เกร็ดสามก๊ก ๑๕ ก.ย.๕๖

กระทู้สนทนา
เกร็ดสามก๊ก

ขุนพลเมืองใต้

ตอนที่ ๑ จอมโจรกลับใจ

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อซุนกวนได้ปกครองเมืองกังตั๋ง ต่อจากซุนเซ็กพี่ชายนั้น ก็มีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่ออาณาประชาราษฎรทั้งปวง ให้อยู่เย็นเป็นสุข และได้ผู้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นที่ปรึกษาเก้าคน และเป็นนายทหารเอกอีกห้าคนคือ ลิบองชาวเมืองยี่เอ๋ง ลกซุนชาวเมืองต๋องง่อ ชีเซ่งชาวเมือง ลงเส พัวเจี้ยงชาวเมืองตองกุ๋น เตงฮองชาวเมืองโลกั๋ง

เมื่อโจโฉรู้ข่าวก็อ้างรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้ซุนกวนส่งบุตรชายไปถวายตัว เพื่อรับราชการในเมืองหลวง วุนกวนจึงปรึกษากับมารดา นางงอฮูหยินก็ให้ตามจิวยี่กับเตียวเจียวมาหารือ เตียวเจียวก็ว่า

“ ซึ่งโจโฉให้มีหนังสือมานี้ ก็ตามประเพณีบ้านเมืองอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ครั้นจะมิส่งบุตรท่านไปทำราชการในเมืองหลวง ก็จะผิดด้วยขนบธรรมเนียม โจโฉก็จะมีใจพยาบาท จะยกทัพมาทำอันตรายแก่เรา ฝ่ายเรากำลังก็น้อยเห็นจะสู้มิได้ “

ฝ่ายจิวยี่แย้งว่า

“ ทุกวันนี้ตัวท่านได้เป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋ง มีเมืองใหญ่ขึ้นถึงหกหัวเมือง ทหารก็พรักพร้อมมีความรักใครท่าน อนึ่งเสบียงอาหารก็มั่งคั่งบริบูรณ์อยู่ แลจะคิดย่อท้อกลัวโจโฉนั้นหาควรไม่ แม้ว่าท่านส่งบุตรไป ก็เหมือนเอาบุตรไปเป็นคนจำนำไว้ เบื้องหน้าไปจะได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก ขอท่านอย่าไปด้งส่งไป ถึงมาตรว่าโจโฉจะยกกองทัพมาตีเมืองเรา ก็จะสู้กันกว่าจะสิ้นความคิด “

ซุนกวนและมารดาได้ฟังดังนั้น ก็เห็นด้วย จึงให้คนถือหนังสือไปแจ้งแก่โจโฉว่าจะไม่ส่งบุตรไป ให้ โจโฉก็โกรธแต่ยังมีศึกติดพันอยู่กับอ้วนเสี้ยว จึงเก็บความแค้นไว้ก่อน

ปีต่อมาซุนกวนก็ยกทัพเรือไปตีเมืองกังแฮ เพื่อแก้แค้นแทนบิดา หองจอเจ้าเมืองซึ่งเป็นคู่แค้นเก่า ของซุนเกี๋ยนและซุนเซ็ก ก็ยกทัพเรือออกมาต่อสู้ แต่ต้านทานไม่ไหวต้องล่าถอยเข้าเมือง เล่งโฉทหารเอกของซุนกวนก็ลงเรือเร็วไล่ตามไปจนถึงปากคลองเมืองกังแฮ ก็เจอกำเหลงทหารเอกของหองจอออกมาปะทะไว้ แล้วยิงเกาทัณฑ์ถูกเล่งโฉตาย แล้วก็พาหองจอหลบเข้าเมืองไป

เล่งทองผู้บุตรอายุสิบห้าปีของเล่งทอง ก็พาศพบิดากลับไปได้ และในขณะนั้นลมทะเลพัดหนัก กองทัพเรือของซุนกวนจะฝ่าไปก็มิได้ จึงต้องถอยกลับเมืองกังตั๋ง และหลังจากนั้นซุนกวนจึงได้ตั้งให้จิวยี่เป็นแม่ทัพเรือของเมืองกังตั๋ง บังคับบัญชาเรือรบทั้งหมดเจ็ดพันลำ

