คำสารภาพผิดถึงผู้ถือหุ้นจาก Warren Buffet



เผอิญอ่านเจอ ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นประจำปี 2008 ของ Berkshire Hathaway ซึ่ง Warren Buffett จะส่งเป็นข้อมูลให้ผู้ถือหุ้นเป็นประจำทุกๆ ปีครับ เห็นว่าน่าสนใจเลยลองเอามาให้อ่านกันดู  เผื่อใครเองที่เคยสงสัย ในฝีมือการเลือกหุ้น ของตัวเอง หรือพฤติกรรมเม่าๆ อย่างซื้อที่ Hi ขายที่ Low แม้แต่ระดับโลกอย่าง Buffett เอง ก็ยังมีเรื่องผิดพลาดให้เราเห็นเหมือนกัน

Original: http://www.berkshirehathaway.com/letters/2008ltr.pdf



"ในตอนต้นของรายงานประจำปีฉบับนี้ของ Berkshire Hathaway  ผมได้กล่าวไปแล้วว่า เมื่อปีที่แล้ว (ปี 2008) ผมเองได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในเรื่องคอมมิชชั่น (อาจจะมีมากกว่านี้ แต่เรื่องนี้หนักที่สุด) ผมทำเรื่องนี้ไปโดยที่ชาลี มังเจอร์ หรือคนอื่นๆในบริษัทไม่ได้สนับสนุนซักเท่าไหร่  กล่าวคือ ผมได้ซื้อหุ้นบริษัท Conoco Philips (บริษัทน้ำมันระดับโลก)  ในจังหวะที่ราคาน้ำมันและแก๊สใกล้จุดสูงสุด ผมไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าราคาพลังงานมันจะร่วงลงมาได้อย่างรุนแรงขนาดนี้ ในช่วงครี่งหลังของปี 2008 แต่ผมยังคงเชื่อที่ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปสูงขึ้นได้มากกว่าในปัจจุบันที่ 40-50 ดอลล่าห์ต่อบาเรล แต่กระนั้น ผมเองก็ผิดอย่างร้ายแรง แม้ว่าราคามันอาจจะขึ้นได้ในอนาคต จังหวะเข้าซื้อที่ผิดพลาดของผม ได้ทำให้ Berkshire เสียหายไปหลายพันล้านดอลล่าห์"



"นอกจากนั้น ผมเองยังได้ทำเรื่องผิดพลาดมากมายที่หลายคนก็คงรู้  เพียงแต่ว่ามันเล็กกว่าเรื่องนี้เท่านั้นเอง ในปี 2008 ผมใช้เงิน 244 ล้านดอลล่าห์ เพื่อซื้อหุ้นธนาคารในไอร์แลนด์ ที่ผมประเมินแล้วว่าราคาถูก พอสิ้นปี ผมขายหุ้นเหล่านี้ทิ้งให้ตลาดในราคาเพียง 27 ล้านดอลล่าห์ หรือพูดง่ายๆ ว่าขาดทุนกว่า 89% หลังจากนั้น หุ้นทั้งสองตัวได้ราคาดิ่งลงหนักกว่านี้ ความผิดพลาดของผมในครั้งนี้ เค้าคงพูดกันในภาษานักเทนนิสได้ว่า unforced errors"



    "ในปี 2008 ผมได้ทำเรื่องโง่ๆ ในการลงทุนมากมาย ผมได้ทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงที่สุดไปหนึ่งเรื่องและยังมีอีกหลายเรื่องแต่ไม่รุนแรงเท่า ถ้ามีโอกาสไว้ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้กับพวกคุณในโอกาสถัดไป ยิ่งไปกว่านั้น  ผมได้ละเลยบางสิ่ง อย่างไม่น่าให้อภัย จนทำให้ผมเครียดต้องกัดนิ้วโป้งเวลาที่ความจริงในข่าวปรากฏตามมาภายหลัง ทำให้ผมเอง ต้องเริ่มทบทวนกระบวนการคิดและการลงมือใหม่อีกครั้ง"
    
    "ถึงกระนั้น แม้ว่าราคาหุ้นและตราสารที่เราถืออยู่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงตามสภาพตลาด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้รบกวนจิตใจผมและชาลีเลยแม้แต่น้อย  ในความเป็นจริง เราต่างมีความสุขมากที่ได้เห็นราคาลงมาต่ำได้ขนาดนี้ หากเรามีเงินทุนเหลือไว้ใช้ลงทุนเพิ่ม นานมาแล้วอาจารย์ของผม เบน เกรแฮม (ผู้แต่ง The Intelligent Investor) เคยสอนผมว่า "ราคาเป็นสิ่งที่เราจ่าย - แต่มูลค่าที่แท้จริงของมันต่างหากเป็นสิ่งที่เราได้รับ"  ดังนั้น ไม่ว่าเราจะพูดถึง หุ้นหรือถุงเท้า ผมชอบที่จะซื้อสินค้าที่คุณภาพดี ในเวลาที่มันลดราคาเสมอ"



เห็นได้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น Warren Buffett ก็ยังคงยึดมั่นใน concept เหมือนเดิม จนกระทั่ง ในปี 2010-2013  กองทุน Berkshire Hathaway ได้แสดงผลลัพท์ให้เห็นด้วยการฟื้นกลับมามีผลงานที่ดีเยี่ยม และขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ปล. หากแปลได้ไม่ถูกใจ อย่าว่ากันนะครับ พยายามเขียนให้ออกมาเป็นภาษาคนมากที่สุดแล้ว
ปล.2 ตั้งชื่อกระทู้ให้ดูน่าสนใจเฉยๆ ขอความกรุณาอย่าดราม่าใส่ผมนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่