https://www.facebook.com/malikakantong?ref=hl แฟนเพจนาง เชิญรัวไลค์
มลิกา กันทอง (ชื่อเล่น: ปู; 8 มกราคม พ.ศ. 2530 — ) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่ง บอลโค้ง (universal) เป็นหนึ่งในนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยที่ได้เล่นวอลเลย์บอลอาชีพในต่างประเทศ
ปัจจุบันอายุ 26 ปี "เจ็ดเซียนคนสุดท้อง"
สโมสรที่เคยเล่น
จีน Tan Hao (2549-2550)
ไทย Federbrau (2551-2552)
ตุรกี Ereğli Belediyespor Konya (2552-2553)
จีน Fujian Xi Meng Bao (2553-2554)
ไทย Chang (2553-2554)
ไทย Saijo Denki - Nakornnonthaburi (2554-2555)
อาเซอร์ไบจาน อิกติซาดชิ บากู (2555-2556)
รางวัลระดับนานาชาติ
MVP Volleyball World Grand Prix 2008 Thailand VS Poland @Poland
Best Server Volleyball World Grand Champion Cup 2009 @Japan
เสริมจาก SiamSport
ปู มลิกา กันทอง ตบสาวผู้ปิดทองหลังพระ...กับชีวิตที่ไม่ปรุงแต่ง
แวดวงกีฬาลูกยางไทยยุคนี้ก้าวมาไกลจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
ผู้เล่นหลายๆ ต่อหลายคนถูกยกย่องและกล่าวขวัญถึงความโดดเด่นในการเล่นตามตำแหน่ง
แต่จะมีผู้เล่นคนไหนที่เล่นได้สารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะตีหัวเสาซ้ายขวา ตีสั้น บอลโค้งหน้า โค้งหลัง บอลเสิร์ฟ ที่สำคัญเทคนิคการตีที่คมเชือดเฉือน ทั้งตบบิด ตบหัก เรียกว่าครบเครื่องที่สุดแล้วสำหรับ ''ปู'' มลิกา กันทอง นักตบสาวชาวอ่างทอง
จึงไม่แปลกหากแฟนกีฬาวอลเลย์บอลหลายคนจะยกย่องว่า ''ปู'' มลิกา กันทอง เป็นผู้เล่นที่ฉลาดที่สุดในทีม ไม่ใช่แค่ฉลาดที่จะเล่น หากแต่เธอสามารถทำตามเทคนิคที่โค้ชกำหนดให้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ ''ปู-มลิกา'' กลายเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนทีมลูกยางสาวไทย
แมตช์สำคัญหลายต่อหลายแมตช์ ''โค้ชอ๊อด'' เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร กุนซือใหญ่ยอมรับเต็มปากว่า ''มลิกา'' คือ ตัวเปลี่ยนเกมคนสำคัญ
แต่อาจจะเป็นเพราะหลายคนยึดเอาความหนักผู้เล่นคนอื่นๆ จนลืมมองผู้เล่นสารพัดตำแหน่งอย่าง ''ปู-มลิกา'' ประกอบกับบุคลิกส่วนตัวที่เป็นคนเงียบๆ เรียบๆ ง่ายๆ เลยทำให้เธอไม่ค่อยโดดเด่นมากนักทั้งที่เป็นคนเติมเต็มให้กับทีมอย่างแท้จริง และนั่นทำให้เป็นที่มาของคำว่า ''นักตบสาวผู้ปิดทองหลังพระ''
และเพื่อให้แฟนกีฬาชาวไทยได้รู้จักเธอมากขึ้น วันนี้ ''สยามกีฬา รายวัน'' มีโอกาสบุกไปหาเธอถึงห้อง เพื่อจับเข่าคุยถึงชีวิตและเส้นทางของ... ''ปู'' มลิกา กันทอง
เกือบได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ
การก้าวเข้าสู่สนามวอลเลย์บอลของ ''ปู-มลิกา'' เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนอายุ 12 ปี โดย ''ปู'' เล่าว่า ตอนแรกไม่ชอบเล่นกีฬาเลย เล่นอะไรไม่เป็น แต่พอดีว่าตอนเรียนประถม หนูตัวสูงที่สุดในโรงเรียน คือจบป.6 สูง 164 เซนติเมตร อาจารย์เลยจับมาเล่นวอลเลย์บอล ตอนแรกจะไม่เล่นเขาก็บังคับ แต่อาจารย์มาคุยกับแม่และเขาเป็นญาติกับแม่ด้วย ก็เลยต้องเล่น พออยู่ ป.6 มีรุ่นพี่เรียนอยู่ที่โรงเรียนกีฬาสุพรรณฯ เขาชวนไปเรียนด้วย ก็ไปคัดเลือกทุกอย่างตามขั้นตอน แต่ไปในช่วงกลางเทอมเลยไม่ได้เรียน แต่มีโค้ชว่ายน้ำเข้ากลางเทอมได้เลย แต่หนูบอกว่าหนูใส่ชุดไม่ได้หนูอาย มันโป๊
