เล่าก่อนเลยว่าเรามีปัญหาเรื่องการเงินอยู่ก็เลยคิดว่าจะไปหางาน part-time
ไปเจอว่ามีที่หนึ่งเขารับสมัครก็เลยไปห้างใหม่แห่งหนึ่งในเมืองอุบล
แต่ก็ชวดงานเพราะเขาว่ารับคนไปแล้ว
ก็เลยว่าไหนๆ ก็มาแล้วขึ้นไปซื้อของที่ boots หรือ watsons ดีกว่า
เดินผ่าน boots ไปเห็นโปรโมชั่นหนึ่งๆ แถมหนึ่งเยอะแยะเลย
แต่ก็เดินผ่านไป กะจะไปซื้อ mask ที่ watsons
ไม่รู้คิดยังไงเดินย้อนกลับมา อยากไปดูของที่ boots
ระหว่างทางผ่าน clinic ความงามใหม่แห่งหนึ่ง
พนักงานเดินมาบอกเราว่า
พี่คะ ช่วยเข้าไปลงชื่อให้หนูหน่อยเถอะคะ หนูได้แค่คนละ 5 บาทเอง
เราก็เห็นว่าไม่ได้รีบอะไร เข้าไป กะว่าต้องคุยเรื่องโปรโมชั่นชัวร์
แล้วก็จริง...
เราก็กะจะพูดสักพักพอไม่ให้น่าเกลียดแล้วขอลา
ไปเจออีเจ๊.. เอ้ย.. คุณพี่ท่านหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้
เหมือนจะรู้ว่าเราจะชิ่ง
พยายามยัดคอร์สให้เราให้ได้
ทั้งๆ ที่เราบอกว่าเรากำลังมีปัญหาเรื่องการเงิน
ก็ยังจะยัดเยียดเอาเอกสารให้เราเซ็น
ขนาดว่าถ้าจับมือเราเซ็นแล้วรูดบัตรเราเองได้คงทำไปแล้ว
ถ้าจะว่าไป ไม่ใช่เงื่อนไขของเขาไม่น่าสนใจ
เขาก็ลดราคาให้เยอะ เล่าให้ฟังหน่อยล่ะกัน เผื่อเขาสนใจ
เพราะเราบอกว่าเราไม่มีเงินเดี๋ยวจะโฆษณาให้ล่ะกัน
เขาบอกว่าจะให้เราเปิดคอร์สรักษาสิว พร้อมเลเซอร์
ราคารักษาสิว 2900+ ต่อ 1 ครั้ง คอร์สหนึ่งก็29000+
เลเซอร์ก็ประมาณ 2หมื่นกว่า คือรวมๆ 5หมื่น
จะลดให้เหลือ 9900
คือเราไม่สนใจจะเสียตังอยู่แล้ว (ช้านจะมาหางานทำยะ)
ก็ยืนยันว่าเรามีปัญหาการเงิน เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่
ก็จะยังจะมายัดเยียดเราอยู่ได้
ให้เรามัดจำเพื่อจองโปรโมชั่นไว้ก่อน
อ่าว ก็เราไม่ได้สนใจแต่แรกอยู่ดีๆ จะมาจ่ายตังทิ้งเฉยๆ ทำไม
เขาก็ว่าเงินแค่นี้ อย่าไปเสียดายเราขึ้นเวรแป่บเดียวก็ได้ (ทำมาเป็นรู้ดีอีก)
เราก็เลยบอกว่าเงินเดือนเราลดลงกว่าแต่ก่อน
เราถึงมีปัญหาการเงิน
ตื้อกันอยู่นาน จนเหลือเราเป็นลูกค้าอยู่คนเดียว
พนักงานคนอีกๆ ก็มากดดันเราใหญ่
ถ้าเป็นก่อนนี้ เราคงจะยอมตัดรำคาญรูดบัตรไป
แต่มาถึงตอนนี้ รู้สึกว่ามันเป็นบททดสอบจิตใจอันแรก(อยากจะกรีดร้อง)
ที่เราไม่ได้ใช้จ่ายอะไร ด้วยความไม่เต็มใจ แค่เพราะเกรงใจที่ทำเขาเสียเวลา
มาถึงตอนนี้ ต้องคิดใหม่ เพราะเงินของเรามาจากงานที่เราทำ
จะเอาไปใช้จับจ่ายง่ายๆ เพราะเกรงใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ตอนที่เดินออกมา ก้าวแรกๆ รู้สึกอายๆ นิดนึง
แต่ต่อมาก็รู้สึกว่า... เฮ้ย... เราเริ่มต้นได้แล้วนี่
ต่อไปเราต้องจัดการกับนิสัยการใช้เงินแย่ๆ ของเราได้แน่ๆ เลย
^_^
ก็เลยกะว่าจะมาขอกำลังใจ นิดๆหน่อยๆ
แล้วก็เอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง
เผื่อเจอแบบเราแล้วไม่อยากทำ จะได้เตรียมตัวว่าจะยืนยันยังไง
หรือใครอ่านแล้วสนใจอยากไปทำ ก็ว่ากันไป
เทคนิคเรียกลูกค้าแบบใหม่...เกือบจะสู้แรงกดดันไม่ไหว T^T
ไปเจอว่ามีที่หนึ่งเขารับสมัครก็เลยไปห้างใหม่แห่งหนึ่งในเมืองอุบล
แต่ก็ชวดงานเพราะเขาว่ารับคนไปแล้ว
ก็เลยว่าไหนๆ ก็มาแล้วขึ้นไปซื้อของที่ boots หรือ watsons ดีกว่า
เดินผ่าน boots ไปเห็นโปรโมชั่นหนึ่งๆ แถมหนึ่งเยอะแยะเลย
แต่ก็เดินผ่านไป กะจะไปซื้อ mask ที่ watsons
ไม่รู้คิดยังไงเดินย้อนกลับมา อยากไปดูของที่ boots
ระหว่างทางผ่าน clinic ความงามใหม่แห่งหนึ่ง
พนักงานเดินมาบอกเราว่า
พี่คะ ช่วยเข้าไปลงชื่อให้หนูหน่อยเถอะคะ หนูได้แค่คนละ 5 บาทเอง
เราก็เห็นว่าไม่ได้รีบอะไร เข้าไป กะว่าต้องคุยเรื่องโปรโมชั่นชัวร์
แล้วก็จริง...
