รถหลุดจำนำ

ผมไปเห็นบทความ 2 บทความ มี่เขาเขียนไว้คร้บ ช่วยตีความหน่อยครับ  ว่าขัดแย้งกันหรือไม่ และสามารถดำเนินคดีได้หรือไม้

บทความ 1

ความรู้เกี่ยวกับการรับจำนำรถ
การรับจำนำรถ หากไม่ตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับรถให้ดีว่า รถคันที่ตนเองรับจำนำไว้นั้น เป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าทรัพย์ใดจำนำได้ ทรัพย์ใดจำนำไม่ได้ บุคคลใดเป็นผู้มีสิทธิ์นำไปจำนำได้ บุคคลใดไม่มีสิทธินำไปจำนำ หากรับจำนำไว้โดยไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ของกฎหมายดังกล่าว ผู้รับจำนำอาจไม่มีสิทธิโต้แย้งเมื่อเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงเขามาติดตามเอาคืน ยิ่งกว่านั้นอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานรับของโจรได้
การจำนำรถ จะมีผู้เกี่ยวข้องอยู่สองฝ่าย คือฝ่ายผู้นำรถไปจำนำ กับฝ่ายผู้รับจำนำ ต้องปรากฎเป็นเบื้องแรกก่อนว่าผู้ที่จะนำรถไปจำนำได้นั้นต้องเป็นเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถคันที่นำไปจำนำ จะเป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครองอย่างนี้นำรถนั้นไปจำนำไม่ได้ เช่น เราไปซื้อรถเงินผ่อนกับบริษัทฯขายรถ ระหว่างผ่อนค่างวดยังไม่ครบถ้วน เจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถก็คือบริษัทฯ ส่วนเราเป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครอง มิใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่เรามักจะเข้าใจความหมายของคำว่า “เจ้าของ” สับสน คำว่า “เจ้าของ” ตามนัยของกฎหมายแล้ว หมายถึง “ผู้ถือกรรมสิทธิ์” มิใช่เป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครองรถเท่านั้น เมื่อเป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครองรถ จึงไม่มีสิทธินำรถนั้นไปจำนำไว้กับบุคคลใด ๆ สมมุติว่าเราฝ่าฝืน คือขณะที่เราเช่าซื้อรถกับบริษัทฯ กำลังผ่อนค่างวดอยู่ รถอยู่ในความครอบครองของเรา เราเป็นผู้ใช้รถคันนั้นอยู่ที่บ้าน แล้วเราก็นำรถคันนั้นไปจำนำเสียโดยที่เจ้าของคือบริษัทฯไม่ได้ยินยอม อย่างนี้ในทางกฎหมายถือว่าเรากระทำความผิดอาญา ฐาน ยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายไม่ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายในสามเดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีจะขาดอายุความ (ปอ.มาตรา 356, มาตรา 96) ตัวอย่างเช่น นาย ก. เช่าซื้อรถยนต์จากบริษัทหนึ่งในระหว่างการส่งค่างวดยังไม่ครบถ้วน นาย ก. ก็ได้นำรถยนต์นั้นไปจำนำเสีย แต่ก็ยังส่งค่างวดให้บริษัทฯตามปกติ บริษัทฯเองก็ไม่ทราบเรื่องคิดว่ารถยังอยู่กับนาย ก. เช่นเดิม เพราะเห็นมาส่งงวดทุกเดือนอย่างนี้ แม้ว่าในระหว่างผ่อนส่ง นาย ก.จะนำรถไปจำนำ ถือเป็นการยักยอกบริษัทฯ แต่อายุความจะยังไม่นับ จะไปเริ่มนับเอาตอนที่บริษัทฯทราบว่า นาย ก.ยักยอก และตราบใดที่บริษัทฯยังมิได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีอาญาต่อนาย ก.ผู้ยักยอกแล้ว อำนาจการสอบสวนก็จะไม่เกิด คือ นาย ก. จะยังไม่ต้องถูกดำเนินคดีอาญาจนกว่าบริษัทฯจะได้มีการแจ้งความร้องทุกข์เสียก่อน แม้ว่าระหว่างนั้น นาย ก. จะเป็นผู้ยักยอกรถบริษัทฯคือนำไปจำนำแล้วก็ตาม นั่นคือขั้นตอนทางคดีกรณีเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว (ยอมความได้) ง่ายๆ ก็คือ ผู้เช่าซื้อนำรถที่อยู่ระหว่างการผ่อนส่งค่างวดกับบริษัทฯรถไปจำนำ ถือว่าผิดกฎหมายอาญา มาตรา 352 ฐานยักยอก มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นคดีที่ยอมความได้
