สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
รำคาญคนที่มีความคิดแบบคห.1กับคห.2 ค่ะ
คนประเภทที่ให้คำแนะนำแบบไม่สร้างสรรค์แถมยังดูถูกคนอื่น
มันแสดงให้เห็นถึงความรู้น้อยของคนพูดนะคะ
เภสัชไม่ได้ทำแค่สายผู้แทนยา (หรือเซลลล์ขายยาธรรมดา ๆ ที่คุณบอก) ค่ะ
แถมงานผู้แทนยานี่ได้เงินดีเชียวแหละค่ะ
ถ้าอยากจะให้คำแนะนำ ให้แต่ในสิ่งที่คุณรู้จริงจะดีกว่านะคะ
ปล. เราเรียนเภสัชค่ะ เราเลยรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนที่มีคนพูดแบบนี้
ถึงน้องเจ้าของกระทู้
พี่อยู่ปีหกค่ะ ตอนนี้กำลังฝึกงานอยู่ซึ่งต้องฝึกทั้งปี พี่เลยขอให้คำแนะนำเรื่องการเรียนเภสัชแล้วก็การทำงานแล้วกันนะคะ
(แต่ไม่รู้ว่าการเรียนการสอนที่นู่นจะเหมือนเมืองไทยมั้ยนะคะ)
ที่พี่เรียนจะมีการแบ่งสายเป็นสายวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม กับสายบริบาลเภสัชกรรมค่ะ
สายวิทยาศาสตร์เภสัชกรรมจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องการ คิดค้นตัวยาเพื่อรักษาโรค การผลิตยา การควบคุมคุณภาพยา ออกแบบตำรับยาเช่นคิดค้นและพัฒนาสูตรยาเจล ยาเม็ด ยาครีม ยาเหน็บ อะไรพวกนี้ให้เป็นสูตรที่ดีที่สุด เช่นจะทำอย่างไรให้ยาเม็ดแก้ปวดออกฤทธิ์เร็วที่สุดหลังกินยาเข้าไป หรือยาเม็ดลดความดัน จะทำอย่างไรให้สามารถออกฤทธ์ได้สม่ำเสมอทั้งวันคนไข้จะได้ไม่ต้องกินยาหลายครั้งต่อวัน ยาเหน็บจะมีส่วนประกอบมีวิธีการผลิตยังไงไม่ให้มันละลายในมือก่อนที่จะเหน็บเข้าไปใน -ูด อะไรประมานนี้อ่ะค่ะ
จากที่อ่านกระทู้ของน้องเหมือนน้องคงชอบเรียนเคมีใช่มั้ยคะ ?
สายนี้ก็ค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับพวกสูตรเคมีค่ะ แต่มันก็จะมีอย่างอื่นด้วย อย่างเช่นพวกเรื่อง Instrument ต่างๆที่ใช้ในการกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพยาค่ะ
ซึ่งความคิดของพี่เอง พี่คิดว่าสายนี้เจ๋งดีนะคะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ "pharmacy knows how" ที่สุดแล้วค่ะ (ยืมคำพูดมาจากอาจารย์ของพี่เองค่ะ ชอบคำนี้)
ถ้าเป็นสายบริบาลเภสัชกรรม จะเน้นเรื่องการดูแลคนไข้และทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าคนไข้ที่ใช้ยาจะใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและได้ประโยชน์จากยามากที่สุดค่ะ
เช่นใช้ยาถูกโรค ผู้ป่วยไม่มีข้อห้ามการใช้ยา ใช้ยาเหมาะกับสภาวะโรคและสภาวะร่างกาย ยาที่ใช้ร่วมกันไม่ตีกัน ป้องกันและแก้ไขอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากยา
เราก็ต้องมีความรู้เรื่องโรคและกลไกการออกฤทธิ์ของยา กลไกการดูดซึมยา การกระจายตัวของยาในร่างกาย การเปลี่ยนแปลงสภาพของยาในร่างกาย แล้วก็กลไกการกำจัดยาออกจากร่างกาย (หรือที่เรียกว่าเภสัชจลนศาสตร์) ต้องรู้จักโครงสร้างยามันก็จะลิงค์ไปเรื่องการออกฤทธิ์ อาการข้างเคียง แล้วก็เภสัชจลนศาสตร์ ได้ค่ะ (อันนี้ก็ pharmacy knows how เหมือนกันนะคะ)
คือส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ด้าน biology มากกว่าค่ะ
