ผู้หญิงไทยแต่งงานกับชาวต่างชาติกว่า 300,000 คน ! จะมีผลกระทบต่อพันธุกรรมคนไทยในอนาคตไหม?!

การเสวนาเรื่องสมรสกับชาวต่างชาติ ดีจริงหรือ?
25 พฤศจิกายน 2010 เวลา 3:59 น.
รู้หรือไม่ หญิงไทยนิยมแต่งงานกับชาติไหนมากที่สุด
และปัจจัยใดส่งผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของชีวิตสมรสข้ามวัฒนธรรมดังกล่าว    
อยากรู้อ่านต่อ                          

การเสวนา “สมรสกับชาวต่างชาติ ดีจริงหรือ?”


        เมื่อวานนี้ 24 พฤศจิกายน 2553  ผมได้ไปร่วมรับฟังการเสวนาเรื่อง สมรสกับชาวต่างชาติ ดีจริงหรือ? ซึ่งกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจัดขึ้น  เรื่องนี้นับว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งเนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยโดยเฉพาะสตรีแต่งงานกับชาวต่างชาติมากขึ้นโดยลำดับ  ท่านที่เคยไปเที่ยวในจังหวัดทางภาคอิสานบางจังหวัดอาจจะได้พบเห็นเด็กลูกครึ่ง และคู่สมรสไทย-ต่างชาติจำนวนมาก
         ปัจจุบันมีสตรีไทยสมรสกับชาวต่างชาติและอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 300,000 คน โดยชาวยุโรป เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และกลุ่มแสกนดิเนเวีย ยังได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ส่วนชาวอเมริกัน และออสเตรเลีย ก็ได้รับความนิยมจากสตรีไทยไม่แพ้กัน
        จากสถิติที่กรมการกงสุลได้รวบรวมพบว่า ชาวต่างชาติที่สตรีไทยนิยมแต่งงานด้วยมาจาก 10 ประเทศ ได้แก่

เยอรมนี (50000 คน)
ฝรั่งเศส (30000 คน)
สหรัฐฯ (30000 คน)
ออสเตรเลีย (25000 คน)
สหราชอาณาจักร (10000 คน)
สวีเดน (8700 คน)
ไตัหวัน  (8000 คน)
ออสเตรีย (3000 คน)
ฟินแลนด์  (2800 คน)
และเดนมาร์ก (1086 คน)  



นี่เป็นตัวเลขเฉพาะที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศเท่านั้น และในส่วนของสหรัฐฯ นับเฉพาะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย



การเสวนาในครั้งนี้มีวิทยากรที่มีประสบการณ์ยาวนานเรื่องการศึกษาข้อมูลสตรีไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติ รวมถึงสตรีไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวมาร่วมเสวนาด้วย  
         คุณสมคิด หอมเนตร วิทยากรซึ่งศึกษาเรื่องเขยฝรั่งในจังหวัดอุดรธานี ได้ให้ข้อมูลว่าตอนนี้ มีชาวต่างชาติถึง 33 ชาติมาแต่งงานกับสตรีชาวอุดรฯ  จากการศึกษาคู่สมรสกว่า 5700 คู่ พบว่าสตรีไทยกว่าร้อยละ 80 เคยแต่งงานกับชายไทยมาก่อน แต่ล้มเหลวในชีวิตคู่ จึงแต่งงานครั้งที่ 2 กับชาวต่างชาติ ที่สำรวจพบว่าร้อยละ 40 มีชีวิตแต่งงานดี ร้อยละ 40 ปานกลาง และร้อยละ 20 ล้มเหลว
          อาจารย์ดุษฎี อายุวัฒน์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น บอกว่า คนที่ต้องการแต่งงานกับฝรั่ง(ชาวต่างชาติ) มักจะหาอาชีพหรือที่ทำงานที่เปิดโอกาสให้ได้พบกับชาวต่างชาติ  ส่วนใหญ่มักจะเคยแต่งงานมามากกว่า 1 ครั้ง เวลาแต่งงานก็มักคิดว่าจะไปอยู่สบาย สามีเลี้ยงดู ไม่ต้องทำงาน  มักขาดการเตรียมตัวด้านภาษาและวัฒนธรรม และหวังให้สามีเลี้ยงดูครอบครัวตนเองที่ประเทศไทยด้วย ทำนอง Love Me Love My Family
           คุณลัดดาฯ  ซึ่งแต่งงานกับสามีชาวอังกฤษและประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ เล่าว่า รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ต ติดต่อศึกษาดูกันถึง 2 ปีครึ่งจึงแต่งงาน อายุห่างกันไม่มาก มีปัญหาเรื่องภาษาบ้างแต่พยายามเรียนรู้เพิ่มเติม และตนเองมีทักษะทางอาชีพช่างเสริมสวยอยู่แล้ว
            คุณกนกรัตน์ฯ ซึ่งล้มเหลวในชีวิตแต่งงานกับชาวต่างชาติ ได้เตือนให้สตรีไทยศึกษากฎหมายของประเทศที่ไปอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องการสมรส/การหย่า ให้ดีและรู้ถึงสิทธิต่างๆ ต้องวางแผนเพื่อมิให้เสียเปรียบหากเกิดปัญหาขึ้นภายใน  
            คุณประสิทธิพร ผอ.กองคุ้มครองฯ กรมการกงสุล ได้เล่ากรณีตัวอย่างสตรีไทยที่ประสบปัญหา 5 กรณี เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ คือ
-   สตรีไทยแต่งงานกับชาวนิวซีแลนด์ มีลูก 2 คน พากลับมาเที่ยวไทยแล้วหายตัวไปเลย
-   สตรีไทยแต่งงานกับชาวกรีก ไปอยู่เอเธนส์ ร่วมกับครอบครัวพ่อแม่สามี ถูกใช้งาน ไม่ให้ออกจากบ้านกว่า 5 ปี สถานทูตช่วยส่งกลับ
-    สตรีไทยแต่งงานกับชาวญี่ปุ่น 2 ปีแรกทุกอย่างดี ต่อมาสามีไม่ยอมทำงาน บังคับให้ภรรยาให้ไปทำงานกลางคืนจนติดเชื้อ HIV  สถานทูตช่วยส่งกลับไทย
-    สตรีไทยแต่งงานกับชาวสวีเดนเกษียณอายุ ทาอยู่ในไทย ต่อมาสามีป่วยด้วยโรคชราและมะเร็ง ภรรยาไทยดูแลรักษาอย่างดีจนเสียชีวิต เสียค่าใช้จ่ายในการรักษากว่า 1.5 ล้านบาท แต่ติดตามเงินสิทธิประโยชน์มาได้เพียง 2 แสนบาท
-    สตรีไทยกับคนรักชาวปากีสถาน โดนหลอกไปเที่ยวและพักโรงแรมที่ฮ่องกง แล้วหายตัวไป สตรีไทยไม่มีเงินค่าโรงแรม สถานกงสุลใหญ่ช่วยส่งกลับ

ผลจากการเสวนาโดยสรุป พบว่า ปัญหาหลักๆ ที่สตรีไทยประสบในการแต่งงานกับชาวต่างชาติ คือ
-          ภาษา
-          ไม่รู้จักกันดีก่อนแต่งงาน
-          ช่องว่างระหว่างวัย
-          ความคาดหวังที่สวนทางกัน (สตรีไทย สบาย / คู่สมรสต่างชาติ ไปช่วยกันทำงาน ดูแล)
-           การถูกหลอกให้ลงนามในเอกสารที่ทำให้เสียสิทธิ
-          การหย่าร้าง มีขั้นตอนทางกฎหมายที่ยุ่งยาก
-          การสมรสอำพราง กรณีไต้หวัน
-          ลูกติด
-          การส่งเงินให้ครอบครัว

