ณ จุดนี้หุ้นไม่ถูก และไม่แพง แต่สิ่งที่จะฆ่าหุ้นพื้นฐาน หรือ Technical คือ Fund Flow
หุ้นที่จะลาก set ได้ bank, energy ยังคงไม่แพง ส่วน สื่อสารตัวใหญ่ๆผลประกอบการน่าจะไม่ดีใน Q3, Q4 ไม่ใช่ผู้นำ set
ถ้าจะ S ต้องให้แน่ใจว่าโอกาสจะลงสูงกว่าจะขึ้น
เมื่อผลประกอบการ Q3 ออก เราจะเห็นทิศทางที่ชัดเจน ตรงนี้คือจุดที่ S ได้ และดูได้ง่ายกว่า
หุ้นขึ้นในช่วงที่ผ่านมา technical นั้นตาม fund flow อยู่หลายก้าวแน่นอนครับ เพราะกว่าคุณจะ buy ก็ต้องรอให้ขึ้นมามากขนาดนี้
และการที่บอกว่าราคามันสะท้อนในกราฟ มันช้าเกินไป เพราะมันสะท้อนไปแล้วมันเหลือไว้แค่อดีต และ trend
ส่วนอนาคตก็กะๆเอาตาม trend สร้างแนวต้าน แนวรับแนวต้านกันไป
technical ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ใช้
แนะนำให้มือใหม่สนใจเทคนิคเขียน indicator เอง เรียนไม่ยาก และไม่ต้องไปเสียเงินแพงๆ เห็นเก็บกันกว่าจะจบเป็นหมื่น
(ผมว่าอ่าน help 3 วันก็เขียนได้แล้วครับ) อย่าไปลอกวิธีการเล่นเทคนิคใครโดยไม่เข้าใจ จิตใจเข้าคนนั้น
เมื่อเห็นกราฟก็เข้าใจ มีแค่ volume & price ก็พอ
สุดท้าย fund flow ฆ่าหุ้นพื้นฐานดีราคาเหมาะสมไม่ตาย แต่พวก technical แบบไม่ cut นี่ตายยกแรก...
ถ้าเราจะประมูลรถยนต์ผ่าน online จะรู้ได้อย่างไรว่ารถคันไหนสภาพดี?
อาจจะพอเดาคำตอบคือ รถยนต์คันที่มี bid กันเยอะแสดงว่าคนที่อยู่ในสถานที่ได้ดูสภาพกันแล้ว เข้าเรียกว่าราคาสะท้อนสภาพรถแล้ว
แต่สุดท้ายคุณก็ไม่มั่นใจอยู่ดี แต่ก็พอตามจะ trend ไปได้ นี่ก็คล้ายๆ technical
ถ้าเราไปดูรถด้วยตัวเอง(ดูพื้นฐาน) แต่ความรู้ด้อยเกินไปประเมินผิด อาจจะได้รถราคาสูงคุณภาพปลานกลางหรือคุณภาพต่ำ เพราะคิดว่าคุณภาพดีเลย bid ไปสูง หรือไปจับเอารถที่ชนหนักทำสีสวยดูไม่ออก(เฉพาะคุณ) สุดท้ายก็เจ็บ
แต่ร้ายสุดคือ bid หลอก ให้คุณเข้าใจว่าเป็นของดี อันนี้ถ้า technical ก็ต้อง L ตาม trend
เห็นชัดว่า technical คือการกะๆแล้วมี cut loss เป็นสุดยอดวิชา
แต่เมื่อไหร่คุณมีพื้นฐานธุรกิจแน่น โอกาสที่คุณจะแพ้ก็ต่ำครับ
ผมไม่มีกราฟมาโชว์กราฟผมมีแต่ volume&price แต่ถ้าผมมั่วคงตายไปแล้ว
จงอย่าเดาว่าตลาดจะ peak ตรงไหน
หุ้นที่จะลาก set ได้ bank, energy ยังคงไม่แพง ส่วน สื่อสารตัวใหญ่ๆผลประกอบการน่าจะไม่ดีใน Q3, Q4 ไม่ใช่ผู้นำ set
ถ้าจะ S ต้องให้แน่ใจว่าโอกาสจะลงสูงกว่าจะขึ้น
เมื่อผลประกอบการ Q3 ออก เราจะเห็นทิศทางที่ชัดเจน ตรงนี้คือจุดที่ S ได้ และดูได้ง่ายกว่า
หุ้นขึ้นในช่วงที่ผ่านมา technical นั้นตาม fund flow อยู่หลายก้าวแน่นอนครับ เพราะกว่าคุณจะ buy ก็ต้องรอให้ขึ้นมามากขนาดนี้
และการที่บอกว่าราคามันสะท้อนในกราฟ มันช้าเกินไป เพราะมันสะท้อนไปแล้วมันเหลือไว้แค่อดีต และ trend
ส่วนอนาคตก็กะๆเอาตาม trend สร้างแนวต้าน แนวรับแนวต้านกันไป
technical ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ใช้
แนะนำให้มือใหม่สนใจเทคนิคเขียน indicator เอง เรียนไม่ยาก และไม่ต้องไปเสียเงินแพงๆ เห็นเก็บกันกว่าจะจบเป็นหมื่น
(ผมว่าอ่าน help 3 วันก็เขียนได้แล้วครับ) อย่าไปลอกวิธีการเล่นเทคนิคใครโดยไม่เข้าใจ จิตใจเข้าคนนั้น
เมื่อเห็นกราฟก็เข้าใจ มีแค่ volume & price ก็พอ
สุดท้าย fund flow ฆ่าหุ้นพื้นฐานดีราคาเหมาะสมไม่ตาย แต่พวก technical แบบไม่ cut นี่ตายยกแรก...
ถ้าเราจะประมูลรถยนต์ผ่าน online จะรู้ได้อย่างไรว่ารถคันไหนสภาพดี?
อาจจะพอเดาคำตอบคือ รถยนต์คันที่มี bid กันเยอะแสดงว่าคนที่อยู่ในสถานที่ได้ดูสภาพกันแล้ว เข้าเรียกว่าราคาสะท้อนสภาพรถแล้ว
แต่สุดท้ายคุณก็ไม่มั่นใจอยู่ดี แต่ก็พอตามจะ trend ไปได้ นี่ก็คล้ายๆ technical
ถ้าเราไปดูรถด้วยตัวเอง(ดูพื้นฐาน) แต่ความรู้ด้อยเกินไปประเมินผิด อาจจะได้รถราคาสูงคุณภาพปลานกลางหรือคุณภาพต่ำ เพราะคิดว่าคุณภาพดีเลย bid ไปสูง หรือไปจับเอารถที่ชนหนักทำสีสวยดูไม่ออก(เฉพาะคุณ) สุดท้ายก็เจ็บ
แต่ร้ายสุดคือ bid หลอก ให้คุณเข้าใจว่าเป็นของดี อันนี้ถ้า technical ก็ต้อง L ตาม trend
เห็นชัดว่า technical คือการกะๆแล้วมี cut loss เป็นสุดยอดวิชา
แต่เมื่อไหร่คุณมีพื้นฐานธุรกิจแน่น โอกาสที่คุณจะแพ้ก็ต่ำครับ
ผมไม่มีกราฟมาโชว์กราฟผมมีแต่ volume&price แต่ถ้าผมมั่วคงตายไปแล้ว