ขอคำปรึกษาเรื่องสุขภาพจิตเล็กน้อยค่ะ

ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนนะคะว่าอยู่ในวัยทำงานแล้ว หน้าที่การงานก็พอสมควรด้วยค่ะ แต่ขอข้ามไปนะคะ เพราะเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่ เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะคะ

เมื่อหลายๆปีก่อนเราเป็นสมาชิกของเว็บบอร์ดหนึ่งแนวๆเว็บบอร์ดคนแต่งนิยาย มีสมาชิกท่านหนึ่งเราชอบผลงานเขามาก (สมมติให้ชื่อก้อยก็แล้วกันนะคะ) เราตามอ่านงานเขาทุกเรื่องแต่ก็ไม่กล้าไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนคลับเขา เราอยู่ในมุมเงียบๆคอยเป็นกำลังใจให้ คอมเมนต์บ้างบางทีตามประสาคนอ่าน จนเขาทักเรามาหลังไมค์ เราดีใจมากที่สมาชิกท่านนี้ส่งข้อความมาทักทายเรา เขาจำเราได้เพราะเราแวะมาคุยกับเขาบ่อยๆในนิยายของเขา

จากนั้นเราก็แอด msn ไปคุยกันหลังไมค์ เราคุยกันถูกคอไปทุกเรื่องเลยค่ะ มีปัญหาอะไรปรึกษากันตลอด เราเองก็เพิ่งมารู้ว่าเขาเป็นรุ่นน้องเรียนคณะทางศิลปะเหมือนกับเราก็ยิ่งเอ็นดูเขา เพราะเขาอวดรูปที่เขาทำที่คณะให้ดูบ่อยๆเราก็ให้คอมเมนต์ไปบ้างบางที และพอเรารู้จักกับก้อย เขาก็แนะนำเพื่อนๆที่เป็นสมาชิกของบอร์ดนั้นให้เรารู้จักอีกหลายๆท่านด้วย แต่ละวันเรามีแชทรวมใหญ่ๆในห้อง msn ตอนนั้นสนุกที่สุดเลยค่ะ ได้คุยกับหลายๆท่าน เล่นโรลเพลย์กันตามประสาคนที่ชื่นชอบในเนื้อเรื่องของตัวละครเรื่องนั้นๆ บางทีก็หาข้อมูลมาถกกันได้เป็นฉากๆว่าฉากนี้ ตอนนี้ต่อไปควรจะเป็นยังไง

แล้วพอเวลาผ่านไป ทุกคนก็เริ่มมีงานยุ่งเกินกว่าจะนั่งแชทกันทุกวันอย่างนี้ เราไม่ได้คาดหวังให้ทุกคนอยู่คุยกันตลอดไปนะคะเพราะรู้ว่าไม่ว่ายังไงการลาจากก็เกิดขึ้นอยู่ดี ตอนนั้นก้อยเรียนใกล้จะจบแล้วเราเลยไม่คิดจะไปกวนเวลาการทำงานของเขามาก บางทีเราก็นั่งคุยกับคนอื่นๆในแชทไป ก็ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเบาๆเฮฮาเพราะทุกคนก็เครียดจากโรงเรียน/งานกันมากพอตัวอยู่แล้ว

ช่วงนี้ก้อยมักจะล็อคอินเข้ามาตอนสี่-ห้าทุ่ม มาถึงเธอก็จะบ่นๆๆๆๆทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต อาจารย์ให้คะแนนลำเอียงบ้าง เพื่อนไม่ช่วยงานบ้าง รถติด ฝนตก ไปอีกสารพัดสารเพ คนในแชทเขาก็เริ่มจะเบื่อที่ก้อยมาถึงก็สาดคำพูดใส่ราวกับปืนกลไม่ค่อยฟังใคร สมาชิกท่านหนึ่งเลยก็หลังไมค์มาหาเราบอกว่าไม่ต้องใส่ชื่อเขาเข้าไปอีกนะถ้าก้อยอยู่ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่บอกให้เขาใจเย็นๆ แต่คนในกลุ่มก็ทยอยกันออกไปทีละคนสองคนด้วยสาเหตุที่ถึงไม่มีใครพูดก็รู้กันอยู่แก่ใจ แล้วจุดจบกลุ่มก็อยู่ที่ตรงนี้เพราะต่างคนต่างไปกันหมด

