ตลาดบิ๊กไบค์กำลังโต
รถใหญ่ หรือ รถบิ๊กไบค์ กำลังเติบโตในประเทศไทย
แล้วมันสำคัญขนาดไหน ก็ไม่มาก แค่ตีเป็นตัวเลขคร่าวๆ น่าจะ หลัก ร้อยล้านในช่วงปีแรก
และโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างก้าวกระโดด ขณะที่ ตลาดรถยนต์นั่งจะค่อยๆ ถดถอยลง
ปัจจุบัน เราจะเห็นว่า รถจำพวก บิ๊กไบค์หรือ รถที่มีจำนวน cc สูงนั้น ค่อยๆมีหลากหลายค่ายผู้ผลิตให้ความสนใจกับประเทศไทย แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว เราเป็นเพียง ลูกเมียน้อยที่เป็นได้เพียงฐานผลิต แต่ไม่ใช่ตลาดที่ ผู้ผลิตสนใจ ด้วยกำลังซื้อของเรายังน้อยเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ
ปัจจุบัน เรามีฐานการผลิต รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ (บิ๊กไบค์ หรือ รถที่มี cc มากกว่า 150 cc ขึ้นไป ** BB) ฟากญี่ปุ่นก็มี honda kawa ยุโรป มี ducati triump นี่คือ บริษัทที่มี line ผลิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
แต่บริษัทเหล่านี้ ก็ไม่ได้เมียงมองมายังศักยภาพของผู้ซื้อชาวไทยเท่าไร ด้วยเนื่องจากคนไทย ยังคงนิยมรถประเภท invoice หรือ รถผี
นัยย์ว่า ขอให้มีขี่แต่ผิดกฎหมายก็ไม่ว่าอะไร ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า รถประเภทนี้คือ
รถของเล่นของคนรวย rishman toy ไม่ใช่รถที่เอาไว้ใช้งานปกติ ด้วยแรงม้าที่มหาศาล แรงบิดที่สูง และแรงกระทำที่หนักหน่วง
รถจำพวกนี้ จึงมีความต้องการ การเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ
แล้วตลาดรถ BB ในประเทศไทยละ
ปัจจุบีน รถเหล่านี้ มีราคาเรือนแสน ไปจนถึงหลักล้าน ซึ่ง นึกง่ายๆเพียงแค่ว่า หากคุณมีเงินในกระเป๋า 5 แสนบาท
คุณจะจ่ายเพื่อรถเก๋งเล็กๆซักคัน หรือ BB คันหรูซักคัน แน่นอน ถ้าคนหาเช้ากินค่ำ รายได้เดือนชนเดือน ก็จะเน้นผ่อนกับ
รถเล็กๆซักคัน เพื่อให้รถเป็นผู้นำทาง กันแดดกันฝน เน้นความคุ้มค่าของการใช้งานเสียมากกว่า
แต่กับคนที่มีเงินเหลือๆ ก็จะเก็บรถเหล่านี้ไว้เป็น คอลเล็คชั่นส่วนตัว ซึ่งปัจจุบัน มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
kawazaki เป็นผู้บุกเบิกตลาด BB อย่างแท้จริง ด้วยการเปิด line ขาย model ในกลุ่ม 650 cc ด้วยราคาที่เอื้อมถึง ตั้งแต่ 2009 ที่ผ่านมา
และดูเหมือนจะกำลังไปด้วยสวย กับตลาดรถใหญ่ และยังเป็นผู้เปิดทางให้กับ ค่ายรถหลายๆค่ายเพื่อให้ผู้ซื้อได้เข้าถึง รถเหล่านี้ได้มากขึ้น
มีตัวเลือกมากขึ้น โดยในอนาคต ก็จะมีอีกหลายๆค่าย มุ่งส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ที่ยังมีกำลังซื้อมหาศาลรออยู่
แล้วตลาด BB จะโตขึ้นได้อย่างไร
ปัจจุบัน การจราจรในประเทศไทย ที่ประสบพบเจอแต่ความแออัดยัดเยียดที่นับวันจะ ทวีความรุนแรงชนิดที่ กินนอนกันบนถนน