หิ้วกระติก 4 ปี กว่าจะเก่ง
ม.1 มาสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนกีฬาสุพรรณฯ ตอนนั้นเล่นยังไม่เป็นเลย ยังต้องหิ้วกระติกอยู่เลย จนมา ม.2 พอเล่นได้บ้าง จากนั้น ม.3 รุ่นที่เรียนปี 30 มีหนูแค่คนเดียว นอกนั้นนักกีฬาเป็นทีมโรงเรียนอุลิตไพบูลย์ ของจังหวัดชัยนาท ยกทีมเลย อาจารย์คนที่เป็นโค้ชเลยมาคุยกับผู้ช่วยกีฬาโรงเรียนสุพรรณฯ เพื่อขอให้ไปอยู่กับทีมอุลิต ซึ่งพอไปอยู่กับเขาต้องไปเริ่มใหม่หมดทุกอย่าง เพราะตอนอยู่กีฬาสุพรรณฯ เด็กค่อนข้างเยอะอาจารย์ก็ซ้อมได้ไม่ทั่วถึง ไม่ได้ติวเข้ม อาจจะพอได้บ้างแต่ไม่เป๊ะ พอไปอยู่นู้นเริ่มใหม่ และก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ซ้อมหนักมาก พอจบ ม.3 มีหลายโรงเรียนติดต่อมา แต่หนูบอกไม่ไป หนูมาจากสุพรรณฯ ก็จะกลับไปเรียนที่สุพรรณฯ และก็มาติดเป็นตัวแทนยุวชนทีมชาติไทยตอน ม.4 ที่กลับมาอยู่กีฬาสุพรรณฯ ได้ไปแข่งชิงแชมป์อาเซียนกับชิงแชมป์เอเชีย แต่ตอนนั้นก็ยังหิ้วกระติกน้ำอยู่เหมือนกัน
ติดธงลุย อช.เกมส์ ที่กาตาร์
พอเรียนจบ ม.6 ก็มาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ช่วงปี 1 ประมาณกลางเทอม ทางทีมชาติก็เรียกเข้าไปเก็บตัวเตรียมไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่กาตาร์ ซึ่งหนูคัดเลือกติดและได้เล่นทีมชาติมาตั้งแต่ตอนนั้น พอติดทีมชาติมันต้องซ้อมหนักมากเลยต้องเปลี่ยนมาเรียนที่อาร์แบค เพราะนั่งรถไป-กลับมหาลัยกับที่ซ้อมไม่ไหวระยะทางมันไกล ซ้อมเช้าเสร็จต้องนั่งรถกลับไปเรียน เรียนเสร็จกลับมาซ้อมอีก เหนื่อยและท้อ บางทีซ้อมหนักๆ ทนไม่ไหวอยากจะเลิก ก็โทรศัพท์ไปบอกแม่ว่าหนูไม่เอา หนูจะเลิก แม่ก็จะบอกว่าเลิกได้ แต่รอให้แข่งแมตช์นี้ก่อนแล้วค่อยเลิก แต่พอจบแมตช์มันหายเหนื่อยแล้วก็ไม่รู้จะเลิกทำไม (หัวเราะ)
วันนี้สำเร็จเกินความฝัน
มาถึงจุดนี้ หนูถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ ตอนแรกไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะติดทีมชาติและจะมาได้ถึงขนาดนี้ จากที่เล่นไม่เป็นเลย ต้องหิ้วกระติกน้ำให้เพื่อนร่วมทีม และพอมาไกลได้ขนาดนี้มันดีมาก แต่พอมาถึงตรงนี้มันก็ยังอยากไปให้ถึงที่สุด อยากไปโอลิมปิกสักครั้ง มันคือความฝันสูงสุดของนักกีฬาทุกคน ก็ได้แต่หวังว่าอีกสี่ปีข้างหน้าพวกเราจะได้ไปแข่งขันโอลิมปิก
''ปู'' เป็นคนง่ายๆ กินง่ายๆ
คนที่ไม่รู้จักจะหาว่าหนูหยิ่ง แต่หนูไม่ได้หยิ่ง แต่หนูไม่กล้าเข้าไปคุยกับใครก่อน หนูเป็นคนเฉยๆ ยิ้มยาก มีคนเคยบอกว่าหนูไม่ค่อยยิ้ม จะให้หนูเดินยิ้มอารมณ์ดีตลอดมันก็ไม่ใช่ ส่วนเรื่องอาหารขอแบบง่ายๆ เร็วๆ อะไรก็ได้ ไม่เกี่ยงกินได้หมด แต่ส่วนมากที่กินประจำก็ กะเพราหมูสับ, ผัดซีอิ๊ว, ก๋วยเตี๋ยว บ้าง การแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ง่ายที่สุดเร็วที่สุด เพราะไม่ได้ไปไหนอย่างมากก็แค่เดินห้าง กระโปรงใส่แค่ตอนไปมหาลัย ชีวิตแทบจะไม่มีกระโปรง เวลานั่งมันลำบาก ถ้าใส่กระโปรงมันต้องนั่งหนีบ ต้องระวัง หนูทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นชุดบังคับให้ใส่ก็ใส่
