คนรุ่นใหม่คิดยังไง

ตอนผมเป็นเด็กประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ผมดีใจมากเมื่อถึงวันพระใหญ่และวันหยุดนักขัตฤกษ์  เหตุผลข้อแรกที่ดีใจคือ “หยุดเรียน” และอีกข้อที่สำคัญ คือ การทำบุญตักบาตรของอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย แน่นอนขนมของกินเยอะแบบไม่ต้องพูดถึง เพราะสมัยก่อนการทำบุญวันสำคัญทางพุทธศาสนา ไม่ว่าจะ คนแก่ หนุ่มสาว แม้กระทั่งเด็กๆอย่างผม ต่างเตรียมข้าวของมาทำบุญกันเยอะ ใก็เตรียมมาเยอะ ใครจนก็ ข้าวเหนียวกับข้าวต้มมัดก็พอ ส่วนผมมักจะข้าวเหนียวอย่างเดียว แต่ที่เป็น ไฮไลท์ ที่สุดคือเมื่อกิจกรรมการตักบาตรเสร็จสิ้น เด็กๆอย่างพวกผมก็จะมีกิจกรรมต่อไปคือ การเข้าไปเอาขนมและเข้าไปขอขนมจาก พระสงฆ์หรือเณร ผมจะอธิบายให้ฟังว่าการเข้าไปเอาขนมทำยังไง คือมันจะมีรถเข็ญคันใหญ่ ที่เต็มไปด้วยขนม นม อาหารแห้ง ที่ล้นบาตรแล้วเขาเอามาใส่ไว้ อย่างที่บอกครับว่าคนทำบุญเยอะจริงๆ แต่จะเอาได้ก็ต่อเมื่อ พระและเณร ไม่เอาแล้วเท่านั้น ง่ายๆคือของที่ พระและเณรไม่เลือกนั้นเอง แน่นอนครับที่ต้องการอันดับหนึ่งคือ มาม่า ทีนี้มันก็เกิดการแย่งกัน ผมเป็นคนตัวเล็กแถมยังต้องสู้กับเพื่อนที่มารอเหมือนกันอีกหลายคนและยังมีป้าแก่ๆคนหนึ่งด้วย ย้ำนะครับว่าป้าแก่ๆ ทุกวันนี้ผมยังสงสัยอยู่เลยว่า ป้าแกมาแย่งขนมกับพวกผมทำไม อย่างที่บอกครับว่าผมเป็นคนตัวเล็กเข้าไปแย่งก็ไม่ค่อยจะได้กับเขาหรอก มาม่า ที่ใฝ่ฝันบางทีก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง พูดถึงเรื่อง มาม่า  สมัยเด็กถ้าใครเอา มาม่า มากินที่โรงเรียนเนี่ย กินในที่นี้คือการกินแบบขยำให้มันละเอียดแล้วใส่เครื่องปรุงเลย ไม่ได้ผ่านน้ำร้อนแต่อย่างใด ถือว่าเท่ห์ และดูมีอันจะกินมากๆ แล้วก็จะมีเพื่อนๆมาขอกิน เราก็จะหยิบให้ โดยห้ามเพื่อนเอามือมาหยิบในห่อเด็ดขาด ตอนเป็นเด็กผมไม่ค่อยสู้คนเพราะตัวเล็ก(ทุกวันนี้ก็ไม่สู้ครับ อิอิ)หากจะโดนรังแก ผมพูดออกมาเลย “กูมีมาม่านะ”วันนั้นทุกอย่างก็จะอยู่แบบสันติ ลืมบอกว่า มาม่าราคา 3.50 ได้เงินไปโรงเรียน 3 บาท........ เอาล่ะกลับเข้ามาถึงเรื่องทำบุญกันต่อ เมื่อก่อนจะมีกิจกรรมทางศาสนา เช่นการเวียนเทียน ขนทรายเข้าวัด ยิ่งการเวียนเทียนผมชอบมากเลย คือ พอตกเย็นจะได้ยินเสียงตีกลองแล้วก็มีคนในหมู่บ้านทยอยกันมาวัด มีกันทุกเพศทุกวัยครับ แล้วก็มารวมตัวกันที่ศาลา มีการฟังเทศน์ เสร็จแล้วพระก็จะนำเวียนเทียนรอบโบสน์ จะเห็นได้ว่า วัดกับชุมชนมีกิจกรรมร่วมกันตลอด ทำให้คนในชุมชนเกิดความสามัคคี ซึ่งผมมองว่าเป็นวัฒนธรรมที่น่ารักษาไว้อย่างยิ่ง จนกระทั่งเมื่อ 5 ปีที่แล้วผมกลับไปอุปสมบทที่บ้านแล้วสิ่งที่ผมแปลกใจก็คือ วันนั้นเป็นวันวิสาขบูชา ผู้คนมาทำบุญกันน้อยมาก ส่วนตอนเย็นนั้นผมก็ได้ถาม พระอาจารย์ว่า “พระอาจารย์ครับตอนเย็นไม่มีเวียนเทียนเหรอครับ เพราะผมไม่เห็นการเตรียมงานเลย” พระอาจารย์ หันหน้ามาแล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า “หลวงพี่ไปอยู่ใหนมา ชาวบ้านเขาไม่เวียนเทียนกันแล้ว มันเป็นแบบนี้มา 4-5 ปีแล้ว” ผมถึงกับอึ้งแล้วคิดในใจว่า สิ่งที่เราเคยเห็นตั้งแต่เด็กๆ รวมถึงวัฒนธรรมที่ดีงามคงไม่ได้เห็นอีกแล้ว  ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งที่บรรพบุรษ ได้กระทำมาตั้งแต่สมัยก่อนซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงไม่รักษาวัฒธรรมนี้ไว้ ทำไมถึงคิดถึงการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากทำอะไรเดิมๆซ้ำๆ
...........แล้วคุณมีความคิดเห็นยังไงกับการที่ นักศึกษา บางคนที่ไม่ต้องการ uniform  เพราะไม่อยากทำอะไรเดิมๆซ้ำๆ อยากออกจากกรอบ.................
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ครับบรรพบุรษของเราคงเสียใจแย่ ถ้ารู้ว่าเราพม่ากับไทยเลิกรบกันแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่