก สิวแบบ "ไม่มีที่ว่าง" จับไปที่หน้า จะเจอ ตา จมูก ปาก และสิว
ทุกพื้นผิวบนใบหน้ามีสิวมาจับจองอณาเขตโดยทั่วกัน เรียกว่าถ้าเป็นพื้นที่บ้านจัดสรร ดิฉันจะโคตรรวย

ประวัติการรักษาพยาบาล
1. ร้านแถวท่าพระจันทร์ (เกือบ 2 ปี)
ไม่ค่อยปลื้ม แสบหน้า น่าจะหน้าบางเพราะไอ้ร้านนี้ละ หมอดุ แพง (โป้ง)
2. ร้านสิวที่มีสาขาตามห้าง (เกือบ 3-4 ปี)
ก็โอเคในระยะแรก แต่หลังๆ เริ่มไม่ได้ผล อาจจะเพราะเราเองไม่มีวินัย ด้วยมั้งคะ
3. ร้านเทเวศน์ (2+ ปี)
ตอนนี้ยังรักที่นี้อยู่ ถึงไม่ไปหา สิวขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้หนักหน่วงแบบไม่มีพื้นที่บนหน้า
หมอเน้นเรื่องความแข็งแรงของผิวหน้า หลังๆ ดีขึ้น ปีกกล้าขาแข็งเริ่มไม่ใช้ยาหมอ

ปัจจุบัน
ไม่ได้ใช้ครีมล้างหน้าหมอ ใช้ Kuron บ้าง ปลื้มอยู่ แต่ครีมล้างหน้าหลักคือ ฮันนี่มิล
ล่าสุดเพิ่งใช้น้ำมันมะกอกล้างหน้ามาได้ระยะหนึ่ง พบว่ามันดีมาก หน้าหายมันอย่างไม่น่าเชื่อ
ยาหมอก็แทบไม่ใช้ เพราะขี้เกียจ วันไหนล้างหน้าเสร็จฟาดที่มาร์กหน้า Water Pax ก็ยังรอดอยู่

บอกน้องๆ ที่สิวบุก
1. ใจเย็นๆ ค่ะลูก !! สิวไม่ได้หายได้ในวันเดียว อดทน คิดเลย ถ้าเราจับ = รอย
2. ถ้าสิวสุกจนขึ้นสีขาว บีบได้ แต่ต้องบีบให้สุดนะคะ ไม่งั้นมันจะเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ
แล้วทุกอย่างจะแย่ลง เม็ดสิวจะเป็นแบบ เม็ดขาวๆ เอามันออกมาให้ได้ พอเสร็จรีบล้างหน้า + ผงพิเศษ โลด
3. ถ้าเป็นสิวอักเสบแบบบวมขึ้นมา ห้ามไปยุ่งกับมันค่ะ การพยายามแกะ = สร้างหลุมบนหน้า
สิวแบบนี้ เดี๋ยวมันเบื่อเรา มันจะหายไปเองค่ะ
4. ถ้าสิวขึ้น (แบบมีรุกราน ไม่ได้มาแค่เม็ดสองเม็ด) อย่าแต่งหน้าทับสิว มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
5. พยายามอย่าจับหน้าบ่อย
6. เป็นกำลังใจให้ค่ะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน !!

ที่มาเล่าเพราะอยากให้ใจเย็นๆ กันค่ะ
สิวเป็นเรื่องไม่สนุก แต่ถ้าเราไม่ใจเย็น แล้วรีบร้อนเหมือนดิฉัน จะกลายเป็นแย่กว่าเก่า
วิธีการทั้งหมดไม่ได้บอกว่าอันไหนถูกที่สุด ผิดอย่างแรง จะบอกว่าขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย
กว่าเราจะเจอวิธีที่ถูกกับหน้า ก็ปาเข้าไป 8 ปีเชียว (เอาชีวิตวัยละอ่อนฉันคืนมาาาาา T^T)
บทเรียนข้อนึงที่ไ้ดคือ อย่าไปทำอะไรกับมันมาก ความพอดี ดีกว่า

ปล. ที่เล่ามา อาจจะดูไม่ปะติดปะต่อ ข้ามๆ บ้าง นะคะ เพราะถ้าเล่า 8 ปีเลย น่าจะได้นิยายเล่มนึง
เพราะดิฉันดราม่ากับสิวมาแสนนานนนนนนนนนนนนนนนนนน

ผู้หญิงอย่าหยุดสวยนะคะ ^^~ (ถ้าไม่สวย ก็ไม่หยุด เพราะไม่ยอมไม่สวย 55)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่