ขอแท็กในห้องชานเรือนด้วยนะค่ะ เพราะเนื้อหาประทู้พูดถึงเรื่องสามีภรรยาด้วย
คลุกวงใน/พิศณุ นิลกลัด (มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 13-19 ก.ย.2556)
เคยถามใจตัวเองบ้างไหมครับ ว่าแฟนที่ท่านกำลังคบหาอยู่เวลานี้เป็นรักแท้ เป็นคนที่ใช่หรือเปล่า?
ภรรยาหรือสามีที่เราแต่งงานอยู่กินด้วยกันในเวลานี้ เป็นคู่แท้ของเราหรือไม่?
จากการทำโพลสำรวจคนที่มีคู่รักจำนวน 2,000 คน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซีเมนส์ (SiemenS) ของประเทศเยอรมนี ได้ผลการสำรวจออกมาน่าตกใจไม่น้อยดังนี้
1 ใน 7 คน หรือคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าแฟนที่คบมานาน หรือคู่ชีวิตที่แต่งงานกันนั้นไม่ได้เป็นรักแท้ และไม่ได้เป็นคนที่ใช่!
แต่ที่หยวนๆ ยอมตกร่องปล่องชิ้นกับคนปัจจุบันก็เพราะคนที่ตัวเองคิดว่าใช่
และคิดว่าเป็นรักแท้นั้นได้เลิกรากันไป หรือหลุดมือไปแล้ว
ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ จากจำนวน 2,000 คน มีถึง 46 เปอร์เซ็นต์
ที่บอกว่าหากรู้สึกว่าตัวเองเจอคนใหม่ที่มั่นใจว่านี่แหละคือรักแท้ คือคนที่ใช่จริงๆ ก็จะไม่ลังเลเลยที่จะบอกเลิกกับแฟน หรือคู่ชีวิตคนปัจจุบันที่อยู่กินด้วยกัน!
และน่าตกใจสุดๆ ก็คือ 17 เปอร์เซ็นต์
สารภาพว่าตัวเองเจอ "คนที่ใช่กว่า" หลังจากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน หรือแต่งงานไปแล้ว!
การทำโพลสำรวจครั้งนี้พบว่าคนเราจะตกหลุมรักอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกตอนอายุประมาณ 19 ปี หลังจากนั้น ก็จะคบๆ เลิกๆ กับแฟนอีกราว 4-5 คน กว่าจะเจอคนที่ใช่
ในชีวิตของคนคนหนึ่งทั้งหญิงและชาย โดยเฉลี่ยแล้วจะตกหลุมรักชนิดหัวปักหัวปำ 2 ครั้ง และอกหักอย่างแรงชนิดแทบไม่เป็นผู้เป็นคน 1 ครั้ง
ส่วนคนที่ถือว่าอับโชคในเรื่องของความรัก อกหักครั้งแล้วครั้งเล่าเกิน 5 ครั้งในชีวิต มีจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ 25 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าเคยตกหลุมรักคน 2 คน ในเวลาเดียวกัน
เกือบ 75 เปอร์เซ็นต์บอกว่า นิยามและมุมมองเรื่องความรักเปลี่ยนไปเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเมื่อมองย้อนกลับไป ความรักที่ตัวเคยคิดว่ารักมากเหลือเกินนั้น พอโตขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ถึงได้รู้ว่ารักครั้งนั้นไม่ได้จริงจังอย่างที่เคยคิด
แล้วใครล่ะที่ตัวเองคิดว่าเป็นคนที่ใช่?
จำนวน 60 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ถูกสำรวจเชื่อว่าระยะเวลาเพียง 10 สัปดาห์ หลังจากคบหาดูใจกันก็จะรู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้จะเป็นคู่ชีวิตของเราหรือไม่
การจะทราบว่าคนรักที่คบหากันอยู่นั้นเป็นรักแท้หรือไม่หลังจากคบหาดูใจกันได้สักพักและหมดช่วงหวานแหววไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักหลายสถาบันให้คำแนะนำไว้ดังนี้

อยู่ด้วยกันเฉยๆ โดยไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษแต่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะชีวิตคู่ตามปกติแล้วหลังจากคบหากันได้พักหนึ่ง ก็จะไม่มีเรื่องหวานแหววให้รู้สึกวาบหวามตลอดเวลาเหมือนสมัยเพิ่งคบกัน ดังนั้น ถ้าอยู่ด้วยกันเฉยๆ ก็รู้สึกมีความสุข เป็นเรื่องบ่งชี้ที่ดีว่าเราทั้งสองคนชอบใช้เวลาร่วมกัน

ยอมปรับปรุงนิสัยเพื่อให้เข้ากับคนรัก เป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญและความเคารพคนที่เรารัก อยากทำในสิ่งที่คนรักมีความสุข เช่น จากเดิมที่เคยเป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็หันมาประหยัดเก็บเงิน เพื่อสร้างอนาคตร่วมกัน

เมื่อตัดสินใจทำอะไร จะคิดก่อนเสมอว่าจะมีผลต่อเราสองคนอย่างไร ไม่คิดถึงแต่ตัวเองเพียงคนเดียว ใช้คำว่า "เราสองคน" มากกว่า "ฉัน" หรือ "เธอ"

