แม่ๆหลายท่านคงจะได้ทราบข่าวที่น่าเสียใจเป็นอันมากเกี่ยวกับน้องทั้งสองคนนะคะ
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามความเคลื่อนไหวน้องทั้งสองคนอยูตลอด
ทำให้เราได้สัมผัส ถึงความรักที่มีมากมายมหาศาลจากหัวใจของผู้เป็นแม่ทั้งสองคน
ขอยกย่องจากใจจริงค่ะ
จากเมื่อก่อนที่เราเคยคิดว่าการที่ต้องลาออกจากงานเพื่อมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ต้องมาเลี้ยงลูกอยู่บ้านอย่างเดียว(ไม่มีใครช่วย)
ทำงานบ้านหัวฟู หน้ามัน ไม่ได้แต่งสวยแต่งงาม เนื้อตัวมีแต่กลิ่นอาหาร กลิ่นนม อึ ฉี่ คราบไคล กลิ่นเหงื่อและความสกปรกจากงานบ้าน
ต่างๆนาๆ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว แม้กระทั่งเวลาจะเข้าห้องน้ำยังไม่มี ระบบขับถ่ายรวน กินข้าวไม่ได้เป็นสุขเพราะลูกจะกวนอยู่ตลอดเวลา บางวันแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีสังคม อยู่แต่บ้าน แทบไม่ได้ออกไปไหนมาไหน
ทุกสิ่งอย่างมันทับถมบวกกับความอ่อนล้าจากสภาพร่างกายและเหนื่อยใจจากสามีที่ไม่ค่อยจะได้ช่วยอะไรเลย แถมเพิ่มภาระงานให้อีกต่างหากเป็นระยะเวลาปีกว่านั้น (ตอนนี้ค่อยดีขึ้นบ้างแล้วนะคะ พออาศัยช่วงลูกหลับเข้าเน็ตได้)
พอเราได้เห็นความทุกข์ของคนอื่นที่สูญเสียลูกไป ทำให้เราได้สติกลับคืนมา...
ถ้าเป็นลูกเราล่ะ?
ถ้าเป็นสามีของเราล่ะ?(ถึงแม้จะไม่เอาไหน แต่ก็เป็นคนดี)
ความรัก ทำให้เราเสียสละได้ทุกอย่าง
หากเราสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราไปเราจะอยู่ได้ยังไง
แลกกับความสุขสบายส่วนตัวของเราล่ะ เราจะเอาไหม??
ขอบคุณคุณแม่ทั้งสองท่านที่ทำให้เห็นความรักที่มีค่าว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน
และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงๆค่ะ
ทุกๆนาทีต่อจากนี้ เราอยากกอดลูกไว้แน่นๆนานๆตลอดทุกๆวินาทีที่เหลืออยู่ในชีวิต
ต่อให้หนทางข้างหน้า จะเหนื่อยหนักเท่าไหร่ เราจะยิ้มสู้ค่ะ^^
จากน้องโมจิ สู่น้องถังแป้ง ถึงแม่บ้านคนหนึ่ง
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามความเคลื่อนไหวน้องทั้งสองคนอยูตลอด
ทำให้เราได้สัมผัส ถึงความรักที่มีมากมายมหาศาลจากหัวใจของผู้เป็นแม่ทั้งสองคน
ขอยกย่องจากใจจริงค่ะ
จากเมื่อก่อนที่เราเคยคิดว่าการที่ต้องลาออกจากงานเพื่อมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ต้องมาเลี้ยงลูกอยู่บ้านอย่างเดียว(ไม่มีใครช่วย)
ทำงานบ้านหัวฟู หน้ามัน ไม่ได้แต่งสวยแต่งงาม เนื้อตัวมีแต่กลิ่นอาหาร กลิ่นนม อึ ฉี่ คราบไคล กลิ่นเหงื่อและความสกปรกจากงานบ้าน
ต่างๆนาๆ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว แม้กระทั่งเวลาจะเข้าห้องน้ำยังไม่มี ระบบขับถ่ายรวน กินข้าวไม่ได้เป็นสุขเพราะลูกจะกวนอยู่ตลอดเวลา บางวันแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีสังคม อยู่แต่บ้าน แทบไม่ได้ออกไปไหนมาไหน
ทุกสิ่งอย่างมันทับถมบวกกับความอ่อนล้าจากสภาพร่างกายและเหนื่อยใจจากสามีที่ไม่ค่อยจะได้ช่วยอะไรเลย แถมเพิ่มภาระงานให้อีกต่างหากเป็นระยะเวลาปีกว่านั้น (ตอนนี้ค่อยดีขึ้นบ้างแล้วนะคะ พออาศัยช่วงลูกหลับเข้าเน็ตได้)
พอเราได้เห็นความทุกข์ของคนอื่นที่สูญเสียลูกไป ทำให้เราได้สติกลับคืนมา...
ถ้าเป็นลูกเราล่ะ?
ถ้าเป็นสามีของเราล่ะ?(ถึงแม้จะไม่เอาไหน แต่ก็เป็นคนดี)
ความรัก ทำให้เราเสียสละได้ทุกอย่าง
หากเราสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราไปเราจะอยู่ได้ยังไง
แลกกับความสุขสบายส่วนตัวของเราล่ะ เราจะเอาไหม??
ขอบคุณคุณแม่ทั้งสองท่านที่ทำให้เห็นความรักที่มีค่าว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน
และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงๆค่ะ
ทุกๆนาทีต่อจากนี้ เราอยากกอดลูกไว้แน่นๆนานๆตลอดทุกๆวินาทีที่เหลืออยู่ในชีวิต
ต่อให้หนทางข้างหน้า จะเหนื่อยหนักเท่าไหร่ เราจะยิ้มสู้ค่ะ^^