ต่อมาอีกไม่นาน ซุนกวนก็ปรึกษาหารือกับจิวยี่ เตียวเจียว และนายทหารทั้งปวง ว่าจะยกกองทัพไปตีเมืองกังแฮอีก แต่ยังปรึกษาไม่ตกลงกันอยู่นั้น ลิบองซึ่งอยู่รักษาด่านปากน้ำลงจิ๋ว ก็เข้ามาบอกว่า บัดนี้กำเหลงจะขอเข้ามาอ่อนน้อมขอสมัครเป็นทหารอยู่ด้วย

กำเหลงคนนี้เดิมทีเป็นโจรสลัดอยู่ที่ชายทะเลตำบลลิมกั๋ง เที่ยวตีชิงเรือพ่อค้าวานิชในท้องทะเล ระหว่างอ่าวเมืองกังแฮกับเมืองกังตั๋งอยู่เป็นเวลานาน ผู้คนเกรงกลัวมาก ต่อมาได้เลิกทำความชั่ว พาพวกพ้องไปเป็นทหารของเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว แต่ไม่ชอบใจจึงหนีออกมาเป็นทหารของ หองจอเจ้าเมืองกังแฮ และได้ช่วยชีวิตหองจอไว้ในการรบคราวก่อน

แต่หองจอก็ไม่ได้ปูนบำเหน็จรางวัล เพราะเห็นว่าเป็นโจร จึงหนีมาหาลิบองเพื่อขอสมัครเข้าเป็นทหารของเมืองกังตั๋ง และให้ลิบองนำตัวเข้ามา เพราะตนมีความผิดได้ฆ่าเล่งโฉตาย

ซุนกวนก็มิได้ถือโทษครั้งก่อนยินดีรับไว้และว่า

“ ซึ่งท่านสมัครมาอยู่กับเรานี้ ก็สมความปรารถนาที่เราคิดไว้ การสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งผิดพลั้งกันมาแต่ก่อนนั้น เรามิได้พยาบาทท่าน ท่านจงตั้งใจทำราชการโดยสุจริตเถิด เราจะเลี้ยงให้ถึงขนาด ท่านจงเร่งคิดอ่านกำจัดหองจอเสียให้ได้ “

กำเหลงก็คำนับซุนกวนแล้วว่า

“ ครั้งนี้โจโฉตั้งตัวเป็นใหญ่หลวง ฝ่ายเล่าเปียวนั้นเป็นคนโลเลแล้วความคิดก็น้อย บัดนี้ตัวก็แก่ชราแล้ว ท่านจงเร่งยกไปรบเอาเมืองเกงจิ๋วเสียให้ได้ก่อน แม้ละไว้ช้าเห็นโจโฉจะยกกองทัพมาตีเอาเมืองเกงจิ๋วได้ การทั้งปวงซึ่งท่านคิดนั้น ก็จะลำบากแก่ทหาร ถ้าท่านเห็นด้วย เมื่อจะยกไปเมืองเกงจิ๋วนั้น จงตีเมืองกังแฮซึ่งเป็นต้นทางเสียก่อน “

แล้วกำเหลงก็บรรยายต่อไปว่า หองจอเจ้าเมืองกังแฮนั้นสติปัญญาน้อย ทั้งประกอบด้วยความโลภ มักจะทำร้ายแก่ไพร่บ้านพลเมืองให้ได้ความเดือดร้อน จนราษฎรทั้งปวงก็มีใจชังกันทั่วไป ทั้งมีความประมาทมิได้ซ่องสุมทหารจัดแจงเรือรบเรือไล่ และอาวุธไว้ป้องกันรักษาเมือง ถ้าตีได้เมืองกังแฮและเมืองเกงจิ๋วแล้ว ก็จะรวบรวมทหารได้เป็นอันมาก แล้วจึงค่อยยกไปตีเมืองเสฉวน ตั้งตัวคิดการใหญ่หลวงให้ยิ่งไปกว่านี้ ก็เห็นจะสมปรารถนา

ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่า

“ อันความคิดของท่านซึ่งว่ากล่าวทั้งนี้ อุปมาเหมือนเอาทองมารองรับหยก “

แล้วก็จัดแจงทหารสิบหมื่น ให้จิวยี่เป็นแม่ทัพใหญ่ บังคับทั้งทัพบกทัพเรือ ให้ลิบอง กำเหลง ตังสิดเป็นทัพหน้า ซุนกวนนั้นเป็นทัพหลวง ให้ทัพเรือยกไปตีเมืองกังแฮ ให้กองทัพบกรีบยกไปสนับสนุน

ฝ่ายหองจอก็เกณฑ์ทหารจนหมดทั้งเมือง ให้โซหุยเป็นแม่ทัพบก ให้ตันจิ๋วกับเตงเหลงเป็นกองหน้า ยกทัพเรือออกไปตั้งรับอยู่ที่ปากน้ำเมืองกังแฮ แล้วทอดสมอเรือเรียงกันเป็นหน้ากระดาน และเอาพวนใหญ่ผูกโยงต่อกันไปทุกลำ เพื่อไม่ให้หันเหไปมา แล้วให้พลเกาทัณฑ์เตรียมพร้อมไว้ทุกคน

พอกองหน้าของซุนกวนยกมาถึง ก็ถูกระดมยิงด้วยเกาทัณฑ์อย่างหนัก ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ ต้องถอยออกมาทอดสมอตั้งมั่นอยู่ กำเหลงก็จัดเรือเร็วประมาณร้อยลำ บรรจุทหารลำละห้าสิบคน ให้แจวเรือเสียยี่สิบคน อีกสามสิบคนถือเครื่องศัสตราวุธครบครัน แจวพุ่งฝ่าเกาทัณฑ์เข้าไปถึงเรือกองหน้าเมืองกังแฮ แล้วเอาขวานใหญ่ตัดสายสมอและพวนที่ผูกโยงขาด เรือของเมืองกังแฮก็หันเหระส่ำระสายไป

กำเหลงก็นำทหารขึ้นไปบนเรือข้าศึกไล่ฆ่าฟัน ทหารของเตงเหลงจนตัวเตงเหลงถึงแก่ความตาย แล้วก็จุดไฟเผาเรือข้าศึกเสียเป็นอันมาก ตันจิ๋วซึ่งลงเรือน้อยหนีไปจะขึ้นบก ก็ถูกลิบองตามทันจับเอาตัวมาตัดศีรษะเสียด้วย

ฝ่ายโซหุยแม่ทัพบกของเมืองกังแฮ ยกทหารมาช่วยทัพเรือก็ถูกทหารเมืองกังตั๋งเข้าปะทะต้องถอยร่นไปทางบก ก็เจอกับพัวเจี้ยงขี่ม้าเข้ามาสกัด ทั้งสองรบกันได้สิบเพลง พัวเจี้ยงก็จับ โซหุยได้ จึงมัดเอามาส่งให้ซุนกวน

กำเหลงขึ้นบกได้ ก็คุมทหารไปดักอยู่ที่ประตูเมืองกังแฮ ด้านตะวันออก ซึ่งเป็นทางไปเมืองเกงจิ๋ว ก็เจอหองจอพาทหารคนสนิทประมาณสามสิบคนหนีออกจากเมือง พอเจอกำเหลงลูกน้องเก่าก็ไม่ยอมสู้รบด้วย ชักม้าหนีไปอีกทางหนึ่งแต่ผู้เดียว

กำเหลงก็ขับม้าตามไปจนเกือบจะทัน ก็เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกหองจอตกม้าตาย แล้วจึงตัดศีรษะเอามาให้ซุนกวน