แล้วมันก็จะมีการเรียนสายอื่น ๆ ด้วยนะคะ เช่นด้านการตลาด การบริหารจัดการ กฎหมายยา ฯลฯ ซึ่งพี่ไม่ค่อยรู้มาก 5555
งานของเภสัชก็จะหลากหลายนะคะ โรงงาน ร้านยา โรงพยาบาล คุ้มครองผู้บริโภค บริษัทยา( เช่น งานควบคุมการนำเข้ายา การเป็นผู้ประสานงานการวิจัยยา งานผู้แทนยา งาน medical information service ฯลฯ) อันนี้คร่าว ๆ ค่ะ
ซึ่งระบบเภสัชของอเมริกานั้นจะต่างจากเมืองไทยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องร้านยา ที่อเมริกาไม่เหมือนเมืองไทยค่ะ ต้องมีใบสั่งแพทย์จึงจะจ่ายยาได้(น้องคงรู้อยู่แล้วแหละ) ดังนั้นร้านยาผิดกฎหมาย หรือร้านยาที่เป็นอาแปะที่ไหนก็ไม่รู้มาขายคงไม่มีให้เห็น
ส่วนเรื่องเงิน ถ้าเป็นเภสัชที่อเมริกาเงินเดือนดีค่ะ ถ้าเทียบเป็นเงินบาทนะคะ เมืองไทยอาจจะได้สี่ห้าหมื่นจริงแต่มันก็แล้วแต่ความสามารถและความก้าวหน้าของเราด้วย บางคนได้หลายแสนก็มี แต่ถ้าที่อเมริกาก็จะได้ปสามสี่แสนโดยประมานค่ะ
มันยาวเกินไปแล้วอ่ะค่ะ 5555 จบแค่นี้แล้วกันนะคะ ถ้าน้องมีคำถามอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามมาแล้วกันนะคะ(ถ้าพี่ตอบได้)
ปล. พี่มีความคิดอยากไปสอบ license เภสัชที่อเมริกาค่ะ ก็เลยเคยค้นข้อมูลเรื่องเภสัชในอเมริกามาบ้าง (เป็นความฝันน่ะค่ะ อิอิ)
ปล. 2 เหมือนว่าที่อเมริกาจะหลังจบจากโรงเรียนต้องเรียนมหาลัยในสายทางวิทยาศาสตร์ก่อนประมาน 4 ปีรึเปล่าคะ แล้วถึงจะไปเรียนต่อเฉพาะทางด้านอื่น ๆ (เช่นด้านเภสัชได้) น้องน่าจะมีเวลาคิดอยู่พอสมควรนะคะ ว่าน้องชอบอะไรมากกว่ากัน ระหว่างเภสัชกับวิศวเคมี ลองคิดดูดีๆ พี่สนับสนุนสิ่งที่น้องชอบและถนัดค่ะ
คนประเภทที่ให้คำแนะนำแบบไม่สร้างสรรค์แถมยังดูถูกคนอื่น
มันแสดงให้เห็นถึงความรู้น้อยของคนพูดนะคะ
เภสัชไม่ได้ทำแค่สายผู้แทนยา (หรือเซลลล์ขายยาธรรมดา ๆ ที่คุณบอก) ค่ะ
แถมงานผู้แทนยานี่ได้เงินดีเชียวแหละค่ะ
ถ้าอยากจะให้คำแนะนำ ให้แต่ในสิ่งที่คุณรู้จริงจะดีกว่านะคะ
ปล. เราเรียนเภสัชค่ะ เราเลยรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนที่มีคนพูดแบบนี้
ถึงน้องเจ้าของกระทู้
พี่อยู่ปีหกค่ะ ตอนนี้กำลังฝึกงานอยู่ซึ่งต้องฝึกทั้งปี พี่เลยขอให้คำแนะนำเรื่องการเรียนเภสัชแล้วก็การทำงานแล้วกันนะคะ
(แต่ไม่รู้ว่าการเรียนการสอนที่นู่นจะเหมือนเมืองไทยมั้ยนะคะ)
ที่พี่เรียนจะมีการแบ่งสายเป็นสายวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม กับสายบริบาลเภสัชกรรมค่ะ
สายวิทยาศาสตร์เภสัชกรรมจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องการ คิดค้นตัวยาเพื่อรักษาโรค การผลิตยา การควบคุมคุณภาพยา ออกแบบตำรับยาเช่นคิดค้นและพัฒนาสูตรยาเจล ยาเม็ด ยาครีม ยาเหน็บ อะไรพวกนี้ให้เป็นสูตรที่ดีที่สุด เช่นจะทำอย่างไรให้ยาเม็ดแก้ปวดออกฤทธิ์เร็วที่สุดหลังกินยาเข้าไป หรือยาเม็ดลดความดัน จะทำอย่างไรให้สามารถออกฤทธ์ได้สม่ำเสมอทั้งวันคนไข้จะได้ไม่ต้องกินยาหลายครั้งต่อวัน ยาเหน็บจะมีส่วนประกอบมีวิธีการผลิตยังไงไม่ให้มันละลายในมือก่อนที่จะเหน็บเข้าไปใน -ูด อะไรประมานนี้อ่ะค่ะ
จากที่อ่านกระทู้ของน้องเหมือนน้องคงชอบเรียนเคมีใช่มั้ยคะ ?
