แชร์วิธีจัดการพอร์ตเมื่อตลาดเป็นขาลง



     เมื่อตลาดเป็นขาลง คำถามที่ยากที่สุดคือว่าเมื่อไหร่ตลาดจะปรับฐานเสร็จ และเมื่อไหร่ควรจะเข้าไปทยอยซื้อหุ้น ผมก็ขอตอบตามตรงว่าไม่รู้เหมือนกัน ถ้ารู้ผมก็คงรวยไปแล้ว ผมเองอยู่ในตลาดหุ้นมาร่วมๆ 10 ปี ผ่านช่วงตลาดปรับฐานแรงๆ (ตั้งแต่ 15 %) ขึ้นไปมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ทุกๆครั้งสิ่งที่ผมมักจะทำผิดพลาดเป็นประจำจนทุกวันนี้คือ ไปรับหุ้นเร็วเกินไป หรือเมื่อรับแล้วก็มักขายหุ้นออกเร็วเกินไปเช่นกัน นักลงทุนมือใหม่ส่วนใหญ่ปัญหาอาจจะแตกต่างกัน บางคนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตลาดได้เริ่มต้นการปรับฐาน หรือกว่าจะรู้ว่าตลาดปรับฐานไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะได้ติดหุ้นไปแล้วเรียบร้อย เกินกว่าจะทำใจคัท หรือเมื่อรู้สึกว่าทนไม่ไหวและต้องคัทออก หุ้นก็มักเริ่มต้นที่จะกลับมาขึ้นใหม่ จนรู้สึกเข็ดเขี้ยวกับความโหดร้ายของตลาดหุ้น หลายคนต้องโบกมือลา ยอมแพ้ไปก่อน ก็มีไม่น้อย ส่วนหลายๆท่านที่เคยผ่านประสบการณ์มามากแล้ว ก็สามารถจัดการกับสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นเรื่อย ตามชม.บิน ส่วนตัวผมเชื่อว่าการที่จะผ่านตลาดขาลงไปได้ และเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่คุณต้องมีอย่างน้อย 3 ข้อ(KET) คือ

1.    ความรู้ (Knowledge)

2.    ประสบการณ์ (Experience)

3.    ภาวะอารมณ์(Temperament)

     ความรู้ (Knowledge) ในความหมายผมคือต้องเกิดจากการเข้าใจหลักพื้นฐานของการลงทุนที่ดี (Fundamental Analysis) นั่นคือสามารถวิเคราะห์เองได้ว่าหุ้นตัวที่กำลังคิดลงทุนนั้นราคาถูกหรือแพง (Selection) หรือหากวิเคราะห์เองไม่ได้ ก็ควรจะมีตัวช่วยบางอย่างที่บอกได้ว่าหุ้นที่เราสนใจนั้นราคาถูก น่าลงทุนแล้วรึยัง ความรู้อีกด้านที่ผมมองว่าให้น้ำหนักไม่แพ้กันคือความรู้ด้านกราฟ หรือความสามารถในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) โดยความรู้ด้านนี้มีประโยชน์ในเชิงสถิติ หรือภาพรวมของราคาหุ้น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรู้จุดซื้อจุดขายที่คร่าวๆได้ว่าราคาหุ้นตอนนี้ลงมาในจุดน่าซื้อในเชิงเทคนิคแล้วหรือยัง (Timing) ซึ่งสามารถบอกความถูกแพงได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็พอทราบว่าราคาแถวนี้มีการขายออกมามากเกินไป

     ประสบการณ์(Experience) ซึ่งเป็นสิ่งที่สะสมบ่มเพาะตามเวลาที่อยู่ในตลาด การผ่านสถานการณ์วิกฤติต่างๆ ทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งมักเกิดจากการที่ต้องทำในสิ่งที่ผิดพลาดบ่อยๆครั้งขึ้น จนในที่สุดก็จะตกผลึกทางความคิดและปัญญา ซึ่งต้องใช้เวลาสะสมตัวเอง

     ภาวะอารมณ์(Temperament) สิ่งนี้เป็นธรรมชาติเฉพาะตัวบุคคล ซึ่งขึ้นกับจริตเดิม นิสัย บุลิกส่วนตัว บุคลิกบางอย่างอาจไม่เหมาะที่จะเก็งกำไร ก็ควรจะหันไปหาการลงทุน และบางคนอาจไม่เหมาะสำหรับการลงทุน เพราะขี้กังวล วิตกจริต จะเกิดความเครียด หากต้องถือหุ้นไว้นานๆ ก็อาจมีความสุขได้ในการอยู่ในตลาดด้วยการเล่นแบบฉาบฉวย แต่ก็ประสบ ความสำเร็จและพอใจในระดับหนึ่ง และบางคนก็อาจไม่เหมาะเลยที่จะอยู่ในตลาดหุ้นเลยแม้ว่าเก็งกำไรหรือว่าลงทุน เนื่องจากภาวะอารมณ์ไม่พร้อม เพราะไม่สามารถรับมือกับความเครียดได้ ทางที่ดีที่สุดก็ควรจะแสวงหาการลงทุนที่เสี่ยงน้อยที่สุดเช่น ตราสารหนี้ หรือออมเงินสำหรับดอกเบี้ยเงินฝาก หรืออาจเอาดีด้านอสังหาแทน ภาวะอารมณ์สามารถแก้ไขได้ระดับหนึ่งด้วยการฝึกจิตให้เข้มแข็งเช่นสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาครับ

     สำหรับผมเองในรอบนี้ก็ได้พยายามใช้หลักดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ แต่ก็ยอมรับว่าทำหลายๆสิ่งผิดพลาดอยู่ดี เพียงแต่อาจจะต้องหาวิธีที่จะทำให้ความผิดพลาดนั้นน้อยลง หุ้นบางตัวผมตั้งใจซื้อแต่ไม่ได้ซื้อ ทำให้พลาดโอกาสทำกำไรที่ดี บางตัวซื้อแล้วขายเร็วเกินไป และบางตัวก็ซื้อในจุดที่ยังไม่ควรซื้อก็ต้องแก้ไขกันต่อไป อย่างไรก็ดีสิ่งที่ผมยึดถือมาตลอดในการลงทุนคือหาวิธีที่อยู่ในตลาดแล้วมีความทุกข์น้อยที่สุด และพอเพียงมากที่สุด ปล่อยวางมากที่สุด เพราะไม่งั้นตลอดชีวิตในการลงทุนของท่านจะต้องมีแต่คำว่ารู้งี้ๆๆๆ ตลอดไปครับ



&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ก่อนจากขอฝากข่าวคลายเครียดไว้หน่อยนะครับ ขอให้มีความสุขในวันหยุดครับ



Breaking News : เผยโฉมแก๊งส์ 4 โมงเย็น จับได้คาหนังคาเขา เจ้าตัวรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ทำไปเพราะต้องการหารายได้พิเศษ เหตุเพราะความจำเป็นหลังเพทดีกรีขึ้นไม่หยุด


ปล. ยังมีหลายท่านที่ส่งหลังไมค์มาเพื่อขอโปรแกรมการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อการศึกษา เวอร์ชั่น1.0 ขอชี้แจงว่าไม่ได้แจกทางเมล์แล้วนะครับ เพราะถูกบล็อกจากการส่งไปให้เพื่อนนักลงทุนจำนวนมากเกินไป ขอให้ส่งหลังไมค์แจ้งมาทางเฟสแล้วผมจะส่งกลับให้ทางเดียวกันครับ

https://www.facebook.com/profile.php?id=704327561
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่