รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน “โลกวันนี้วันสุข”
ฉบับวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556
ในระยะสองปีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สถานะของฝ่ายประชาธิปไตยยังคงเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายจารีตนิยมดูเหมือนจะอ่อนแรงลงทั้งในแง่กำลังและเอกภาพ การรุกของพวกเขาที่กระทำต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ประสบความล้มเหลว ท่าทีของฝ่ายกองทัพที่อ่อนตัวลงอย่างชัดเจน จนทำให้เกิดความรู้สึกในฝ่ายประชาธิปไตยบางส่วนว่า “ได้ชัยชนะแล้ว”
ความพยายามที่จะระดมพลังมวลชนเสื้อเหลืองให้ออกมาชุมนุมก่อจลาจลบนท้องถนนกรุงเทพฯ เพื่อสร้างเงื่อนไขสถานการณ์ให้ตุลาการและกองทัพเข้าแทรกแซง ได้ประสบความล้มเหลวถึงสองครั้ง
การเคลื่อนไหวชุมนุมเพื่อ “แช่แข็งประเทศไทย” เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 เป็นความพยายามระดมกำลังครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองเมื่อปี 2551 โดยครั้งนี้ มีการเตรียมพร้อมทั้งเงินทุนและกำลังคนมากที่สุด แต่ก็ประสบความพ่ายแพ้ไปในเวลาเพียงวันเดียว
การเคลื่อนไหวมวลชนระลอกหลังสุดเมื่อกรกฎาคม-สิงหาคม 2556 ยิ่งแสดงให้เห็นถึงการเสลื่อมสลายของพลังมวลชนเสื้อเหลืองอย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวมีลักษณะเกี่ยงแย่ง กระจัดกระจาย และขัดแย้งกันจนต้องสลายไปเองในที่สุด เหลืออยู่แต่พวกกากเดนการเมือง เช่น กลุ่มสันติอโศก และกลุ่มมวลชนอดีตพันธมิตรเสื้อเหลือจำพวกเหลือขอเท่านั้น ขณะที่ผู้คนจำนวนมากท้อแท้สิ้นหวังและได้ถอยออกมา คนกลุ่มหลังนี้แม้จะไม่หันมาอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่ก็ไม่สนับสนุนพวกเผด็จการอย่างเอาการเอางานเหมือนในอดีต
ความอับจนของฝ่ายเผด็จการยังเห็นได้จากการดิ้นรนกระ

กระสนอย่างหนักของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อความวุ่นวายในรัฐสภา ขัดขวางการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติทุกขั้นตอน สร้างบรรยากาศที่ไร้ระเบียบ ล้มเหลวและเสื่อมทรุดของรัฐสภา ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถแอบอยู่ข้างหลังคอยสนับสนุนการเคลื่อนไหวมวลชนนอกสภาอย่างที่เคยทำมาตลอดได้อีกต่อไป จำต้องออกมาเคลื่อนไหวมวลชนด้วยตัวเองอย่างเปิดเผย เริ่มด้วยการระดมพลังมวลชนของตนในกรุงเทพฯ ให้ออกมาสู่ถนน เลียนแบบพวกพันธมิตรเสื้อเหลืองเมื่อปี 2551 แต่ก็ประสบความล้มเหลว ไม่สามารถแปรฐานคะแนนเสียงเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นพลังมวลชนสู้รบบนท้องถนนได้
การเคลื่อนไหวนอกสภาของพรรคประชาธิปัตย์จึงหันไปยังฐานกำลังที่แท้จริงของตนเองคือ ในภาคใต้ โดยอาศัยเครือข่ายอิทธิพลและกลุ่มติดอาวุธในท้องถิ่นของตน ระดมมวลชนออกมาก่อจลาจลบนถนนหลวงในภาคใต้ อ้างปัญหาราคาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์ม เป็นเครื่องบังหน้า แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือ การติดอาวุธให้กับมวลชนของตน ให้เกิดการปะทะกันระหว่างมวลชนกับตำรวจ สร้างเป็นสถานการณ์ความรุนแรงนองเลือดให้จงได้ ควบคู่กับการสร้างความปั่นป่วนภายในสภา เป้าหมายคือ การสร้างสถานการณ์จลาจลและล้มเหลวของทั้งรัฐสภาและรัฐบาล เพื่อเปิดโอกาสให้ตุลาการและฝ่ายทหารเข้าแทรกแซง ดังเช่นที่ทำกับรัฐบาลพรรคพลังประชาชนเมื่อปี 2551