ช่วงนั้นเราก็ห่างหายจาก msn ไปเหมือนกันเพราะว่าเตรียมสอบป.โท แต่เราก็ยังทักทายก้อยที่เห็นเขาออนนะคะ เราชอบส่งกระทู้ฮาๆไปให้เขาดู แต่คำตอบที่ได้คือเขาบอกว่าไม่ต้องส่งอะไรมาอีก เขาเบื่อ มุกมันฝืดแล้วก็แป้กด้วย เราก็โอเค เข้าใจว่าน้องเขากำลังจะเรียนจบก็เลยเครียด ก็เลยได้แค่ขอโทษที่รบกวนเขาไป แต่เรามารู้ทีหลังว่าคนในกลุ่มอีกคน สมมติชื่อพี่บีก็แล้วกันค่ะ พี่บีก็ส่งกระทู้เดียวกันกับเรานี่ล่ะไป แล้วพี่บีก็เอากระทู้นี้ให้เราด้วย เราบอกว่าอ่านแล้ว เขาก็เลยบอกว่าเพิ่งส่งให้ก้อยดู เราก็เลยแอบถามว่าก้อยเขาเป็นไง พี่บีเลยบอกก็หัวเราะคิกคักกันดีนะ เราเลยคิดในใจว่าเมื่อตอนนั้นมันคืออะไรหว่า ไหนบอกมันแป้กไง

พอก้อยบอกไม่ให้เราส่งอะไรไปให้เขาอีก เราก็เริ่มไม่มีเรื่องจะพูดกับเขาแล้ว เมื่อก่อนเราเอากระทู้นั้นนี้มานั่งถกประเด็นในการแต่งนิยายกัน แต่ตอนนี้พอเปิดประเด็นอะไรเขาก็จะไม่ค่อยตอบ และเขาทิ้งบอร์ดนิยายบอร์ดนั้นไปแล้ว (บอร์ดล่มไปแล้วด้วยค่ะ) พอเราชวนคุยเรื่องพระเอกนิยายเก่าๆของเขา เขาก็จะวีนใส่ทำนองว่าขุดคุ้ยขึ้นมาทำไม เขาไม่มีเวลาว่างไปเขียนหรอกนะ งานเขายุ่งมาก

เราก็ได้แต่ขอโทษเขาไปเพราะคิดว่าทำให้เขาโมโหอีกแล้ว แต่เพราะตัวเราเองก็สมควรอยู่อาจจะไปพูดให้เขารู้สึกไม่ดี  เราเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองประกอบกับเพื่อนน้อยด้วย พอมีเพื่อนเราก็พยายามจะให้ความสำคัญกับเขา แต่ดูเหมือนเขาจะยิ่งรำคาญ เราก็ได้แต่ปลงว่าเราเป็นคนไม่มีศิลปะการพูดจริงๆ

สองสามปีให้หลัง เฟซบุ๊คมันฮิตมาก ทุกคนที่เราแชทด้วยมาชวนเราไปเล่นเฟซ เราก็ตามเขาไปด้วยอารมณ์ดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่าๆ เราแอดคนในบอร์ดนั้นที่เราเคยคุยด้วย รวมไปถึงก้อยด้วย พอมีเฟซเราก็คุยกับทุกคนบ้าง แล้วก็มีขาประจำที่คุยด้วยทุกวัน(จนวันนี้ก็ยังนัดเจอ นัดกินข้าว ไปเที่ยวกันอยู่นะคะ) บางทีเราก็ไปแจมสเตตัสคนอื่นๆเขาบ้าง ทีนี้พอเราเห็นก้อยเขาอัพสเตตัสทำนองอยากไปเที่ยวที่นี่ แล้วก็เห็นเพื่อนๆเขากับเพื่อนในแชท msn ของเราคุยกันใต้สเตตัสนั้นเฮฮากันดี เราเลยแนะนำไปเพราะเราเคยไปมาก่อน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ก้อยก็ลบสเตตัสอยากไปเที่ยวนี่ทิ้งไปเลย

เรื่องนี้ทำให้เรางงมากว่าเราทำผิดอะไร เราแค่บอกไปว่าขึ้นรถได้ตรงไหน เวลาเท่าไหร่ เจอแบบนี้เข้าไปแอบทำให้เรารู้สึกแย่ เหมือนเดินไปทางไหนก็วงแตก ใครๆเขาก็ไม่ต้องการ เราเลยเอาเรื่องนี้บ่นๆกับเพื่อนในแชทคนหนึ่ง ไม่ได้นินทาก้อยหรอกนะคะ แค่บ่นทำนองว่ารู้สึกแย่ ฉันมันน่ารังเกียจมากเลยรึไงกัน แล้วถ้าไม่อยากเป็นเพื่อนด้วยจะรับแอดทำไม