จึงทำให้เกิดแนวคิดว่า จะทำอย่างไร ให้ไปได้ไวที่สุด รถมอเตอร์ไซค์ จึงจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ข้อนี้ได้ง่ายที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงกับการจราจร
อันแสนวิกฤต โดยเพียงให้นึกง่ายๆว่า ในท้องถนนของกรุงเทพนั้น ใน 100 คัน จะมีรถระดับ 1.5 ล้านกี่คัน โดยเฉลี่ย จะราว 20-30%
และระดับ 2 ล้าน ขึ้นไป ราว 7-10% นั้นหมายความว่า หากเปลี่ยนให้คนเหล่านี้ หลีกหนีการใช้รถยนต์และ มุ่งไปใช้ รถ BB แทน เพียง 10%
ก็จะสามารถคะเนตลาด BB ในไทยได้
(หมายเหตุ เกณฑ์รถราคา 1.5 หรือ 2 ล้านนั้นเกิดจากแนวคิด ผู้ที่สามารถเป็นเจ้าของรถราคา นี้ได้ "โดยส่วนใหญ่" มักจะมีฐานะที่สามารถ
พิจารณาฐานการเงินได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ใช้ตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง)
ผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อมากพอ ย่อมจะต้องการหลีกเลี่ยงการจราจรบนท้องถนน แต่เรื่องภาพลักษณ์และความสะดวกสบายย่อมมาก่อน ทั้งนี้
รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ BB ย่อมตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยยิ่งหากชี้ให้ผู้ที่สามารถมีกำลังซื้อ มองเห็นช่องทางในการเป็นเจ้าของ
อย่างชัดเจน (ปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่ยังคงติดภาพลักษณ์ รถ BB ว่า เป็นรถท่องเที่ยว รถหรู รถที่ไม่สามารถใช้ได้ในงานประจำวัน)
หากแต่สามารถชี้ให้ลูกค้ามองเห็นว่า รถ BB สามารถเป็นรถคันที่ 2 แยกจากรถยนต์นั่งส่วนตัวได้ โดยพิจาณา จุดเด่น จุดด้อย ดังนี้
จุดเด่น
รวดเร็ว สะดวก ภาพลักษณ์ภูมิฐาน ประหยัดเวลาและการเดินทาง
จุดด้อย
ฝน การบรรทุกสัมภาระ การบรรทุกคน ความคุ้มค่าต่อหน่วย
ผู้เขียนเองมองว่า ปัจจุบัน ตลาด BB ในประเทศไทย จะเติบโตเป็นอย่างมาก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาด BB ปัจจุบันยังคงมีไม่มาก
หากมีใครซักคนดำเนินการอย่างเป็นทางการและสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง (ยกตัวอย่าง toyota) นั่นย่อมหมายความว่า จะสามารถสร้างเม็ดเงิน
ได้จากธุรกิจนี้ได้อย่างดี และมหาศาล รวมไปถึง ลดปริมาณรถผี หรือ รถ invoice สพม ให้หายไป และเมื่อถึงเวลานั้น จะเข้าสู่กระบวนการ
demand supply อย่างแท้จริง การแข่งขันยิ่งสูง ตัวเลือกยิ่งมาก การแ่ข่งขันทางด้านราคายิ่งเพิ่ม (คนมีสิทธิ์เลือกเยอะ ราคายิ่งถูกลง)
ขับขี่ปลอดภัยใส่ใจจราจร ขอบคุณครับ
บทความโดย login แฝง ตรึมสะบรึยตรึ๋ยๆ ทั้งนี้หากมีข้อมูลใดๆ โต้แย้ง หรือ เพิ่มเติม ขอให้ร่วมพิจารณาครับ ส่วนตัวเลขอ้างอิงต่างๆ
สามารถหาได้จาก อินเตอร์เนต (ผมเอาข้อมูลบางส่วนมาจาก กรมขนส่งทางบก และ ยอดการขายรถยนต์นั่งของแต่ละค่าย มาตีความเอง)
ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ในประเทศไทย
รถใหญ่ หรือ รถบิ๊กไบค์ กำลังเติบโตในประเทศไทย
แล้วมันสำคัญขนาดไหน ก็ไม่มาก แค่ตีเป็นตัวเลขคร่าวๆ น่าจะ หลัก ร้อยล้านในช่วงปีแรก
และโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างก้าวกระโดด ขณะที่ ตลาดรถยนต์นั่งจะค่อยๆ ถดถอยลง
ปัจจุบัน เราจะเห็นว่า รถจำพวก บิ๊กไบค์หรือ รถที่มีจำนวน cc สูงนั้น ค่อยๆมีหลากหลายค่ายผู้ผลิตให้ความสนใจกับประเทศไทย แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว เราเป็นเพียง ลูกเมียน้อยที่เป็นได้เพียงฐานผลิต แต่ไม่ใช่ตลาดที่ ผู้ผลิตสนใจ ด้วยกำลังซื้อของเรายังน้อยเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ
ปัจจุบัน เรามีฐานการผลิต รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ (บิ๊กไบค์ หรือ รถที่มี cc มากกว่า 150 cc ขึ้นไป ** BB) ฟากญี่ปุ่นก็มี honda kawa ยุโรป มี ducati triump นี่คือ บริษัทที่มี line ผลิตในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
แต่บริษัทเหล่านี้ ก็ไม่ได้เมียงมองมายังศักยภาพของผู้ซื้อชาวไทยเท่าไร ด้วยเนื่องจากคนไทย ยังคงนิยมรถประเภท invoice หรือ รถผี
นัยย์ว่า ขอให้มีขี่แต่ผิดกฎหมายก็ไม่ว่าอะไร ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า รถประเภทนี้คือ
รถของเล่นของคนรวย rishman toy ไม่ใช่รถที่เอาไว้ใช้งานปกติ ด้วยแรงม้าที่มหาศาล แรงบิดที่สูง และแรงกระทำที่หนักหน่วง
รถจำพวกนี้ จึงมีความต้องการ การเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ
แล้วตลาดรถ BB ในประเทศไทยละ
ปัจจุบีน รถเหล่านี้ มีราคาเรือนแสน ไปจนถึงหลักล้าน ซึ่ง นึกง่ายๆเพียงแค่ว่า หากคุณมีเงินในกระเป๋า 5 แสนบาท
คุณจะจ่ายเพื่อรถเก๋งเล็กๆซักคัน หรือ BB คันหรูซักคัน แน่นอน ถ้าคนหาเช้ากินค่ำ รายได้เดือนชนเดือน ก็จะเน้นผ่อนกับ
รถเล็กๆซักคัน เพื่อให้รถเป็นผู้นำทาง กันแดดกันฝน เน้นความคุ้มค่าของการใช้งานเสียมากกว่า
แต่กับคนที่มีเงินเหลือๆ ก็จะเก็บรถเหล่านี้ไว้เป็น คอลเล็คชั่นส่วนตัว ซึ่งปัจจุบัน มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
kawazaki เป็นผู้บุกเบิกตลาด BB อย่างแท้จริง ด้วยการเปิด line ขาย model ในกลุ่ม 650 cc ด้วยราคาที่เอื้อมถึง ตั้งแต่ 2009 ที่ผ่านมา
และดูเหมือนจะกำลังไปด้วยสวย กับตลาดรถใหญ่ และยังเป็นผู้เปิดทางให้กับ ค่ายรถหลายๆค่ายเพื่อให้ผู้ซื้อได้เข้าถึง รถเหล่านี้ได้มากขึ้น
มีตัวเลือกมากขึ้น โดยในอนาคต ก็จะมีอีกหลายๆค่าย มุ่งส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ที่ยังมีกำลังซื้อมหาศาลรออยู่
แล้วตลาด BB จะโตขึ้นได้อย่างไร
ปัจจุบัน การจราจรในประเทศไทย ที่ประสบพบเจอแต่ความแออัดยัดเยียดที่นับวันจะ ทวีความรุนแรงชนิดที่ กินนอนกันบนถนน