สายนี้ก็ค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับพวกสูตรเคมีค่ะ แต่มันก็จะมีอย่างอื่นด้วย อย่างเช่นพวกเรื่อง Instrument ต่างๆที่ใช้ในการกระบวนการผลิตและควบคุมคุณภาพยาค่ะ
ซึ่งความคิดของพี่เอง พี่คิดว่าสายนี้เจ๋งดีนะคะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ "pharmacy knows how" ที่สุดแล้วค่ะ (ยืมคำพูดมาจากอาจารย์ของพี่เองค่ะ ชอบคำนี้)
ถ้าเป็นสายบริบาลเภสัชกรรม จะเน้นเรื่องการดูแลคนไข้และทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าคนไข้ที่ใช้ยาจะใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและได้ประโยชน์จากยามากที่สุดค่ะ
เช่นใช้ยาถูกโรค ผู้ป่วยไม่มีข้อห้ามการใช้ยา ใช้ยาเหมาะกับสภาวะโรคและสภาวะร่างกาย ยาที่ใช้ร่วมกันไม่ตีกัน ป้องกันและแก้ไขอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากยา
เราก็ต้องมีความรู้เรื่องโรคและกลไกการออกฤทธิ์ของยา กลไกการดูดซึมยา การกระจายตัวของยาในร่างกาย การเปลี่ยนแปลงสภาพของยาในร่างกาย แล้วก็กลไกการกำจัดยาออกจากร่างกาย (หรือที่เรียกว่าเภสัชจลนศาสตร์) ต้องรู้จักโครงสร้างยามันก็จะลิงค์ไปเรื่องการออกฤทธิ์ อาการข้างเคียง แล้วก็เภสัชจลนศาสตร์ ได้ค่ะ (อันนี้ก็ pharmacy knows how เหมือนกันนะคะ)
คือส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ด้าน biology มากกว่าค่ะ
แล้วมันก็จะมีการเรียนสายอื่น ๆ ด้วยนะคะ เช่นด้านการตลาด การบริหารจัดการ กฎหมายยา ฯลฯ ซึ่งพี่ไม่ค่อยรู้มาก 5555
งานของเภสัชก็จะหลากหลายนะคะ โรงงาน ร้านยา โรงพยาบาล คุ้มครองผู้บริโภค บริษัทยา( เช่น งานควบคุมการนำเข้ายา การเป็นผู้ประสานงานการวิจัยยา งานผู้แทนยา งาน medical information service ฯลฯ) อันนี้คร่าว ๆ ค่ะ
ซึ่งระบบเภสัชของอเมริกานั้นจะต่างจากเมืองไทยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องร้านยา ที่อเมริกาไม่เหมือนเมืองไทยค่ะ ต้องมีใบสั่งแพทย์จึงจะจ่ายยาได้(น้องคงรู้อยู่แล้วแหละ) ดังนั้นร้านยาผิดกฎหมาย หรือร้านยาที่เป็นอาแปะที่ไหนก็ไม่รู้มาขายคงไม่มีให้เห็น
ส่วนเรื่องเงิน ถ้าเป็นเภสัชที่อเมริกาเงินเดือนดีค่ะ ถ้าเทียบเป็นเงินบาทนะคะ เมืองไทยอาจจะได้สี่ห้าหมื่นจริงแต่มันก็แล้วแต่ความสามารถและความก้าวหน้าของเราด้วย บางคนได้หลายแสนก็มี แต่ถ้าที่อเมริกาก็จะได้ปสามสี่แสนโดยประมานค่ะ
มันยาวเกินไปแล้วอ่ะค่ะ 5555 จบแค่นี้แล้วกันนะคะ ถ้าน้องมีคำถามอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามมาแล้วกันนะคะ(ถ้าพี่ตอบได้)
ปล. พี่มีความคิดอยากไปสอบ license เภสัชที่อเมริกาค่ะ ก็เลยเคยค้นข้อมูลเรื่องเภสัชในอเมริกามาบ้าง (เป็นความฝันน่ะค่ะ อิอิ)
ปล. 2 เหมือนว่าที่อเมริกาจะหลังจบจากโรงเรียนต้องเรียนมหาลัยในสายทางวิทยาศาสตร์ก่อนประมาน 4 ปีรึเปล่าคะ แล้วถึงจะไปเรียนต่อเฉพาะทางด้านอื่น ๆ (เช่นด้านเภสัชได้) น้องน่าจะมีเวลาคิดอยู่พอสมควรนะคะ ว่าน้องชอบอะไรมากกว่ากัน ระหว่างเภสัชกับวิศวเคมี ลองคิดดูดีๆ พี่สนับสนุนสิ่งที่น้องชอบและถนัดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เภสัชกร กับ วิศวเคมี ควรเรียนอะไรดีคะ?
ระหว่าง.. 'เภสัชกร หรือ วิศวเคมี' คือชอบทั้งสองอย่าง
- งานไหนที่เหมาะสมทั้งในประเทศไทยและอเมริกา ?