รบกวนขอคำปรึกษาสำหรับเคสฉุกเฉินที่จะทำเรื่องประกันสังคมค่ะ
เคสนี้เกิดขึ้นกับคุณพ่อของเพื่อนสนิทค่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันศุกร์ที่ 13 กย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจทางหลวงโทรมาแจ้งว่าพบคุณพ่อหมดสติและมีอาการเกร็งอยู่ในรถซึ่งจอดไว้ข้างทาง จึงนำตัวส่งสถานพยาบาลใกล้เคียง เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลได้ทำการช่วยชีวิตเบื้องต้นโดยการให้ออกซิเจน ลดความดัน แต่คนไข้ยังหมดสติ จึงสันนิษฐานว่าจะมีปัญหาที่กล้ามเนื้อหัวใจ หรือเส้นเลือดในสมองแตก แต่สถานพยาบาลแห่งนี้อุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่พร้อม เจ้าหน้าที่จึงเสนอทางเลือกในการรักษา ดังนี้
1) ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ในเครือ ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 5 กม. (สถานพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านบางพลีที่มีกลุ่มสถานพยาบาลรวม 10 สาขา เป็นโรงพยาบาล 3 สาขาคือสาขา 3, 9, 11 ที่แรกที่คุณพ่อของเพื่อนถูกส่งไปรับการรักษาคือสาขาหนึ่ง)
2) ส่งตัวไปที่รพ.มเหสักซ์ ซึ่งเป็น รพ ที่ระบุไว้ในการใช้สิทธิ์ประกันสังคม แต่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กม.
ทางครอบครัวของเพื่อนปรึกษากันแล้ว เห็นว่าอาการของคุณพ่อควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน การส่งไปรักษาที่ รพ.มเหสักข์ ที่อยู่ค่อนข้างไกลและต้องมาเผชิญกับปัญหาการจราจรในช่วงเย็นวันศุกร์เป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป จึงเห็นพร้องให้เจ้าหน้าที่ส่งตัวคุณพ่อไปรักษาต่อที่ รพ.ในเครือ (รพ. สาขา 3) เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่รพ.สาขา 3 ให้ครอบครัวเพื่อนเซ็นเอกสารยินยอมรับการรักษา และเนื่องจากคุณพ่อของเพื่อนมีประกันสังคมกับ รพ. มเหสักข์ ทางรพ. สาขา3 จึงให้เซ็นเอกสารอีกฉบับ คือ หนังสือยืนยันที่จะไม่รับการรักษาที่ รพ.มเหสักข์ พี่สาวเพื่อนอยากให้คุณพ่อได้รับการรักษาโดยเร็ว จึงตัดสินใจเซ็นเอกสารทั้งหมดเพื่อให้ทาง รพ. รีบดำเนินการรักษาต่อไป ระหว่างเดินเรื่องเอกสารทางรพ. ได้ทำการสแกนสมอง ผลคือ เส้นเลือดในสมองแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาเลือดที่คั่งอยู่ในสมองออก
หลังจากเดินเรื่องเอกสารทั้งหมดซึ่งใช้เวลาถึง 4-5 ชม จึงได้รับการผ่าตัด การผ่าตัดเรียบร้อยในช่วง 3.00 น. ของวันที่ 14 กย. คุณหมอให้คุณพ่อของเพื่อนพักในห้อง ICU ต่อเพื่อดูอาการอีก 48 ชม. และทางรพ. แจ้งค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 2แสนบาท เพื่อนจึงแจ้งขอใช้สิทธิ์ประกันสังคมแบบรักษาต่างสถานพยาบาลเนื่องจากเป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ทางรพ.ไม่ยินยอมให้ใช้สิทธิ์ประกันสังคมโดยให้เหตุผลที่ไม่สามารถทำได้คือ เนื่องจากรพ. แห่งนี้เป็นรพ.แห่งที่สอง ที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา(ทางรพ. แจ้งว่าจะใช้สิทธิ์ได้ต้องเป็นรพ.แรกที่นำตัวส่งผู้ป่วย การย้ายเคสส่งต่อมารพ.ที่สอง จะไม่สามารถใช้สิทธิ์แบบฉุกเฉินได้) และทางญาติได้เซ็นรับรองการไม่ส่งตัวต่อไปรพ.มเหสักข์แล้วในคืนวันที่13กันยา (หนังสือแสดงสิทธิ์ไม่ยอมรับการรักษาของผู้ป่วย ที่ส่งมาให้ญาติเซ็นจาก รพ.มเหสักข์)