ซุนกวนเข้ายึดเมืองกังแฮได้แล้ว ก็สั่งให้ประหารชีวิตโซหุย และจะเอาศีรษะคู่กับหองจอเซ่นศพบิดา กำเหลงก็เข้าไปคำนับและอ้อนวอนซุนกวนว่า เมื่อตนอยู่กับหองจอนั้น เวลาเสียใจที่หองจอไม่ยกย่อง โซหุยก็ได้ว่ากล่าวปลอบใจ และช่วยเหลือให้หลบออกมาเสียจากเมืองกังแฮ จนได้มาอยู่กับซุนกวน จึงขอชีวิตโซหุยผู้มีคุณไว้ทำราชการต่อไป

ซุนกวนก็ว่า

“ ซึ่งโซหุยมีคุณแก่ท่านเราจะยกโทษให้ แต่เกรงอยู่ว่าโซหุยจะไม่สมัครอยู่ด้วยเราจะคิดอ่านหนีไป “

กำเหลงจึงรับรองว่า

“ ท่านไม่ฆ่าชีวิตเสียนั้น คุณหาที่สุดมิได้ โซหุยก็จะมีความยินดีตั้งใจทำราชการอยู่ด้วยท่านโดยสุจริต แม้โซหุยคิดเอาใจออกห่าง หนีท่านไปอยู่แห่งหนตำบลใด ข้าพเจ้าจะขอเอาศีรษะข้าพเจ้านี้ประกันให้ท่านแทน “

ซุนกวนจึงยกโทษโซหุยให้แก่กำเหลง แล้วเอาศีรษะหองจอเซ่นศพซุนเกี๋ยนผู้บิดา แล้วก็ปรึกษากับเตียวเจียวว่า เราจะคิดการต่อไปอย่างไร เตียวเจียวก็ว่าเมืองกังแฮนี้ทางเปลี่ยวกันดารนัก จะแบ่งทหารให้อยู่รักษาแล้วยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วนั้น เห็นทหารจะได้ความลำบาก เพราะเล่าเปียวรู้ตัวแล้วจะเตรียมป้องกันรักษาเมืองไว้มั่นคง ขอให้ยกกองทัพกลับเมืองกังตั๋งก่อน บำรุงทหารให้มีกำลัง แล้วรอให้เล่าเปียวยกกองทัพมาแก้ตัว เราจึงค่อยยกออกมารบนอกเมือง ก็น่าจะเอาชนะจับตัวเล่าเปียวได้ไม่ยาก

ซุนกวนก็เห็นชอบด้วย จึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงขุนนางและทหารทั้งปวงฉลองชัยชนะ แต่ในขณะที่กำลังกินเลี้ยงอยู่นั้น เล่งทองบุตรของเล่งโฉ ที่ถูกกำเหลงฆ่าในการรบคราวก่อน คิดแค้นกำเหลง ก็ร้องไห้แล้วจับกระบี่วิ่งเข้าไปหวังจะทำร้ายกำเหลงให้สมแค้น กำเหลงตกใจยกเก้าอี้ขึ้นรับกระบี่ไว้ ซุนกวนจึงห้ามไว้แล้วว่ากับเล่งทองว่า

“ ซึ่งท่านจะคิดแค้นพยาบาทกำเหลงนั้นหาควรไม่ เมื่อกำเหลงฆ่าบิดาเสียนั้น เพราะกำเหลงเป็นทหารกินข้าวแดงจอหอ จำจะอาสาให้ถึงขนาด บัดนี้กำเหลงก้ได้มาอยู่กับเราแล้ว ท่านจงเห็นแก่เรา อย่าคิดพยาบาทกำเหลงสืบไปเลย “

เล่งทองก็คุกเข่าลงคำนับแล้วร้องไห้ พิศดูกำเหลงแล้วคิดแค้นไม่หาย แต่เกรงอาญาของซุนกวนจึงนิ่งไว้ ซุนกวนรู้ทีจึงตั้งให้เล่งทองเป็นนายทหารตำแหน่งสูงขึ้น และควบคุมทหารห้าพันเรือรบร้อยลำ เป็นกองตระเวนอยู่ปากน้ำเมืองกังแฮ เพื่อให้ห่างกับกำเหลงเสีย

แต่กำเหลงจะรอดจากควาพยาบาทของเล่งทองหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป.

##########


วางเมื่อ ๑๕ ก.ย.๕๖ เวลา ๐๙.๔๙
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่