ปั่นจักรยานวันหยุด ไปกราบอริยะสงฆ์เมืองสิงห์ หลวงปู่ บุดดา ถาวโร

ตั้งใจไว้หลายวันแล้วว่าจะหาโอกาสไปกราบท่านสักที  เป็นคนเมืองสิงห์แท้ๆ  แต่ไม่เคยไปกราบหลวงปู่บุดดา เลย   ย้อนไปสัก 20 ปีที่แล้ว  หลายท่านคงจำภาพ พระเกจิ ร่างเล็กสูงราว 150 ซม. ปะแป้งหน้าขาว ใส่หมวกโม่ง ยืนยื้มโชว์เงือกที่ไร้ฟันฟาง  ในสังขารเกือบ 100 ปี  ภาพเป็นข่าวดังในฐานะพระที่ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  เป็นอริยะสงฆ์อย่างแท้จริง ไม่มียศศักดิ์ใดๆ   ไม่มีสมณะศักดิ์แม้คำว่าพระครู  ท่านมีชื่อในทางสงฆ์แค่ พระบุดดา เท่านั้น   ท่านละสังขารไปเมื่อ พศ.2537 หรือ 2538 ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า อายุ 101 ปี พรรษา 73 เท่านั้น

      เริ่มออกจากบ้าน 6.30 น. วันนี้ไม่ร้อน ฝนตกเมื่อคืนมากมาย  ขี่สบายๆ ผ่าน อ.บางระจัน  เลี้ยวขวาไปตลาดชัณสูตร  เลี้ยวซ้ายอีกที  ทีนี้ตรงไปอย่างเดียว  ระหว่างทางสังเกตุเห็นต้นไม้สดชื่นรับฝนที่มามากตอนปลายปี  จนหวั่นๆว่าน้ำจะไม่มีทำนาปรังกัน  พืชพรรณล้วนงดงามผลิดอกออกผลกันเต็มที่ ทั้งฟัก แฟงแตงโม กล้วย อ้อย  โดยเฉพาะฟักทอง  ออกลูกเต็มไปหมด  ยั้วเยี้ยริมถนนหนทาง  นึกถึงตอนเด็กๆ แม่มักบอกว่า ตอนฟักทองติดดอกออกลูกใหม่ๆ  ห้ามเอานิ้วมือไปชี้ มิฉะนั้นฟักทองนั้นจะฝ่อ เน่าเสียไป จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าจดจำและถือปฏิบัติมาถึงวันนี้  ตอนนี้ยังไม่กล้าชี้ลูกฟักทองเลย ปั่นมาเรื่อยๆสังเกตุเห็นตามป้ายบอกเลขที่บ้าน เห็นมีเสื้อยืดสีแดง แขวนอยู่หลายบ้าน  ตอนแรกคิดว่าแขวนกันผีแม่ม่าย  แต่เห็นอยู่ตัวหนี่งมีคำว่า กรูไพร่  อยู่ จึงรู้ว่า ชาวบ้านแถวนี้เขาประกาศตัวเป็นเสื้อแดงกันทั้งตำบล  แม้ตอนนี้สีแดงที่เสื้อจะซีดจางไปแล้ว  แต่สีแดงในจิตใจของพวกเรายังคงสดใสเสมอ

     ปั่นมาเรื่อยๆสบายๆคนเดียว  ประมาณ 8.00น.ก็ถึงวัด  บริเวณวัดเงียบสงบ ขี่วนรอบๆวัดเพื่อหาที่ตั้งสังขารของหลวงปู่  จนเจอ เป็นอาคารชั้นเดียว ไม่ใหญ่นัก  ยืนอ่านพินัยกรรมที่หลวงปู่ยกร่างของท่านให้กับวัดกลางชูศรีเจริญสุข  จริงๆแล้วร่างของท่านถูกเก็บไว้ที่วัดนี้  มิใช่ที่วัดบุดดาที่ตั้งที่ อ.เมืองแต่อย่างใด   หลวงปู่จำพรรษาอยู่ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน เขตติดต่อกับชัยนาทและสุพรรณ   มิได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับวัดบุดดาที่ อ.เมืองแม้แแต่น้อย  ระหว่างยืนอ่านพินัยกรรมอยู่นั้น มีแม่ชีคนหนึ่งมาบอกว่า  เข้าไปกราบหลวงปู่ได้นะ  จึงได้เดินเข้าไปในอาคาร