ในส่วนผู้รับจำนำ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผู้รับจำนำต้องตรวจหลักฐานเกี่ยวกับรถให้ดีว่ารถที่จะรับจำนำนั้นเป็นรถของผู้นำมาจำนำหรือไม่ ตรวจดูสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ ดูในช่องผู้ถือกรรมสิทธิ์ว่าเป็นชื่อของผู้นำรถมาจำนำหรือไม่ ถ้าไม่ใช่จะต้องมีหนังสือยินยอมหรือมอบอำนาจของเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมทั้งเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัว ทะเบียนสมรส หนังสือยินยอมของคู่สมรส (ถ้ามี) และสุดท้ายก็หนังสือสัญญาจำนำ เอกสารทุกอย่างจะต้องให้ผู้นำรถมาจำนำลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องให้เรียบร้อย
ผู้รับจำนำที่ไม่สุจริต คือ รับจำนำรถที่ถูกยักยอกมา ซึ่งมิใช่รถของผู้นำมาจำนำ หากมีเจตนาทุจริตอย่างนี้ คือเพื่อเสี่ยงเพราะเห็นแก่ดอกเบี้ยอันเกิดจากการรับจำนำร้อยละ 10 บาทต่อเดือน โดยไม่คำนึงถึงหลักกฎหมาย ถือว่าเข้าเกณฑ์การรับของโจร เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เราจะทราบได้อย่างไรว่าคนนั้นคนนี้รับจำนำรถไว้โดยไม่สุจริต มีหลักในการพิจารณาว่า บุคคลนั้นหวังอะไรจากการรับจำนำ ถ้าหวังดอกเบี้ยอันเกิดจากการรับจำนำรถโดยไม่คำนึงถึงว่ารถคันนั้นเป็นรถที่ถูกยักยอกมา ถูกลักมา หรือเป็นรถที่ได้มาด้วยการกระทำความผิดอื่น (ตามมาตรา 357) คือรับไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายอย่างนี้ ในทางกฎหมายก็ถือว่าผู้รับจำนำนั้นมีเจตนาทุจริต การกระทำนั้นก็เป็นความผิดฐานรับของโจร
ความผิดฐานรับของโจร เป็นความผิดต่อแผ่นดิน เป็นคดียอมความไม่ได้ ต่างกับกรณีแรกที่ผู้เช่าซื้อยักยอกรถแล้วนำมาจำนำ และโทษทางอาญาก็ต่างกัน ดังนั้นผู้รับจำนำที่ทุจริต มีสิทธิติดคุกฐานรับของโจร ส่วนผู้นำมาจำนำ ถ้าปรากฎว่ายักยอกทรัพย์เขามา เช่น ยืมมา เช่ามา เช่าซื้อมา เป็นต้น แล้วนำมาจำนำ อย่างนี้ ก็มีสิทธิติดคุกฐานยักยอกได้เช่นกัน แต่โทษเบากว่ารับของโจร และยังเป็นความผิดอันยอมความได้อีกด้วย
หากคิดจะรับจำนำรถใครไว้เพื่อหวังดอกเบี้ยจำนำรายเดือน โปรดตรวจสอบรถคันนั้นให้ดีว่า เป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ผู้นำรถมาจำนำเป็นเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถนั้นหรือไม่ หลักฐานของรถถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าทุกอย่างถูกต้องเรียบร้อย จึงทำสัญญารับจำนำ อย่ารับจำนำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มิฉะนั้นแทนที่จะได้รับดอกเบี้ยตามที่หวัง อาจจะกลายเป็นสูญเสียเงิน และสูญเสียอิสรภาพแทน
ด้วยความปรารถนาดีจาก ฝ่ายการสืบสวนสอบสวน จังหวัดทหารบก
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่