จึงทำให้เกิดแนวคิดว่า จะทำอย่างไร ให้ไปได้ไวที่สุด รถมอเตอร์ไซค์ จึงจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ข้อนี้ได้ง่ายที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงกับการจราจร
อันแสนวิกฤต โดยเพียงให้นึกง่ายๆว่า ในท้องถนนของกรุงเทพนั้น ใน 100 คัน จะมีรถระดับ 1.5 ล้านกี่คัน โดยเฉลี่ย จะราว 20-30%
และระดับ 2 ล้าน ขึ้นไป ราว 7-10% นั้นหมายความว่า หากเปลี่ยนให้คนเหล่านี้ หลีกหนีการใช้รถยนต์และ มุ่งไปใช้ รถ BB แทน เพียง 10%
ก็จะสามารถคะเนตลาด BB ในไทยได้
(หมายเหตุ เกณฑ์รถราคา 1.5 หรือ 2 ล้านนั้นเกิดจากแนวคิด ผู้ที่สามารถเป็นเจ้าของรถราคา นี้ได้ "โดยส่วนใหญ่" มักจะมีฐานะที่สามารถ
พิจารณาฐานการเงินได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ใช้ตัวเลขที่เกิดขึ้นจริง)
ผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อมากพอ ย่อมจะต้องการหลีกเลี่ยงการจราจรบนท้องถนน แต่เรื่องภาพลักษณ์และความสะดวกสบายย่อมมาก่อน ทั้งนี้
รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ BB ย่อมตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยยิ่งหากชี้ให้ผู้ที่สามารถมีกำลังซื้อ มองเห็นช่องทางในการเป็นเจ้าของ
อย่างชัดเจน (ปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่ยังคงติดภาพลักษณ์ รถ BB ว่า เป็นรถท่องเที่ยว รถหรู รถที่ไม่สามารถใช้ได้ในงานประจำวัน)
หากแต่สามารถชี้ให้ลูกค้ามองเห็นว่า รถ BB สามารถเป็นรถคันที่ 2 แยกจากรถยนต์นั่งส่วนตัวได้ โดยพิจาณา จุดเด่น จุดด้อย ดังนี้
จุดเด่น
รวดเร็ว สะดวก ภาพลักษณ์ภูมิฐาน ประหยัดเวลาและการเดินทาง
จุดด้อย
ฝน การบรรทุกสัมภาระ การบรรทุกคน ความคุ้มค่าต่อหน่วย
ผู้เขียนเองมองว่า ปัจจุบัน ตลาด BB ในประเทศไทย จะเติบโตเป็นอย่างมาก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาด BB ปัจจุบันยังคงมีไม่มาก
หากมีใครซักคนดำเนินการอย่างเป็นทางการและสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง (ยกตัวอย่าง toyota) นั่นย่อมหมายความว่า จะสามารถสร้างเม็ดเงิน
ได้จากธุรกิจนี้ได้อย่างดี และมหาศาล รวมไปถึง ลดปริมาณรถผี หรือ รถ invoice สพม ให้หายไป และเมื่อถึงเวลานั้น จะเข้าสู่กระบวนการ
demand supply อย่างแท้จริง การแข่งขันยิ่งสูง ตัวเลือกยิ่งมาก การแ่ข่งขันทางด้านราคายิ่งเพิ่ม (คนมีสิทธิ์เลือกเยอะ ราคายิ่งถูกลง)
ขับขี่ปลอดภัยใส่ใจจราจร ขอบคุณครับ
บทความโดย login แฝง ตรึมสะบรึยตรึ๋ยๆ ทั้งนี้หากมีข้อมูลใดๆ โต้แย้ง หรือ เพิ่มเติม ขอให้ร่วมพิจารณาครับ ส่วนตัวเลขอ้างอิงต่างๆ
สามารถหาได้จาก อินเตอร์เนต (ผมเอาข้อมูลบางส่วนมาจาก กรมขนส่งทางบก และ ยอดการขายรถยนต์นั่งของแต่ละค่าย มาตีความเอง)