ส่วนเรื่องรักสวยรักงามเหรอ เข้าร้านทำผมบ้างบางโอกาสที่ไม่เหนื่อย ไปอบไอน้ำบ้าง ผิวไม่มีอะไรแค่ทาครีมธรรมดา ถ้ามีเวลาว่างจากการแข่งขัน ถ้าว่างหลายๆ วันก็กลับบ้าน ถ้าหยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ ก็ไปเที่ยวกับพี่กิ๊ฟ, พี่หน่อง
อนาคตอยากกลับไปอยู่กับแม่
สำหรับอนาคตเอาตรงๆ เลยไม่อยากใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ รู้สึกว่ามันวุ่นวาย แค่ก้าวออกจากห้องก็เสียตังค์แล้ว แต่ตอนนี้อยากเรียนให้จบ เพื่อจะได้หางานทำ หนูอยากกลับไปอยู่บ้าน อยากไปอยู่ใกล้ๆ แม่ รู้สึกว่ามันสบายใจมากกว่า อนาคตหากเป็นไปได้ตามที่คิดก็คือหากิจการอะไรเล็กๆ ทำที่บ้าน อยากปลูกต้นไม้ ทำต้นไม้ขาย หนูชอบต้นไม้ ชอบดอกไม้ แต่ก็ยังไม่รู้จะได้กลับไปตอนไหน
''ความรัก'' จะอยู่ได้ถ้าเข้าใจกัน
มุมมองความรัก หนูว่าต้องสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องปิดบังเรื่องนู้นเรื่องนี้ เพราะถ้าคุยได้ทุกเรื่องแล้วมันจะอยู่กันได้ง่ายกว่า ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย แต่หนูว่าผู้ชายบางทีเขาจะปิดบังเรา และความเข้าใจมันต่างกันในบางสิ่งบางอย่าง ไม่เหมือนผู้หญิงด้วยกันที่เข้าใจได้มากกว่า แต่สุดท้ายมันอยู่ที่การปรับตัวเข้าหากันมากกว่า สำหรับหนูถ้าจะแต่งงาน วันนึงเจอคนที่ใช่ก็คงแต่ง แต่อยู่เฉยๆ ดีอยู่แล้วไม่ปวดหัว
หนูไม่รู้ว่าแม่เสียใจกับหนูหรือเปล่า เพราะหนูไม่ค่อยได้อยู่กับแม่ แต่ถ้าตอนเด็กเขาบอกห้ามหนูก็จะไม่ทำ ขี้กลัวมากตั้งแต่เด็ก ไม่เคยห่างแม่ ไปไหนไปกับแม่ กินอะไรแม่ต้องซื้อให้ ทุกวันนี้เวลากลับบ้านอยากกินก๋วยเตี๋ยวทีก็ต้องชวนแม่ไปด้วย แต่ถ้าแม่ไม่ไปหนูก็ไม่ไป
หนูว่าเขาคงภูมิใจ และมีความสุขที่หนูมาอยู่ตรงนี้ได้
และนี่คือคำกล่าวทิ้งท้ายของ ''ปู'' มลิกา กันทอง นักตบสาวผู้ปิดทองหลังพระ กับการดำเนินชีวิตในแบบที่เรียบง่ายและไม่ปรุงแต่ง
เพิ่มเติมจากกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Malika Kanthong
มลิกา กันทอง ประวัติ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่ง UNIVERSAL เจ้าของฉายา ตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญของทีมชาติไทย
สำหรับคนทั่วไปที่ชมการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล อาจคิดว่า ผู้เล่นโดดเด่นและมีฝีมือ น่าจะเป็นนักตบที่มีลีลาเร้าใจ แต่แท้จริงแล้วการแข่งขันวอลเลย์บอล ซึ่งถือเป็นกีฬาประเภททีม หากผู้เล่นแต่ละคนขาดทักษะที่ดี หรือไม่เล่นเป็นทีมเวิร์ก การก้าวไปสู่ความสำเร็จคงเป็นเรื่องยากลำบากมากเลยทีเดียว
ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำผู้เล่นอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนทีมที่จะขาดไม่ได้ นั่นคือ มลิกา กันทอง นักตบสาวจากเมืองอ่างทอง ที่ถูกขนานนามว่า เป็นตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญของทีมชาติไทย ทั้งนี้ มลิกา กันทอง เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่ง UNIVERSAL ที่เรียกกันว่า ผู้เล่นอเนกประสงค์ ที่สามารถตีลูกได้ทั้งหัวเสาซ้ายขวา บอลโค้งหน้า บอลกลาง และบอลเสิร์ฟ
สำหรับประวัติ มลิกา กันทอง มีชื่อเล่นว่า ปู เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 จบการศึกษาปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ส่วนเส้นทางสู่วงการวอลเลย์บอลนั้น มลิกาได้รู้จักกีฬาวอลเลย์บอลครั้งแรก เมื่อตอนอายุ 12 ปี ขณะกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6
จากนั้นในช่วงมัธยม มลิกาได้รับการฝึกซ้อมวอลเลย์บอลจาก 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี และโรงเรียนอุลิตไพบูลย์ จ.ชัยนาท จนทำให้ฝีมือเริ่มพัฒนามากขึ้น และขณะที่เรียนอยู่ชั้น ม.4 ก็ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนยุวชนทีมชาติไทย เพื่อลงแข่งชิงแชมป์อาเซียนกับชิงแชมป์เอเชีย
ในเวลาต่อมา มลิกาได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยรัตบัณฑิต ควบคู่ไปกับการเก็บตัวซ้อมในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเตรียมไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ โดยได้รับเลือกเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง UNIVERSAL ซึ่งสามารถโชว์ลีลาการเล่นได้หลากหลาย
แม้ลูกตบของมลิกาจะไม่ดุดันและรุนแรงเท่าตัวตบหัวเสาคนอื่น ๆ แต่เพราะทิศทางการวางบอลที่คาดเดาได้ยาก ทั้งการเสิร์ฟบอล ตบบอลเร็ว การขึ้นบล็อก และแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ จนทำให้ทีมชาติไทยสามารถคว้าคะแนนจากทีมคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง พิสูจน์ได้จากทักษะและไหวพริบในแมตช์ล่าสุด การแข่งขันวอลเลย์บอลศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2013 ที่มลิกาโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดีเยี่ยม จนสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ หรือ "ไอวีบี" ได้จัดสถิติให้ มลิกา เป็นตัวตบยอดเยี่ยมอันดับที่ 13 ของรายการ
จากความสามารถในการขับเคลื่อนการเล่มของทีมชาติไทย ให้ไหลลื่นไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี จึงทำให้มลิกาได้รับฉายาว่า ตัวเปลี่ยนเกม ซึ่งตั้งแต่เริ่มเข้าสู่เส้นทางนักกีฬาอาชีพ ฝีไม้ลายมือของมลิกาก็ไปเข้าตาสโมสรต่างประเทศหลายแห่ง จนปัจจุบันได้สังกัดสโมสรชื่อดัง อิกติซาดชิ บากู วีซี ของประเทศอาเซอร์ไบจาน นั่นเอง


เอาพิษสงนางมาฝาก จากใจ"ติ่ง" ปู มลิกา กันทอง
หนึ่งในผู้เล่นที่หาตัวตายตัวแทนยากที่สุดของทีมชาติไทย
ป.ล.ที่ตั้งกระทู้ให้นางเพราะว่านางน่าจะคือผู้เล่นทีมชาติไทย ที่ถูกกล่าวถึงน้อยที่สุด
ผมเป็นติ่ง "มลิกา กันทอง" ใครอยากรู้จักสาวพูดน้อยคนนี้เชิญ!!!
