ผมมักทึ่งเสมอกับวงดนตรีที่อยู่ด้วยกันยืดยาวเป็นสิบๆปีโดยไม่เปลี่ยนสมาชิกเลย  หลายวงเคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่าอยู่กับเมียเสียอีก  
เพราะอย่างนี้ วงที่ผมยกย่องมากที่สุดจึงเป็น QUEEN ครับ
และอีกวงก็ต้องเป็น BON JOVI
ผมสงสัยว่าพวกเขาปรับความสัมพันธ์กันยังไงนะ ถึงได้ทนอยู่อยู่ทนกันได้ขนาดนี้  
ถ้าพวกเขาไม่รักกันมาก ก็ต้องมีวิธีประนีประนอมที่สูงมากๆ  ถึงจะอยู่กันได้ยืดยาวกว่าชีวิตคู่เสียอีก

ดังนั้นด้วยคุณสมบัตินี้  วงที่ผมชื่นชมในการอยู่ด้วยกันยืนยงคงกระพัน ก็ต้องไม่พ้น L’Arc En Ciel

แต่ผมเพิ่งได้อ่านอัตชีวประวัติของไฮด์โดยบังเอิญ (คือค้นกูเกิ้ลเรื่องอื่น แล้วหลุดไปเจอคำแปลภาษาอังกฤษของ The Hyde)
ถึงเจอ “บท L’Arc En Ciel” ซึ่งเป็นบทที่ยาวที่สุดในหนังสือ และมีถึง 2 บทยาวๆเลยทีเดียว  
ไฮด์เขียนถึงสมาชิกทุกคนไว้ครบ รวมทั้ง Sakura  เล่าถึงวิธีคิดวิธีทำงานของแต่ละคน
และไฮด์ยังเขียนถึงมุมมองที่เขามอง Tetsuya Ken และ Yukihiro ในฐานะบุคคลไว้ด้วย

ผมถึงได้รู้ว่าการผ่านช่วงวิกฤตของ Sakura คราวนั้นไม่ได้ทำให้วงเกือบแตก  
แต่เป็นความสำเร็จหลังจากนั้นต่างหาก ที่ทำให้ไฮด์เขียนจดหมาย (อืมม์ เล่นเขียนจดหมายแจ้งอย่างเป็นทางการกันเลยทีเดียว) ขอลาออกจากวง
ด้วยเหตุผลว่าบรรยากาศของการทำงานร่วมกันมันไม่ไหวแล้ว  มันไปต่อแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว...
มันเป็นหนักขนาดที่ว่าทีมสต๊าฟทำงานไม่ได้ หลายคนก็ต้องทะยอยออกไปจากการเป็นทีมทำงานให้กับลาร์กกันเลยทีเดียว

Stay Away เป็นเพลงที่ผมชอบมาก แถมมิวสิควิดิโอยังเป็น PV ที่กลายเป็นไวรัลฮิตก่อนจะมีกระแส viral video เสียอีก  
แต่กลายเป็นว่าช่วงที่ลาร์กอองเซียลทำเพลงสนุกๆออกมามากที่สุด อย่าง Honey/ Stay Away/ Neo Universe/ Dive To Blue/ Driver’s High/ Heaven’s Drive
คือช่วงที่ตึงเครียดที่สุดของทั้งวงและทีมงาน  และเป็นผลทำให้จดหมายลาออกของไฮด์ส่งไปถึงมือเท็ตสึ(ยะ)


ผมก็เลยนึกได้ว่าปี 2000 คือปีที่ไฮด์อายุ 30เศษ แต่งงาน(ถ้าผมจำปีไม่ผิดนะครับ)  และเริ่มทำอัลบั้มเดี่ยว
นัยยะของชีวิตคนเรา (โดยเฉพาะผู้ชาย) พอเริ่มเข้าเลข 3 จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องของชีวิต ความคิด และจิตใจหลายๆอย่าง  
การตัดสินใจครั้งสำคัญ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมักจะเกิดในช่วงนี้  

เหตุผลที่ไฮด์กลับเข้าวงใหม่ เขาเขียนไว้อย่างละเอียดแล้วในบทครับ  และสิ่งที่เขาเขียน ผมไม่มองในมุมของ “ประวัติวงร็อคระดับตำนานของเอเชีย”  
แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นคติสอนใจที่ดีมากเกี่ยวกับ “การทำอย่างไรให้ความสัมพันธ์ไปรอด” เลยครับ
ผมเองก็ไม่นึกนะว่าทั้ง 4 คนจะแก้ปัญหากันด้วยวิธีนี้ เพื่อทำให้ไปกันรอด  และอยู่กันมาได้อีก 13 ปี
(จนถึงตอนนี้ ปีที่ 20 แล้ว ทั้งสี่ก็บอกออกสื่อแล้วว่าพวกเขาจะไม่แตกวง)


มันทำให้รู้ว่า
“ไม่มีความสัมพันธ์ยืนยาวที่ไหนหรอกที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เคยมีปัญหา  มันอยู่ที่ว่าคนในความสัมพันธ์นั้นจะตั้งใจแก้ไขมันหรือเปล่า”
เท่านั้นเอง