นิทาน หมูดิน เม่นบิน

ณ ดินแดนที่แห่งหนึ่ง
ชาวบ้านอาศัยอยู่ในหุบเขาอย่างมีความสุข
โดยการล่าหมูดิน ซึ่งเป็นหมูที่ออกลูกเป็นไข่ และแพร่พันธุ์เร็ว
เป็นอาหารหลักที่มีรสชาติดี เอาหนังไปทำเป็นเสื้อผ้าได้

เด็กๆทุกคนจะถูกฝึกให้ใช้ขวานเพื่อล่าหมูดินตั้งแต่เล็กๆ
หมูดินเป็นสัตว์ที่เชื่องช้าและไม่เป็นอันตราย
จึงสามารถถูกล่าได้โดยง่าย ชาวบ้านที่นี่จึงใช้เวลาส่วนใหญ่
ร้องรำทำเพลงรอบกองไฟในเวลาเย็น และนอนพักผ่อนในเวลากลางวัน

อาเธอร์เป็นเด็กซนที่เกิดในหมู่บ้านแห่งนี้ ทุกๆวันเขาชอบเดินทาง
ผ่านแนวหุบเขาสองวา เพื่อเก็บสะสมแมลงและเห็ดหน้าตาแปลกๆ
ที่ชื่อว่าหุบเขาสองวาเพราะช่องว่างระหว่างแนวเขา
มีความกว้างเพียงสองวาเท่านั้น อีกฝากหนึ่งของหุบเขาเป็นหมู่บ้าน ที่ซึ่งชาวบ้าน
ยิงธนูเพื่อล่าเม่นบิน เม่นบินเป็นสัตว์หน้าตาคล้ายเม่นแต่มีปีกเหมือนค้างคาว
มีเนื้อน้อยกว่าหมูดิน หากินเป็นฝูงและต้องล่าด้วยธนูเท่านั้น

ในวันหนึ่ง ระหว่างที่อาเธอร์กำลังเดินทางกลับกระโจมพร้อมเห็ดหลากสี
ที่เก็บมาเต็มกระบุง อาเธอร์สังเกตุเห็นเม่นบินกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งบินผ่านแนวหุบเขาสองวา รุมกันกินไข่ในรังของหมูดิน
วันนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไร

อีกหลายวันต่อมา ระหว่างนั่งพักจากการจับด้วงมาชนกัน อาเธอร์สังเกตุ
เห็นเม่นบินจำนวนมากขึ้น เริ่มขยายอาณาเขตหากินมายังบริเวณแนวเทือกเขา
แน่นอนว่าอาหารหลักของพวกมันคือไข่หมูดินนั่นเอง

อาเธอร์นำเรื่องนี้ไปคุยกับผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน แต่ดูเหมือนผู้คนกำลังสนใจกับ
งานระบำกองไฟหลายสี ซึ่งเป็นกองไฟที่ใช้สาหร่ายสีเป็นเชื้อเพลิงซะมากกว่า

เป็นเวลาหลายวันที่เขาพยายามเล่าเรื่องเม่นบินให้คนในหมู่บ้านฟัง
เขาคิดว่าเม่นบินจะทำให้จำนวนหมูดินลดลง แต่ไม่มีใครถือเอาไปเป็นสาระอะไร
ทุกคนคิดว่าจำนวนหมูดินมีมากมาย จะแบ่งให้เม่นบินมากินซักหน่อยคงไม่เป็นไร

อาเธอร์จึงตัดสินใจ แบกเนื้อหมูดินตากแห้ง เดินทางผ่านหุบเขา
ไปยังหมู่บ้านข้างๆทุกวัน เพื่อขอเอาไปแลกกับการให้คนในหมู่บ้านนั้น
สอนวิชาการยิงธนูให้กับเขา

อาเธอร์ทำอย่างนี้อยู่หลายปี โดยไม่เข้าร่วมงานระบำกองไฟใดๆทั้งสิ้น

ในที่สุด ปีหายนะก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยฝูงเม่นบินกลุ่มใหญ่
ได้เริ่มย้ายอาณาเขตทำรัง เข้าหุบเขา มาที่ป่าริมหมู่บ้าน
ที่ซึ่งหมูดินอยู่อย่างชุกชุม

ประชากรหมูดินลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านออกหาหมูดินได้ลำบากขึ้น
บางวันก็ไม่สามารถล่าหมูดินมาเป็นอาหารได้เพียงพอ
หลายบ้านต้องอดมื้อกินมื้อ ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อออกล่าหมูดิน
อาหารกลายเป็นของหายากและมีค่า ผู้คนเริ่มทะเลาะกัน
กองไฟซึ่งเคยมีอยู่มากมาย เริ่มร้างลาเหลือเพียงไม่กี่กอง

อาเธอร์ซึ่งตอนนี้เป็นหนุ่มใหญ่ กระโจมของเขาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเนื้อ
เม่นบินที่เขาล่ามาได้ด้วยทักษะการฝึกฝนยิงธนูมาเป็นแรมปี

มาคนมากมายมาหาเขาและภรรยาเพื่อขอแบ่งเนื้อเม่นบิน
เขาแบ่งเนื้อให้แต่ละคนเพียงเล็กน้อย และแนะนำให้ผู้คนเหล่านั้นหัดยิงธนู

สิ่งที่เขาได้รับเป็นการตอบแทน คือคำตัดพ้อ ว่า ณ เวลานี้
ลำบากกว่าเมื่อก่อนมากมาย จะเอาเวลาและแรงไปหัดยิงธนูได้อย่างไร

ทุกๆวันแม้เขาจะเป็นผู้ที่มีเนื้อเม่นบินให้กินอย่างเหลือเฟือ ภรรยาของเขา
สวมเสื้อหนังหมูดินที่งดงามที่สุดในหมู่บ้าน เขายังคงฝึกหัดลูกชายของเขา
ให้รู้จักทักษะการใช้ขวาน และยิงธนูต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่