      ในอาคารมีแผงจำหน่ายวัตถุมงคลของหลวงปู่มากมาย ทั้งพระเครื่อง รูปภาพ ภาพพิมพ์รอยเท้า  มีรูปหลวงปู่ในอริยาบทต่างๆจำนวนมาก  ที่เด่นสะดุดตาก็คือร่างของหลวงปู่  นอนสงบในโลงแก้ว สังขารไม่เน่าเปื่อยมีทองคำเปลวปิดร่าง  ขณะที่มีพระกับแม่ชีและชาวบ้าน กำลังสวดมนต์กันอยู่ รวมทั้งผมแล้วก็ 7 คนพอดี   จึงคลานเข้าไปกราบสังขารท่าน ด้วยความรู้สึกเอมใจ  หายเหนื่อยที่ต้องปั่นมา 30 กม. ขออนุญาตถ่ายรูปท่าน แม่ชีก็อนุญาต  ยกมือไหว้ขออนุญาตท่านด้วย  ร่างเล็กๆในโลงแก้วร่างนี้ คือ 1 ในเกจิของเมืองสิงห์ที่มีอยู่ทั้งหมด 9 เกจิ อาทิหลวงพ่อแพ  หลวงพ่อจวน  หลวงพ่อศรี  เป็นต้น    แต่หลวงปู่น่าจะมีอายุมากที่สุด ผมจำภาพท่านได้ติดตา ท่านเป็นพระใจดี น่ารักมาก ร่างเล็กๆ ยิ้มสดใส สมถะ สะอาดทั้งกายและใจ  เป็นพระที่ผมกราบได้สนิทใจ ไม่ต้องกังวลว่าสักวัน ไอ้ที่กราบไหว้บูชานี่ จะกลายเป็นสมีไป

   ขากลับแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านใกล้ๆ บะหมี่หมู 1 ชาม น้ำฟรีไม่อั้น สปอนเซอร์แก้เหนื่อย 1 ขวด  รวมแล้ว 35 บาทเอง ไม่ได้ขี้นราคาอะไร ลูกชิ้น 2 ลูก หมูสับ หมูชิ้นเพียบ  ชามเดียวอยู่  นั่งอ่าน นสพ.เพื่อให้อาหารย่อย  ประมาณ 9โมง ก็ออกเดินทางต่อ ปั่นมา อ.บางระจันเลาะเลียบแม่น้ำน้อย  ผ่านวัด ผ่าน รร.หลายที่  ผ่านร้านค้าที่ทุกวันนี้ มีผู้คนมากมาย รุมกันจับฉลาก ที่มีเหล้าราคาแพง  เรื่องดื่มชูกำลัง เบียร์ เป็นของล่อ   นี่มันการพนันชัดๆ มีเกลื่อนบ้าน เกลื่อนเมือง  เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ต่างมุงกันจับฉลากเหล่านี้ มันมอมเมาไหม  มันหลอกลวงไหม มันผิดกฏหมายไหม  ฝากถามตำรวจดู  ตอนหลังพัฒนาขึ้น มีหุ่นยนต์ของเล่นมาล่อเด็ก มีที่นอนปิกนิกมาล่อแม่บ้าน ผมเห็นมากับตาวันนี้เอง ฝากท่าน มท.1 ช่วยปรามๆหน่อยเถิดครับ  ขี่มาเรื่อยๆหยุดพักครั้งเดียวประมาณ 1 ชม. เพราะเพื่อนโทรมาคุยกันนานหน่อย  กลับถึงบ้าน 11 โมงกว่า  รวมระยะทาง 60 กม. เผาไป 700 แคลอรี่ AV 18 ขี่แบบสบายๆชิวๆเก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆ  อิ่มเอมใจมากครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่