เราก็กะจะพูดสักพักพอไม่ให้น่าเกลียดแล้วขอลา
ไปเจออีเจ๊.. เอ้ย.. คุณพี่ท่านหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้
เหมือนจะรู้ว่าเราจะชิ่ง
พยายามยัดคอร์สให้เราให้ได้
ทั้งๆ ที่เราบอกว่าเรากำลังมีปัญหาเรื่องการเงิน
ก็ยังจะยัดเยียดเอาเอกสารให้เราเซ็น
ขนาดว่าถ้าจับมือเราเซ็นแล้วรูดบัตรเราเองได้คงทำไปแล้ว
ถ้าจะว่าไป ไม่ใช่เงื่อนไขของเขาไม่น่าสนใจ
เขาก็ลดราคาให้เยอะ เล่าให้ฟังหน่อยล่ะกัน เผื่อเขาสนใจ
เพราะเราบอกว่าเราไม่มีเงินเดี๋ยวจะโฆษณาให้ล่ะกัน
เขาบอกว่าจะให้เราเปิดคอร์สรักษาสิว พร้อมเลเซอร์
ราคารักษาสิว 2900+ ต่อ 1 ครั้ง คอร์สหนึ่งก็29000+
เลเซอร์ก็ประมาณ 2หมื่นกว่า คือรวมๆ 5หมื่น
จะลดให้เหลือ 9900
คือเราไม่สนใจจะเสียตังอยู่แล้ว (ช้านจะมาหางานทำยะ)
ก็ยืนยันว่าเรามีปัญหาการเงิน เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่
ก็จะยังจะมายัดเยียดเราอยู่ได้
ให้เรามัดจำเพื่อจองโปรโมชั่นไว้ก่อน
อ่าว ก็เราไม่ได้สนใจแต่แรกอยู่ดีๆ จะมาจ่ายตังทิ้งเฉยๆ ทำไม
เขาก็ว่าเงินแค่นี้ อย่าไปเสียดายเราขึ้นเวรแป่บเดียวก็ได้ (ทำมาเป็นรู้ดีอีก)
เราก็เลยบอกว่าเงินเดือนเราลดลงกว่าแต่ก่อน
เราถึงมีปัญหาการเงิน
ตื้อกันอยู่นาน จนเหลือเราเป็นลูกค้าอยู่คนเดียว
พนักงานคนอีกๆ ก็มากดดันเราใหญ่
ถ้าเป็นก่อนนี้ เราคงจะยอมตัดรำคาญรูดบัตรไป
แต่มาถึงตอนนี้ รู้สึกว่ามันเป็นบททดสอบจิตใจอันแรก(อยากจะกรีดร้อง)
ที่เราไม่ได้ใช้จ่ายอะไร ด้วยความไม่เต็มใจ แค่เพราะเกรงใจที่ทำเขาเสียเวลา
มาถึงตอนนี้ ต้องคิดใหม่ เพราะเงินของเรามาจากงานที่เราทำ
จะเอาไปใช้จับจ่ายง่ายๆ เพราะเกรงใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ตอนที่เดินออกมา ก้าวแรกๆ รู้สึกอายๆ นิดนึง
แต่ต่อมาก็รู้สึกว่า... เฮ้ย... เราเริ่มต้นได้แล้วนี่
ต่อไปเราต้องจัดการกับนิสัยการใช้เงินแย่ๆ ของเราได้แน่ๆ เลย
^_^
ก็เลยกะว่าจะมาขอกำลังใจ นิดๆหน่อยๆ
แล้วก็เอามาเล่าให้เพื่อนๆฟัง
เผื่อเจอแบบเราแล้วไม่อยากทำ จะได้เตรียมตัวว่าจะยืนยันยังไง
หรือใครอ่านแล้วสนใจอยากไปทำ ก็ว่ากันไป