ปรากฎว่าพี่บีก็รู้เรื่องนี้ด้วย ทั้งๆที่เราบ่นให้ฟังแค่คนเดียวแท้ๆ พี่บีก็บอกว่าถ้าก้อยเขาไม่ชอบก็อย่าไปยุ่งกับเขามากเลย เพื่อนคนอื่นๆยังมีอยู่เยอะก็คุยกับคนอื่นๆไปดีกว่านะ เราก็ทำแบบนั้นมาหลายเดือน ไม่ยุ่ง ไม่คุยกับเขาเลย

จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ก้อยเป็นฝ่ายทักมาเรื่องงาน ก้อยคิดจะทำงานจริงจังบ้างหลังจากเป็นฟรีแลนซ์มานาน เราก็เลยแนะนำไปหลายที่ให้เขาลองไปสมัครดู แล้วก็ให้คำปรึกษาเรื่องอาชีพด้วย เขาก็เหมือนกลับไปเป็นรุ่นน้องที่น่ารักเมื่อหลายๆปีก่อน เราเองก็ดีใจเหมือนเจอเขาคนเดิม แต่ยังไม่ทันจะข้ามวัน เราส่งใบสมัครอีกที่ไปให้เป็นบริษัทกราฟฟิคที่เคยทำงานด้วย แต่เราไม่ได้บอกเขานะคะว่าเคยทำงานที่นี่

เขาตอบกลับมาว่าไม่ต้องมายุ่งกับเขา เขาหาเองได้ เรางงมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อสี่ชั่วโมงที่แล้วกัน เราก็เลยตะล่อมถามว่าเป็นอะไรไป มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ เราช่วยอะไรได้มั้ย เขาบอกเรามาวุ่นวายกับชีวิตเขาเกินไป เขาเบื่อ เขาเซ็ง ถ้าเป็นไปได้อย่าคุยกันอีกเลย

เราได้แต่นิ่งไปเพราะไม่รู้จริงๆว่าไปก้าวก่ายอะไรเขา มันชาเหมือนโดนตบหน้าด้วยคำพูดนั้น นึกอะไรไม่ออกก็ได้แต่ขอโทษเขา แล้วเราก็พยายามนึกทบทวนเท่าที่จะนึกออกนะคะว่าเราทำผิดไปตรงไหน เราไม่ได้คุยกับก้อยมาร่วมๆปีแล้วหลังจากเขาเรียนจบไปแล้วจนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายทักมาล่าสุดนี่ ก่อนหน้านั้นเราก็ไม่ได้ตามติดชีวิตเขานะคะ

แล้วพอมาคิดดู เราควรจะเฟดตัวออกจากกลุ่มนั้นดีมั้ยคะ เรารู้สึกว่าเป้าหมายแต่ละคนเขาต่างกันออกไปหมด ตอนนี้ไม่มีจุดร่วมอะไรให้คุยกันได้อีกแล้ว จะมีก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันก็เท่านั้น

มาเจอเหตุการณ์แบบนี้เราน้อยใจนะคะที่ก้อยทำไม่เห็นหัวเราเลย พอถามก็ชอบบอกว่าเปล่า มันทำให้เรานอยด์มากค่ะว่าสาเหตุจริงๆมันเกิดจากอะไร ที่จริงก้อยมีเพื่อนในเนตที่เป็นสายอาชีพเดียวกันอยู่เยอะแยะนะคะ พอเขามาปรึกษาเรามันทำให้เราแอบดีใจว่าเราก็ยังมีความสำคัญกับเขาอยู่นะ แต่เจออย่างนี้เราเฟลไปเลยค่ะ ตกลงฉันเป็นอะไรของเธอกันเนี่ย

เราเหนื่อยกับงานมากพอแล้วต้องมาเหนื่อยกับเพื่อนในเนตอีกเหรอคะ ที่จริงเรากับก้อยและพี่บีก็สนิทกันขั้นรู้จักบ้าน เบอร์โทรกันแล้วนะคะ มานอนค้างก็บ่อยเหมือนกัน ก้อยในเนตกับก้อยตัวจริงเหมือนเป็นคนละคนจนเราแอบแปลกใจว่าทำไมมันเปลี่ยนกันไปแบบนี้

จริงๆเราคิดจะเลิกคบเขาหลายครั้งนะคะไม่ใช่ไม่คิด แต่ไม่รู้ทำไมพอคิดเรื่องเก่าๆที่เคยเฮฮา คุยกันเป็นกลุ่มใหญ่สนุกสนานแล้วเราก็ตัดใจไม่ได้ซักที หรือเราจะยึดติดอดีตที่มันมีความสุขมากเกินไปคะ เราควรจะทำยังไงต่อไปดีคะ


ขอบคุณทุกท่านที่มารับฟังปัญหาของเรานะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่