เพื่อนปรึกษาผ่านสายด่วน สปส. 1506 แล้ว ทางสายด่วนแจ้งว่าสามารถทำได้ เพียงแค่ รพ. ประสานเรื่องมา เพื่อนจึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่รพ.ตามที่ทางสายด่วนแนะนำ เจ้าหน้าที่ของรพ.ได้ให้เพื่อนติดต่อกับประกันสังคม ให้ทางประกันสังคมทำเรื่องเข้ามารับเคสที่รพ.เอง ขณะเดียวกันเพื่อนก็ได้ติดต่อไปรพ.มเหสักข์ด้วยเพื่อเตรียมรับเคสที่ต้องไปรักษาตัวต่อ เนื่องจากเคสรักษาฉุกเฉินต่างรพ.ที่ไม่ได้เลือกไว้ ประกันสังคมจ่ายให้แค่ไม่เกิน 72 ชม. ที่ไปรักษา
ขณะนี้รพ.สาขาที่3 (ซึ่งเป็นรพ.ที่ทำการผ่าตัดสมอง) นั้นไม่ทำการรักษาต่อ ทั้งที่มีนัดสแกนสมองอีกครั้ง ทางรพ.ให้ญาติทำเรื่องย้ายไปรักษาต่อรพ.มเหสักข์เอง หรือชำระเงินค่ารักษาที่ผ่านมาก่อน สำหรับเรื่องการย้าย เพื่อนต้องการย้ายแต่ขอแค่ให้หมอมาตรวจเพื่อยืนยันความพร้อมในการเดินทางว่าไม่มีความเสี่ยง แต่เมื่อขอคุยกับคุณหมอ พยาบาลได้แต่แจ้งว่าจะคุยให้เพราะเสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุดหมอ เรื่องการรักษาจึงยังคาราคาซังอยู่ค่ะ
เคสทั้งหมดที่เกิดขึ้นต้องการปรึกษาค่ะว่าต้องทำเรื่องยังไงในการทำจ่ายด้วยสิทธิ์ประกันสังคม และทำยังไงให้ได้รับการรักษาต่อที่รพ.สาขา3 นี้ ด้วยสิทธิ์ประกันสังคมฉุกเฉินที่ไม่เกิน 72 ชม. ค่ะ
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าค่ะ
- SOS - ขอความช่วยเหลือ: ประกันสังคมเคสเข้ารพ.ฉุกเฉิน
เคสนี้เกิดขึ้นกับคุณพ่อของเพื่อนสนิทค่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันศุกร์ที่ 13 กย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจทางหลวงโทรมาแจ้งว่าพบคุณพ่อหมดสติและมีอาการเกร็งอยู่ในรถซึ่งจอดไว้ข้างทาง จึงนำตัวส่งสถานพยาบาลใกล้เคียง เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลได้ทำการช่วยชีวิตเบื้องต้นโดยการให้ออกซิเจน ลดความดัน แต่คนไข้ยังหมดสติ จึงสันนิษฐานว่าจะมีปัญหาที่กล้ามเนื้อหัวใจ หรือเส้นเลือดในสมองแตก แต่สถานพยาบาลแห่งนี้อุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่พร้อม เจ้าหน้าที่จึงเสนอทางเลือกในการรักษา ดังนี้
1) ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ในเครือ ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 5 กม. (สถานพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านบางพลีที่มีกลุ่มสถานพยาบาลรวม 10 สาขา เป็นโรงพยาบาล 3 สาขาคือสาขา 3, 9, 11 ที่แรกที่คุณพ่อของเพื่อนถูกส่งไปรับการรักษาคือสาขาหนึ่ง)
2) ส่งตัวไปที่รพ.มเหสักซ์ ซึ่งเป็น รพ ที่ระบุไว้ในการใช้สิทธิ์ประกันสังคม แต่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 กม.
