การเล่นหุ้นก็เหมือน การทำทีมฟุตบอลในลีก

ความหมายก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้ง อาจจะมีแพ้บ้าง เสมอบ้าง หลายคนคงรู้ว่าฟุตบอลลีกเวลาแข่งกัน จะแข่งแบบพบกันหมดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบจะมีทั้ง เหย้าและเยือนส่วนวิธีการคิดคะแนนก็คือชนะได้ 3 แต้ม เสมอได้ 1 แต้ม แพ้ได้ 0 แต้ม ถ้าแ้พ้ก็เหมือนคุณแถมคะแนนให้คู่แข่งไป 3 แต้ม สมมุติมี 20 ทีมพอจบฤดูกาลก็จะมาดูที่ผลคะแนน ใครติดที่ 1-2 ก็จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นลีกที่สูงกว่า เงินรางวัลก็มากกว่า แต่ถ้าใครได้ที่ 19-20 ก็จะตกชั้นลงไปเล่นลีกที่เงินรางวัลน้อยกว่า อธิบายมาทั้งหมดก็เหมือนการลงทุนคุณไม่ต้องทำกำไรได้มากมายหรอก แต่มันอยู่ทีความสม่ำเสมอในการทำกำไรระยะยาวมากกว่า ถ้าคุณทำได้ด้วยประสบการณ์ของคุณเองคุณก็จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ บางคนดวงดีเข้าหุ้นถูกตัวบ้างไม่กี่ครั้งก็ทะนงตัวเองแล้วว่าตัวเองเก่งกว่าใคร เรื่องอย่างนี้ต้องดูยาวๆ คุณลองดูทีมฟุตบอล แมนยู ที่คนทั่วโลกต่างยกย่องว่าเป็นทีมอันดับต้นๆของโลก เวลาแข่งในลีกชนะคู่แข่งแมตนึงชนะไม่กี่ลูก หรือบางที่ก็ชนะแค่ลูกเดียว แต่แค่ลูกเดียวก็พอแล้ว พอจะทำให้คะแนนเก็บมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถคว้าแชมในที่สุด การลงทุนในหุ้นก็หมือนกับการทำทีมฟุตบอลในลีก ไม่ว่าจะสายวีไอหรือว่าสายเทคนิคถ้าคุณเลือกหุ้นเป็นเลือกหุ้นดีเข้าทีม ทีมของคุณระยะยาวจะโตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหุ้นตัวไหนถ้าตอนซื้อมาเรามองว่าดีแต่พอมาอยู่ในพอร์ตเราทำให้พอร์ตเราแย่ลงก็ต้องยอมขายออกไป เพื่อนำเงินไปหาซื้อหุ้นตัวไหม่เข้ามาในพอร์ตหรือในทีมของเรา แต่ถ้าเรายังดันทุรังถือหุ้นที่ไม่ดีต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะทำให้พอร์ตเราทรุดลงเรื่อยๆ ไม่มีใครหรอกครับที่จะเลือกหุ้นเข้าพอร์ตได้กำไรทุกครั้ง ตัวผมก็เมือนกันผมเล่นแนวเทรดเดอร์ตามสัญญาณกราฟที่ผมเซทค่าไว้ และทำตามวินัยอย่างเคร่งครัด หลายครั้งหุ้นที่เลือกเข้ามาก็ขาดทุน แต่ผมจะขาดทุนไม่เยอะประมาณ 5-15% แต่เวลาได้กำไรผมจะทำกำไรต่อครั้งโดยเฉลี่ย 5-60% หรือว่ามากกว่านั้นแล้วแต่ตัวหุ้นจะอำนวย ผมเป็นพวกเล่นรอบครับไม่ใช่วีไอ พอร์ตรวมระยะยาวของผมก็โตขึ้นเรื่อยๆอาจไม่มากมาย แต่สม่ำเสมอ เป็นการเขียนบทความครั้งแรกของผมฝากเพื่อนๆพิจารณากันด้วยนะครับ ดีไม่ดียังไงจะแก้ตรงไหนติชมได้เลยครับ