https://www.facebook.com/malikakantong?ref=hl แฟนเพจนาง เชิญรัวไลค์
มลิกา กันทอง (ชื่อเล่น: ปู; 8 มกราคม พ.ศ. 2530 — ) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่ง บอลโค้ง (universal) เป็นหนึ่งในนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทยที่ได้เล่นวอลเลย์บอลอาชีพในต่างประเทศ
ปัจจุบันอายุ 26 ปี "เจ็ดเซียนคนสุดท้อง"
สโมสรที่เคยเล่น
จีน Tan Hao (2549-2550)
ไทย Federbrau (2551-2552)
ตุรกี Ereğli Belediyespor Konya (2552-2553)
จีน Fujian Xi Meng Bao (2553-2554)
ไทย Chang (2553-2554)
ไทย Saijo Denki - Nakornnonthaburi (2554-2555)
อาเซอร์ไบจาน อิกติซาดชิ บากู (2555-2556)
รางวัลระดับนานาชาติ
MVP Volleyball World Grand Prix 2008 Thailand VS Poland @Poland
Best Server Volleyball World Grand Champion Cup 2009 @Japan
เสริมจาก SiamSport
ปู มลิกา กันทอง ตบสาวผู้ปิดทองหลังพระ...กับชีวิตที่ไม่ปรุงแต่ง
แวดวงกีฬาลูกยางไทยยุคนี้ก้าวมาไกลจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
ผู้เล่นหลายๆ ต่อหลายคนถูกยกย่องและกล่าวขวัญถึงความโดดเด่นในการเล่นตามตำแหน่ง
แต่จะมีผู้เล่นคนไหนที่เล่นได้สารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะตีหัวเสาซ้ายขวา ตีสั้น บอลโค้งหน้า โค้งหลัง บอลเสิร์ฟ ที่สำคัญเทคนิคการตีที่คมเชือดเฉือน ทั้งตบบิด ตบหัก เรียกว่าครบเครื่องที่สุดแล้วสำหรับ ''ปู'' มลิกา กันทอง นักตบสาวชาวอ่างทอง
จึงไม่แปลกหากแฟนกีฬาวอลเลย์บอลหลายคนจะยกย่องว่า ''ปู'' มลิกา กันทอง เป็นผู้เล่นที่ฉลาดที่สุดในทีม ไม่ใช่แค่ฉลาดที่จะเล่น หากแต่เธอสามารถทำตามเทคนิคที่โค้ชกำหนดให้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ ''ปู-มลิกา'' กลายเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนทีมลูกยางสาวไทย
แมตช์สำคัญหลายต่อหลายแมตช์ ''โค้ชอ๊อด'' เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร กุนซือใหญ่ยอมรับเต็มปากว่า ''มลิกา'' คือ ตัวเปลี่ยนเกมคนสำคัญ
แต่อาจจะเป็นเพราะหลายคนยึดเอาความหนักผู้เล่นคนอื่นๆ จนลืมมองผู้เล่นสารพัดตำแหน่งอย่าง ''ปู-มลิกา'' ประกอบกับบุคลิกส่วนตัวที่เป็นคนเงียบๆ เรียบๆ ง่ายๆ เลยทำให้เธอไม่ค่อยโดดเด่นมากนักทั้งที่เป็นคนเติมเต็มให้กับทีมอย่างแท้จริง และนั่นทำให้เป็นที่มาของคำว่า ''นักตบสาวผู้ปิดทองหลังพระ''
และเพื่อให้แฟนกีฬาชาวไทยได้รู้จักเธอมากขึ้น วันนี้ ''สยามกีฬา รายวัน'' มีโอกาสบุกไปหาเธอถึงห้อง เพื่อจับเข่าคุยถึงชีวิตและเส้นทางของ... ''ปู'' มลิกา กันทอง
เกือบได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำ
การก้าวเข้าสู่สนามวอลเลย์บอลของ ''ปู-มลิกา'' เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนอายุ 12 ปี โดย ''ปู'' เล่าว่า ตอนแรกไม่ชอบเล่นกีฬาเลย เล่นอะไรไม่เป็น แต่พอดีว่าตอนเรียนประถม หนูตัวสูงที่สุดในโรงเรียน คือจบป.6 สูง 164 เซนติเมตร อาจารย์เลยจับมาเล่นวอลเลย์บอล ตอนแรกจะไม่เล่นเขาก็บังคับ แต่อาจารย์มาคุยกับแม่และเขาเป็นญาติกับแม่ด้วย ก็เลยต้องเล่น พออยู่ ป.6 มีรุ่นพี่เรียนอยู่ที่โรงเรียนกีฬาสุพรรณฯ เขาชวนไปเรียนด้วย ก็ไปคัดเลือกทุกอย่างตามขั้นตอน แต่ไปในช่วงกลางเทอมเลยไม่ได้เรียน แต่มีโค้ชว่ายน้ำเข้ากลางเทอมได้เลย แต่หนูบอกว่าหนูใส่ชุดไม่ได้หนูอาย มันโป๊