ทางครอบครัวของเพื่อนปรึกษากันแล้ว เห็นว่าอาการของคุณพ่อควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน การส่งไปรักษาที่ รพ.มเหสักข์ ที่อยู่ค่อนข้างไกลและต้องมาเผชิญกับปัญหาการจราจรในช่วงเย็นวันศุกร์เป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป จึงเห็นพร้องให้เจ้าหน้าที่ส่งตัวคุณพ่อไปรักษาต่อที่ รพ.ในเครือ (รพ. สาขา 3) เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่รพ.สาขา 3 ให้ครอบครัวเพื่อนเซ็นเอกสารยินยอมรับการรักษา และเนื่องจากคุณพ่อของเพื่อนมีประกันสังคมกับ รพ. มเหสักข์ ทางรพ. สาขา3 จึงให้เซ็นเอกสารอีกฉบับ คือ หนังสือยืนยันที่จะไม่รับการรักษาที่ รพ.มเหสักข์ พี่สาวเพื่อนอยากให้คุณพ่อได้รับการรักษาโดยเร็ว จึงตัดสินใจเซ็นเอกสารทั้งหมดเพื่อให้ทาง รพ. รีบดำเนินการรักษาต่อไป ระหว่างเดินเรื่องเอกสารทางรพ. ได้ทำการสแกนสมอง ผลคือ เส้นเลือดในสมองแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาเลือดที่คั่งอยู่ในสมองออก
หลังจากเดินเรื่องเอกสารทั้งหมดซึ่งใช้เวลาถึง 4-5 ชม จึงได้รับการผ่าตัด การผ่าตัดเรียบร้อยในช่วง 3.00 น. ของวันที่ 14 กย. คุณหมอให้คุณพ่อของเพื่อนพักในห้อง ICU ต่อเพื่อดูอาการอีก 48 ชม. และทางรพ. แจ้งค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 2แสนบาท เพื่อนจึงแจ้งขอใช้สิทธิ์ประกันสังคมแบบรักษาต่างสถานพยาบาลเนื่องจากเป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ทางรพ.ไม่ยินยอมให้ใช้สิทธิ์ประกันสังคมโดยให้เหตุผลที่ไม่สามารถทำได้คือ เนื่องจากรพ. แห่งนี้เป็นรพ.แห่งที่สอง ที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา(ทางรพ. แจ้งว่าจะใช้สิทธิ์ได้ต้องเป็นรพ.แรกที่นำตัวส่งผู้ป่วย การย้ายเคสส่งต่อมารพ.ที่สอง จะไม่สามารถใช้สิทธิ์แบบฉุกเฉินได้) และทางญาติได้เซ็นรับรองการไม่ส่งตัวต่อไปรพ.มเหสักข์แล้วในคืนวันที่13กันยา (หนังสือแสดงสิทธิ์ไม่ยอมรับการรักษาของผู้ป่วย ที่ส่งมาให้ญาติเซ็นจาก รพ.มเหสักข์)
เพื่อนปรึกษาผ่านสายด่วน สปส. 1506 แล้ว ทางสายด่วนแจ้งว่าสามารถทำได้ เพียงแค่ รพ. ประสานเรื่องมา เพื่อนจึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่รพ.ตามที่ทางสายด่วนแนะนำ เจ้าหน้าที่ของรพ.ได้ให้เพื่อนติดต่อกับประกันสังคม ให้ทางประกันสังคมทำเรื่องเข้ามารับเคสที่รพ.เอง ขณะเดียวกันเพื่อนก็ได้ติดต่อไปรพ.มเหสักข์ด้วยเพื่อเตรียมรับเคสที่ต้องไปรักษาตัวต่อ เนื่องจากเคสรักษาฉุกเฉินต่างรพ.ที่ไม่ได้เลือกไว้ ประกันสังคมจ่ายให้แค่ไม่เกิน 72 ชม. ที่ไปรักษา
ขณะนี้รพ.สาขาที่3 (ซึ่งเป็นรพ.ที่ทำการผ่าตัดสมอง) นั้นไม่ทำการรักษาต่อ ทั้งที่มีนัดสแกนสมองอีกครั้ง ทางรพ.ให้ญาติทำเรื่องย้ายไปรักษาต่อรพ.มเหสักข์เอง หรือชำระเงินค่ารักษาที่ผ่านมาก่อน สำหรับเรื่องการย้าย เพื่อนต้องการย้ายแต่ขอแค่ให้หมอมาตรวจเพื่อยืนยันความพร้อมในการเดินทางว่าไม่มีความเสี่ยง แต่เมื่อขอคุยกับคุณหมอ พยาบาลได้แต่แจ้งว่าจะคุยให้เพราะเสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุดหมอ เรื่องการรักษาจึงยังคาราคาซังอยู่ค่ะ
เคสทั้งหมดที่เกิดขึ้นต้องการปรึกษาค่ะว่าต้องทำเรื่องยังไงในการทำจ่ายด้วยสิทธิ์ประกันสังคม และทำยังไงให้ได้รับการรักษาต่อที่รพ.สาขา3 นี้ ด้วยสิทธิ์ประกันสังคมฉุกเฉินที่ไม่เกิน 72 ชม. ค่ะ
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าค่ะ