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ : ประชาชนต้องไม่ประมาทภัยจากเผด็จการ
รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน “โลกวันนี้วันสุข”
ฉบับวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556
ในระยะสองปีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สถานะของฝ่ายประชาธิปไตยยังคงเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายจารีตนิยมดูเหมือนจะอ่อนแรงลงทั้งในแง่กำลังและเอกภาพ การรุกของพวกเขาที่กระทำต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ประสบความล้มเหลว ท่าทีของฝ่ายกองทัพที่อ่อนตัวลงอย่างชัดเจน จนทำให้เกิดความรู้สึกในฝ่ายประชาธิปไตยบางส่วนว่า “ได้ชัยชนะแล้ว”
ความพยายามที่จะระดมพลังมวลชนเสื้อเหลืองให้ออกมาชุมนุมก่อจลาจลบนท้องถนนกรุงเทพฯ เพื่อสร้างเงื่อนไขสถานการณ์ให้ตุลาการและกองทัพเข้าแทรกแซง ได้ประสบความล้มเหลวถึงสองครั้ง
การเคลื่อนไหวชุมนุมเพื่อ “แช่แข็งประเทศไทย” เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 เป็นความพยายามระดมกำลังครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองเมื่อปี 2551 โดยครั้งนี้ มีการเตรียมพร้อมทั้งเงินทุนและกำลังคนมากที่สุด แต่ก็ประสบความพ่ายแพ้ไปในเวลาเพียงวันเดียว
การเคลื่อนไหวมวลชนระลอกหลังสุดเมื่อกรกฎาคม-สิงหาคม 2556 ยิ่งแสดงให้เห็นถึงการเสลื่อมสลายของพลังมวลชนเสื้อเหลืองอย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวมีลักษณะเกี่ยงแย่ง กระจัดกระจาย และขัดแย้งกันจนต้องสลายไปเองในที่สุด เหลืออยู่แต่พวกกากเดนการเมือง เช่น กลุ่มสันติอโศก และกลุ่มมวลชนอดีตพันธมิตรเสื้อเหลือจำพวกเหลือขอเท่านั้น ขณะที่ผู้คนจำนวนมากท้อแท้สิ้นหวังและได้ถอยออกมา คนกลุ่มหลังนี้แม้จะไม่หันมาอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่ก็ไม่สนับสนุนพวกเผด็จการอย่างเอาการเอางานเหมือนในอดีต
ความอับจนของฝ่ายเผด็จการยังเห็นได้จากการดิ้นรนกระ
การเคลื่อนไหวนอกสภาของพรรคประชาธิปัตย์จึงหันไปยังฐานกำลังที่แท้จริงของตนเองคือ ในภาคใต้ โดยอาศัยเครือข่ายอิทธิพลและกลุ่มติดอาวุธในท้องถิ่นของตน ระดมมวลชนออกมาก่อจลาจลบนถนนหลวงในภาคใต้ อ้างปัญหาราคาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์ม เป็นเครื่องบังหน้า แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือ การติดอาวุธให้กับมวลชนของตน ให้เกิดการปะทะกันระหว่างมวลชนกับตำรวจ สร้างเป็นสถานการณ์ความรุนแรงนองเลือดให้จงได้ ควบคู่กับการสร้างความปั่นป่วนภายในสภา เป้าหมายคือ การสร้างสถานการณ์จลาจลและล้มเหลวของทั้งรัฐสภาและรัฐบาล เพื่อเปิดโอกาสให้ตุลาการและฝ่ายทหารเข้าแทรกแซง ดังเช่นที่ทำกับรัฐบาลพรรคพลังประชาชนเมื่อปี 2551