ส่วนปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ทำให้สตรีไทยหลายรายประสบความสำเร็จในชีวิตคู่กับชาวต่างชาติ
   -  การแต่งงานเป็นไปโดยพื้นฐานของความรักความเข้าใจ
   -  มิได้คาดหวังจะให้สามีมาอุปการะเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวในไทย
   -   มีการศึกษาคู่รักอย่างถี่ถ้วน ก่อนการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ ใช้เวลาในการศึกษาซึ่งกันและกัน ศึกษานิสัยใจคอ อาชีพการงาน ดูช่องว่างระหว่างวัยประกอบ
   -  ไม่มีปัญหาด้านภาษา
   -  ไม่มีช่องว่างระหว่างวัย
   -  ช่วยกันทำมาหากิน ไม่ได้รอให้สามีมาให้เงินเลี้ยงดู
   -  มีความตั้งใจและพยายามที่จะศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของสามี
   -  หากมีความไม่เข้าใจระหว่างกัน เมื่อแต่งงานไปแล้ว ก็หมั่นพูดคุยกัน
ปัจจัยที่ทำให้ชีวิตคู่สตรีไทยกับชาวต่างชาติล้มเหลว
   -  มุ่งหวังหาสามีเพื่อยกระดับชีวิตตนเอง มีความคาดหวังสูงว่าการมีสามีต่างชาติ จะทำให้ตนเองและครอบครัวมีเงินทอง และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กล่าวคือคิดว่า สามีต่างชาติจะเนรมิตทุกสิ่งให้ตามฝันโดยไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะช่วยทำงาน แต่ทางชาวต่างชาติเองก็มีความคาดหวังจะให้สตรีไทย ไปช่วยกันทำงาน หรือดูแลกัน และไม่ได้คิดที่จะมาเลี้ยงครอบครัวของภรรยาไทยทั้งครอบครัว
   - ไม่ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับสามีเลย บางรายไม่ทราบเลยว่าสามีของตนมีนิสัยใจคออย่างไร  มีอาชีพอะไร อาศัยอยู่ที่ไหน ก่อนแต่งงาน
   - แต่งงานไปโดยไม่ได้เตรียมใจว่าต้องไปเจออะไรบ้าง – วัฒนธรรม ภาษาที่แตกต่าง ไม่มีการเตรียมการด้านข้อมูล ไม่ทราบสิทธิที่ตนเองพึงได้รับในฐานะคู่สมรส

ข้อเสนอแนะจากวิทยากรและกองคุ้มครองฯ ในการจะเลือกสมรสกับชาวต่างชาติ
1. อย่าคาดหวังสูง การจะได้เป็นเจ้าหญิงในนิยายนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน
2. เตรียมพร้อมก่อนการสมรสและย้ายถิ่น ศึกษาข้อมูลให้พร้อม เตรียมใจว่าต้องไปพบเจอกับสิ่งที่แตกต่างไปจากที่ตนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ภาษา อาหาร ภูมิอากาศ หรือผู้คน
3. หากเป็นไปได้ ควรหาอาชีพไว้ เพื่อไม่เป็นภาระของสามีมาก และจะได้มีเงินเป็นของตนเอง อาจจะเป็น ช่างเสริมสวย การนวดแผนโบราณ การทำอาหาร ฯลฯ
4. ต้องทราบว่าชาวต่างชาติไม่ได้คาดไว้ว่าจะต้องอุปการะเลี้ยงดูครอบครัวทั้งครอบครัวของเรา ฉะนั้นต้องตริตรองในเรื่องนี้ด้วย  การแต่งงานไม่ใช่การทำการกุศล
5. ตรวจสอบสักนิดว่า ผู้ที่ตนจะสมรสด้วย เป็นใคร มาจากไหน นิสัยใจคอเป็นอย่างไร ต้องรู้เขารู้เรา
6. และต้องไม่ลืมข้อมูลของแหล่งช่วยเหลือที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกรมการกงสุล สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทย ณ ประเทศที่จะไปอาศัยอยู่ รวมถึงหน่วยงานช่วยเหลือสตรีในต่างประเทศ  นอกจากนี้ ครอบครัวในประเทศไทยควรมีหมายเลขติดต่อแหล่งช่วยเหลือด้วย

                                                -------------------------

ขอบคุณที่มา https://www.facebook.com/note.php?note_id=109908755746000
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่