หิ้วกระติก 4 ปี กว่าจะเก่ง
ม.1 มาสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนกีฬาสุพรรณฯ ตอนนั้นเล่นยังไม่เป็นเลย ยังต้องหิ้วกระติกอยู่เลย จนมา ม.2 พอเล่นได้บ้าง จากนั้น ม.3 รุ่นที่เรียนปี 30 มีหนูแค่คนเดียว นอกนั้นนักกีฬาเป็นทีมโรงเรียนอุลิตไพบูลย์ ของจังหวัดชัยนาท ยกทีมเลย อาจารย์คนที่เป็นโค้ชเลยมาคุยกับผู้ช่วยกีฬาโรงเรียนสุพรรณฯ เพื่อขอให้ไปอยู่กับทีมอุลิต ซึ่งพอไปอยู่กับเขาต้องไปเริ่มใหม่หมดทุกอย่าง เพราะตอนอยู่กีฬาสุพรรณฯ เด็กค่อนข้างเยอะอาจารย์ก็ซ้อมได้ไม่ทั่วถึง ไม่ได้ติวเข้ม อาจจะพอได้บ้างแต่ไม่เป๊ะ พอไปอยู่นู้นเริ่มใหม่ และก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ซ้อมหนักมาก พอจบ ม.3 มีหลายโรงเรียนติดต่อมา แต่หนูบอกไม่ไป หนูมาจากสุพรรณฯ ก็จะกลับไปเรียนที่สุพรรณฯ และก็มาติดเป็นตัวแทนยุวชนทีมชาติไทยตอน ม.4 ที่กลับมาอยู่กีฬาสุพรรณฯ ได้ไปแข่งชิงแชมป์อาเซียนกับชิงแชมป์เอเชีย แต่ตอนนั้นก็ยังหิ้วกระติกน้ำอยู่เหมือนกัน
ติดธงลุย อช.เกมส์ ที่กาตาร์
พอเรียนจบ ม.6 ก็มาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ช่วงปี 1 ประมาณกลางเทอม ทางทีมชาติก็เรียกเข้าไปเก็บตัวเตรียมไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ ที่กาตาร์ ซึ่งหนูคัดเลือกติดและได้เล่นทีมชาติมาตั้งแต่ตอนนั้น พอติดทีมชาติมันต้องซ้อมหนักมากเลยต้องเปลี่ยนมาเรียนที่อาร์แบค เพราะนั่งรถไป-กลับมหาลัยกับที่ซ้อมไม่ไหวระยะทางมันไกล ซ้อมเช้าเสร็จต้องนั่งรถกลับไปเรียน เรียนเสร็จกลับมาซ้อมอีก เหนื่อยและท้อ บางทีซ้อมหนักๆ ทนไม่ไหวอยากจะเลิก ก็โทรศัพท์ไปบอกแม่ว่าหนูไม่เอา หนูจะเลิก แม่ก็จะบอกว่าเลิกได้ แต่รอให้แข่งแมตช์นี้ก่อนแล้วค่อยเลิก แต่พอจบแมตช์มันหายเหนื่อยแล้วก็ไม่รู้จะเลิกทำไม (หัวเราะ)
วันนี้สำเร็จเกินความฝัน
มาถึงจุดนี้ หนูถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ ตอนแรกไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะติดทีมชาติและจะมาได้ถึงขนาดนี้ จากที่เล่นไม่เป็นเลย ต้องหิ้วกระติกน้ำให้เพื่อนร่วมทีม และพอมาไกลได้ขนาดนี้มันดีมาก แต่พอมาถึงตรงนี้มันก็ยังอยากไปให้ถึงที่สุด อยากไปโอลิมปิกสักครั้ง มันคือความฝันสูงสุดของนักกีฬาทุกคน ก็ได้แต่หวังว่าอีกสี่ปีข้างหน้าพวกเราจะได้ไปแข่งขันโอลิมปิก
''ปู'' เป็นคนง่ายๆ กินง่ายๆ