ไม่มีความลับปกปิด เพราะเวลามีรักแท้ เราก็อยากจะแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตทุกเรื่องไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ให้คนที่เรารักทราบ

สามารถเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับคนรัก ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพ วางฟอร์มให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา ทำให้อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจว่าจะไม่ถูกตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์ เพราะคนคนนี้รักในตัวตนที่แท้จริงของเรา

คนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงที่ใกล้ชิดสนับสนุนความรักของเราสองคน เพราะบางทีความรักจนหลงอาจทำให้เรามองไม่เห็นข้อเสียของคนที่เรารัก การที่พี่น้องเพื่อนฝูงเห็นดีเห็นงามไปกับความรักของเราก็นับเป็นสัญญาณที่ดีว่าพวกเขาเห็นความดีของคนที่เรารักเหมือนกับที่เราเห็น

วางแผนอนาคตร่วมกันว่าแก่ตัวแล้วจะทำอะไร จะอยู่เคียงข้างกันจนแก่เฒ่า จนตายจากกัน
สำรวจดูแล้ว พบว่าตรงกับตัวเรา และความคิดของเรา กี่ข้อครับ?
หารักแท้...หาอย่างไร? โดยพิศณุ นิลกลัด
คลุกวงใน/พิศณุ นิลกลัด (มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 13-19 ก.ย.2556)
เคยถามใจตัวเองบ้างไหมครับ ว่าแฟนที่ท่านกำลังคบหาอยู่เวลานี้เป็นรักแท้ เป็นคนที่ใช่หรือเปล่า?
ภรรยาหรือสามีที่เราแต่งงานอยู่กินด้วยกันในเวลานี้ เป็นคู่แท้ของเราหรือไม่?
จากการทำโพลสำรวจคนที่มีคู่รักจำนวน 2,000 คน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซีเมนส์ (SiemenS) ของประเทศเยอรมนี ได้ผลการสำรวจออกมาน่าตกใจไม่น้อยดังนี้
1 ใน 7 คน หรือคิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าแฟนที่คบมานาน หรือคู่ชีวิตที่แต่งงานกันนั้นไม่ได้เป็นรักแท้ และไม่ได้เป็นคนที่ใช่!
แต่ที่หยวนๆ ยอมตกร่องปล่องชิ้นกับคนปัจจุบันก็เพราะคนที่ตัวเองคิดว่าใช่ และคิดว่าเป็นรักแท้นั้นได้เลิกรากันไป หรือหลุดมือไปแล้ว
ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ จากจำนวน 2,000 คน มีถึง 46 เปอร์เซ็นต์ ที่บอกว่าหากรู้สึกว่าตัวเองเจอคนใหม่ที่มั่นใจว่านี่แหละคือรักแท้ คือคนที่ใช่จริงๆ ก็จะไม่ลังเลเลยที่จะบอกเลิกกับแฟน หรือคู่ชีวิตคนปัจจุบันที่อยู่กินด้วยกัน!
และน่าตกใจสุดๆ ก็คือ 17 เปอร์เซ็นต์ สารภาพว่าตัวเองเจอ "คนที่ใช่กว่า" หลังจากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน หรือแต่งงานไปแล้ว!
การทำโพลสำรวจครั้งนี้พบว่าคนเราจะตกหลุมรักอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกตอนอายุประมาณ 19 ปี หลังจากนั้น ก็จะคบๆ เลิกๆ กับแฟนอีกราว 4-5 คน กว่าจะเจอคนที่ใช่
ในชีวิตของคนคนหนึ่งทั้งหญิงและชาย โดยเฉลี่ยแล้วจะตกหลุมรักชนิดหัวปักหัวปำ 2 ครั้ง และอกหักอย่างแรงชนิดแทบไม่เป็นผู้เป็นคน 1 ครั้ง
ส่วนคนที่ถือว่าอับโชคในเรื่องของความรัก อกหักครั้งแล้วครั้งเล่าเกิน 5 ครั้งในชีวิต มีจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ 25 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าเคยตกหลุมรักคน 2 คน ในเวลาเดียวกัน
เกือบ 75 เปอร์เซ็นต์บอกว่า นิยามและมุมมองเรื่องความรักเปลี่ยนไปเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเมื่อมองย้อนกลับไป ความรักที่ตัวเคยคิดว่ารักมากเหลือเกินนั้น พอโตขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ถึงได้รู้ว่ารักครั้งนั้นไม่ได้จริงจังอย่างที่เคยคิด
แล้วใครล่ะที่ตัวเองคิดว่าเป็นคนที่ใช่?
จำนวน 60 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่ถูกสำรวจเชื่อว่าระยะเวลาเพียง 10 สัปดาห์ หลังจากคบหาดูใจกันก็จะรู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้จะเป็นคู่ชีวิตของเราหรือไม่
การจะทราบว่าคนรักที่คบหากันอยู่นั้นเป็นรักแท้หรือไม่หลังจากคบหาดูใจกันได้สักพักและหมดช่วงหวานแหววไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักหลายสถาบันให้คำแนะนำไว้ดังนี้
สำรวจดูแล้ว พบว่าตรงกับตัวเรา และความคิดของเรา กี่ข้อครับ?