หมอชีวก โกมารภัจจ์ แพทย์ประจำพระพุทธองค์

กระทู้สนทนา


ท่านผู้นี้คือ หมอชีวก โกมารภัจจ์ (ชาวบ้านทั่วไปอ่าน ชีวะกะ ไม่รู้ "กะ" ได้ยังไง เพราะไม่ประวิสรรชนีย์!) ท่านเป็นบุตรนางนครโสเภณี นาม สาลวดี ตำแหน่ง "นครโสเภณี" (ตามศัพท์แปลว่า หญิงผู้ยังเมืองให้งดงาม) เป็นตำแหน่งพระราชาทรงแต่งตั้ง โดยคัดเลือกสตรีผู้เลอโฉม มีความรู้ความสามารถในการให้ความบันเทิงเริงรมย์ แก่แขกเมืองผู้มีเกียรติ เพื่อเป้าหมายคือ "ดึงดูดเงินตรา" เข้าประเทศ ต่อมาภายหลังเท่านั้นอาชีพนี้ได้ลดคุณค่าลง

นางสาลวดี มีบุตรขึ้นมาด้วยความเผลอไผลไม่ตั้งใจ ถ้าเป็นบุตรสาว ก็อาจเลี้ยงไว้เพื่อสืบทอดตำแหน่งในวันหน้า แต่บังเอิญเป็นบุตรชาย นางจึงให้นำไปทิ้งไว้หน้าประตูวัง

แสดงว่าไม่ต้องการทิ้งจริงๆ คะเนว่าเวลาเช้า เจ้าชายอภัย พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสารมักเสด็จออกจากวังไป "จ๊อกกิ้ง" ทางประตูนั้น จึงให้สาวใช้เอาเด็กใส่กระด้งไปวางไว้ใกล้ประตูวังโดยสาวใช้ยืนดูอยู่ห่างๆ

ทุกอย่างเป็นไปตามคาด เจ้าชายอภัยเสด็จออกมา ได้เห็นหมู่นกการ้องเซ็งแซ่อยู่ใกล้ๆ จึงรับสั่งให้มหาดเล็กไปดูว่า นกกามันร้องทำไม มหาดเล็กกลับมากราบทูลว่า นกกามันเฝ้าเด็กคนหนึ่ง มีคนเอามาทิ้งไว้

ตรัสถามว่า "ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่" เมื่อได้รับรายงานว่า มีชีวิตอยู่ (ชีวโกติ) จึงเสด็จไปดูและนำไปเลี้ยงเป็นโอรสบุญธรรม ได้ขนานนามเด็กน้อยว่า "ชีวก" (แปลว่า มีชีวิตอยู่ หรือแปลแบบไทยๆ ว่า "บุญยัง") เพราะทรงเลี้ยงเหมือนลูกที่เกิดในวังจึงมีสร้อยนามว่า "โกมารภัจจ์"



ชีวก โกมารภัจจ์ หนีพระบิดาบุญธรรมไปเรียนศิลปวิทยาที่ตักสิลา 7 ปี วิชาที่เรียนคือ แพทย์แผนโบราณ อยู่รับใช้อาจารย์ไปด้วยเรียนไปด้วย จนเมื่อยามอยากกลับบ้านนั่นแหละ ได้ถามอาจารย์ว่าตนเรียนจบหรือยัง อาจารย์ทดสอบด้วยการให้ออกจากสำนักไปหาตัวอย่างใบไม้ เปลือกไม้ รากไม้ ที่ใช้ทำยาไม่ได้มา ชีวกไปทั้งวันก็ไม่ได้มาสักอย่าง เพราะรู้ว่าต้นไม้ทุกต้น สมุนไพรทุกชนิด ใช้ทำยาได้หมด อาจารย์จึงกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้น เธอจบแล้ว"