คนที่ไม่รู้จักจะหาว่าหนูหยิ่ง แต่หนูไม่ได้หยิ่ง แต่หนูไม่กล้าเข้าไปคุยกับใครก่อน หนูเป็นคนเฉยๆ ยิ้มยาก มีคนเคยบอกว่าหนูไม่ค่อยยิ้ม จะให้หนูเดินยิ้มอารมณ์ดีตลอดมันก็ไม่ใช่ ส่วนเรื่องอาหารขอแบบง่ายๆ เร็วๆ อะไรก็ได้ ไม่เกี่ยงกินได้หมด แต่ส่วนมากที่กินประจำก็ กะเพราหมูสับ, ผัดซีอิ๊ว, ก๋วยเตี๋ยว บ้าง การแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกางเกงยีน ง่ายที่สุดเร็วที่สุด เพราะไม่ได้ไปไหนอย่างมากก็แค่เดินห้าง กระโปรงใส่แค่ตอนไปมหาลัย ชีวิตแทบจะไม่มีกระโปรง เวลานั่งมันลำบาก ถ้าใส่กระโปรงมันต้องนั่งหนีบ ต้องระวัง หนูทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นชุดบังคับให้ใส่ก็ใส่
ส่วนเรื่องรักสวยรักงามเหรอ เข้าร้านทำผมบ้างบางโอกาสที่ไม่เหนื่อย ไปอบไอน้ำบ้าง ผิวไม่มีอะไรแค่ทาครีมธรรมดา ถ้ามีเวลาว่างจากการแข่งขัน ถ้าว่างหลายๆ วันก็กลับบ้าน ถ้าหยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ ก็ไปเที่ยวกับพี่กิ๊ฟ, พี่หน่อง
อนาคตอยากกลับไปอยู่กับแม่
สำหรับอนาคตเอาตรงๆ เลยไม่อยากใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ รู้สึกว่ามันวุ่นวาย แค่ก้าวออกจากห้องก็เสียตังค์แล้ว แต่ตอนนี้อยากเรียนให้จบ เพื่อจะได้หางานทำ หนูอยากกลับไปอยู่บ้าน อยากไปอยู่ใกล้ๆ แม่ รู้สึกว่ามันสบายใจมากกว่า อนาคตหากเป็นไปได้ตามที่คิดก็คือหากิจการอะไรเล็กๆ ทำที่บ้าน อยากปลูกต้นไม้ ทำต้นไม้ขาย หนูชอบต้นไม้ ชอบดอกไม้ แต่ก็ยังไม่รู้จะได้กลับไปตอนไหน
''ความรัก'' จะอยู่ได้ถ้าเข้าใจกัน
มุมมองความรัก หนูว่าต้องสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องปิดบังเรื่องนู้นเรื่องนี้ เพราะถ้าคุยได้ทุกเรื่องแล้วมันจะอยู่กันได้ง่ายกว่า ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย แต่หนูว่าผู้ชายบางทีเขาจะปิดบังเรา และความเข้าใจมันต่างกันในบางสิ่งบางอย่าง ไม่เหมือนผู้หญิงด้วยกันที่เข้าใจได้มากกว่า แต่สุดท้ายมันอยู่ที่การปรับตัวเข้าหากันมากกว่า สำหรับหนูถ้าจะแต่งงาน วันนึงเจอคนที่ใช่ก็คงแต่ง แต่อยู่เฉยๆ ดีอยู่แล้วไม่ปวดหัว
หนูไม่รู้ว่าแม่เสียใจกับหนูหรือเปล่า เพราะหนูไม่ค่อยได้อยู่กับแม่ แต่ถ้าตอนเด็กเขาบอกห้ามหนูก็จะไม่ทำ ขี้กลัวมากตั้งแต่เด็ก ไม่เคยห่างแม่ ไปไหนไปกับแม่ กินอะไรแม่ต้องซื้อให้ ทุกวันนี้เวลากลับบ้านอยากกินก๋วยเตี๋ยวทีก็ต้องชวนแม่ไปด้วย แต่ถ้าแม่ไม่ไปหนูก็ไม่ไป
หนูว่าเขาคงภูมิใจ และมีความสุขที่หนูมาอยู่ตรงนี้ได้
และนี่คือคำกล่าวทิ้งท้ายของ ''ปู'' มลิกา กันทอง นักตบสาวผู้ปิดทองหลังพระ กับการดำเนินชีวิตในแบบที่เรียบง่ายและไม่ปรุงแต่ง
เพิ่มเติมจากกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Malika Kanthong
มลิกา กันทอง ประวัติ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่ง UNIVERSAL เจ้าของฉายา ตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญของทีมชาติไทย
สำหรับคนทั่วไปที่ชมการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล อาจคิดว่า ผู้เล่นโดดเด่นและมีฝีมือ น่าจะเป็นนักตบที่มีลีลาเร้าใจ แต่แท้จริงแล้วการแข่งขันวอลเลย์บอล ซึ่งถือเป็นกีฬาประเภททีม หากผู้เล่นแต่ละคนขาดทักษะที่ดี หรือไม่เล่นเป็นทีมเวิร์ก การก้าวไปสู่ความสำเร็จคงเป็นเรื่องยากลำบากมากเลยทีเดียว
ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำผู้เล่นอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนทีมที่จะขาดไม่ได้ นั่นคือ มลิกา กันทอง นักตบสาวจากเมืองอ่างทอง ที่ถูกขนานนามว่า เป็นตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญของทีมชาติไทย ทั้งนี้ มลิกา กันทอง เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตำแหน่ง UNIVERSAL ที่เรียกกันว่า ผู้เล่นอเนกประสงค์ ที่สามารถตีลูกได้ทั้งหัวเสาซ้ายขวา บอลโค้งหน้า บอลกลาง และบอลเสิร์ฟ
สำหรับประวัติ มลิกา กันทอง มีชื่อเล่นว่า ปู เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 จบการศึกษาปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ส่วนเส้นทางสู่วงการวอลเลย์บอลนั้น มลิกาได้รู้จักกีฬาวอลเลย์บอลครั้งแรก เมื่อตอนอายุ 12 ปี ขณะกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6
จากนั้นในช่วงมัธยม มลิกาได้รับการฝึกซ้อมวอลเลย์บอลจาก 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี และโรงเรียนอุลิตไพบูลย์ จ.ชัยนาท จนทำให้ฝีมือเริ่มพัฒนามากขึ้น และขณะที่เรียนอยู่ชั้น ม.4 ก็ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนยุวชนทีมชาติไทย เพื่อลงแข่งชิงแชมป์อาเซียนกับชิงแชมป์เอเชีย
ในเวลาต่อมา มลิกาได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยรัตบัณฑิต ควบคู่ไปกับการเก็บตัวซ้อมในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเตรียมไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ โดยได้รับเลือกเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง UNIVERSAL ซึ่งสามารถโชว์ลีลาการเล่นได้หลากหลาย
แม้ลูกตบของมลิกาจะไม่ดุดันและรุนแรงเท่าตัวตบหัวเสาคนอื่น ๆ แต่เพราะทิศทางการวางบอลที่คาดเดาได้ยาก ทั้งการเสิร์ฟบอล ตบบอลเร็ว การขึ้นบล็อก และแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ จนทำให้ทีมชาติไทยสามารถคว้าคะแนนจากทีมคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง พิสูจน์ได้จากทักษะและไหวพริบในแมตช์ล่าสุด การแข่งขันวอลเลย์บอลศึกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2013 ที่มลิกาโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดีเยี่ยม จนสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ หรือ "ไอวีบี" ได้จัดสถิติให้ มลิกา เป็นตัวตบยอดเยี่ยมอันดับที่ 13 ของรายการ
จากความสามารถในการขับเคลื่อนการเล่มของทีมชาติไทย ให้ไหลลื่นไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี จึงทำให้มลิกาได้รับฉายาว่า ตัวเปลี่ยนเกม ซึ่งตั้งแต่เริ่มเข้าสู่เส้นทางนักกีฬาอาชีพ ฝีไม้ลายมือของมลิกาก็ไปเข้าตาสโมสรต่างประเทศหลายแห่ง จนปัจจุบันได้สังกัดสโมสรชื่อดัง อิกติซาดชิ บากู วีซี ของประเทศอาเซอร์ไบจาน นั่นเอง
เอาพิษสงนางมาฝาก จากใจ"ติ่ง" ปู มลิกา กันทอง
หนึ่งในผู้เล่นที่หาตัวตายตัวแทนยากที่สุดของทีมชาติไทย
ป.ล.ที่ตั้งกระทู้ให้นางเพราะว่านางน่าจะคือผู้เล่นทีมชาติไทย ที่ถูกกล่าวถึงน้อยที่สุด