ชีวก ลาอาจารย์กลับบ้านไปหาพระบิดาบุญธรรม บังเอิญช่วงนั้นพระเจ้าพิมพิสาร เสด็จปู่ทรงประชวรด้วยโรค "ภคันทบาพาธ" (ริดสีดวงทวาร) ได้ถวายการรักษาจนหาย ได้รับบำเหน็จความดีความชอบมากมาย พร้อมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแพทย์หลวง ประจำราชสำนักเมืองราชคฤห์

ในช่วงเวลาดังกล่าว พระเทวทัต ผู้ถูกลาภสักการะครอบงำอยากใหญ่ คิดปฏิวัติพระพุทธเจ้าว่าอย่างนั้นเถอะ ได้แรงอุปถัมภ์จากเจ้าชายอชาตศัตรู ผู้หลงผิดเพราะถูก "ล้างสมอง" วางแผนกำจัดพระพุทธเจ้าต่างๆ นานา แต่ละแผนล้มเหลวโดยสิ้นเชิงด้วยพุทธานุภาพ แต่ก็ทำความลำบากให้พระพุทธองค์พอสมควร

ครั้งหนึ่งเทวทัตขึ้นบนเขาคิชฌกูฏ กลิ้งก้อนหินลงมาหมายให้ทับพระพุทธองค์ แต่ก้อนหินกลิ้งไปปะทะชะง่อนผา กระเด็นไปอีกทางหนึ่ง ถึงกระนั้นเศษหินก็ได้กระเด็นไปต้องพระบาทจนห้อพระโลหิต ทรงได้รับทุกขเวทนา

พระสงฆ์จึงนำพระพุทธองค์ไปยังสวนมะม่วงของหมอชีวก ซึ่งอยู่เชิงเขาคิชฌกูฏ แล้วไปตามหมอชีวกมาถวายการรักษา

สวนมะม่วงนี้ หมอชีวกได้รับพระราชทานจากพระเจ้าพิมพิสาร ได้ถวายให้เป็นวัดสำหรับประทับของพระพุทธเจ้า และภิกษุสงฆ์ มีนามว่า "ชีวกัมพวัน" (ปัจจุบันซากปรักหักพังปรากฏอยู่)

หมอชีวกได้ใส่ยาสมานแผล แล้วเอาผ้าพันไว้ กราบทูลว่า ตอนเย็นจะกลับมาเอาผ้าออก เขาจะเข้าไปดูคนไข้ในเมือง หมอชีวกวุ่นวายอยู่กับคนไข้จนถึงค่ำ นึกขึ้นมาได้ว่าเลยเวลาแก้ผ้าพันแผลจากพระบาทพระพุทธเจ้า จึงรีบจะออกนอกเมือง แต่ประตูเมืองปิดเสียก่อน ออกมาชีวกัมพวันไม่ได้



เช้าขึ้นมาก็รีบไปเฝ้า กราบทูลถามว่า เมื่อคืนพระองค์ทรงมีพระอาการร้อนหรือไม่ (เพราะถ้าไม่แก้ผ้าออก คนไข้จะมีอาการร้อนทั่วกาย) พระพุทธองค์ทรงมีรับสั่งให้พระอานนท์แก้ออกตามเวลากำหนดแล้ว จึงมิได้มีพระอาการดังกล่าว ทรงทราบว่าหมอชีวกหมายถึงร้อนแบบไหน แต่ทรงต้องการตรัสเทศนาสอนหมอชีวก จึงตรัสว่า

"ตถาคตดับความร้อนทุกชนิดได้แล้ว ตั้งแต่วันตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ โคนต้นโพธิ์" แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า

คตทฺธิโน วิโสกสฺส วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธิ

สพฺพคนนฺถปฺหีนสฺส ปริฬาโห น วิชฺชติ

"ผู้เดินทางมาจนสุดทางแห่งสังสารวัฏ หมดความโศก หลุดพ้น ไม่ยึดมั่นสิ่งใดๆ แล้ว ไม่มีความเร่าร้อน ไม่ว่าร้อนภายนอก (กาย) หรือร้อนภายใน (ใจ)"



ที่มา : คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ โดย เสฐียรพงษ์ วรรรปก
www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1379231471&grpid=&catid=19&subcatid=1904
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่