เรื่อง เขตการค้าเสรี (เหมือนๆ จะโยงถึง AEC )
สมมุติว่า
ไทยเปิดการค้าเสรีกับสิงคโปร์ (แน่นอนว่า สิงคโปรอันดับสูงกว่าไทย) ทุกอย่างในตลาดเคลื่อนที่ไปมาหากันได้หมด ประหนึ่งว่าเป็นตลาดเดียวกัน
สินค้า แรงงาน และอื่นๆ
สมมุติว่า ในตลาดร่วมไทยสิงคโปร์นี้ มี แรงงานสองระดับ
1. well-educated skilled worker ย่อว่า แรงงานชั้นสูง
2. less-educated,low skilled worker ย่อว่า แรงงานชั้นล่าง
สมมุติว่า
100 คนที่ สิงคโปร์ มีแรงงานชั้นสูง 80 แรงงานชั้นล่าง 20
1000 คนที่ไทย มีแรงงานชั้นสูง 200 แรงงานชั้นล่าง 800
แน่นอนว่า ที่สิงคโปร ค่าจ้างแรงงานสูงกว่าไทย ทั้งแรงงานชั้นสูงและแรงงานชั้นล่าง (แม้บางทีความสามารถเท่ากัน)
หากตลาดรวมตัวกันจะเกิดอะไรขึ้น (แรงงานชั้นล่างของสิงคโปร์ จะตกงานมั๊ย หรือว่า แรงงานชั้นสูงของสิงคโปร์โดนแรงงานชั้นสูงจากไทย เบียดราคา)
สิ่งแรกคือ
ตลาดใหญ่ขึ้น จากตลาดเล็ก ๆ ของสิงคโปร กลายเป็นตลาดที่ขนาดใหญ่ มีผู้คนในตลาดมากถึง 1100 คน แน่นอนว่า สิงคโปร์ดีใจมาก
เนื่องจากเงินในตลาดมากขึ้น (ปัจจุบันประมาณ 3% ของเงินปันผลของธนาคารไทยก็ต้องส่งให้ผู้ถือหุ้นจากสิงคโปรอยู่แล้ว (กำไรแบ้งไทย แสนล้าน))
มาดูตลาดแรงงานชั้นสูงของสิงคโปร จาก 80 คน เป็น 280 คน (รวมแรงงานชั้นสูงของไทย)
แน่นอนกว่า ตลาดแรงงานชั้นสูงของสิงคโปรได้รับแรงกดดันจากตลาดแรงงานชั้นสูงของไทย เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น
แต่ ต้องไม่ลืมว่า ขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้นเป็น 1100 คนนั้น จะมีความซับซ้อนมากขึ้น ก่อให้เกิด ความต้องการใหม่ๆ เกิดสิ่งจำเป็นใหม่ๆ
ยกอย่าง (มั่วๆ ) เช่น
- คนไทยต้องการเรียนภาษาสิงโปร์ (สมมุติ ว่าไม่ใช่ภาษาอังกฤษ)
- คนไทยไปเรียนที่สิงคโปรเยอะขึ้น (เพราะมาตรฐานมหาลัยที่ไทยเติบโตลง)
- คนสิงคโปรต้องการเรียนภาษาไทย อยากทำอาหารไทย อยากมาเที่ยว มาพักผ่อนเมืองไทย
_ ต้องการ ผุ้ช่วยที่เป็นคนไทย เพื่อคุยกับลูกค้าที่เป็นคนไทย @#??
จิปาถะ
จากประชากรที่เพิ่มขึ้น งานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ตลาดแรงงานขยายขึ้นด้วย ต้องเพิ่มห้องเรียน ต้องขยายตึก ต้องเพิ่มบุคลากร (สมมุติว่า ครู เป็นแรงงานชั้นสูง หรือปล่าว?)
จะเห็นได้ว่า แรงงานชั้นสูงมีการกระจายตัวในแนวนอนเข้าไปยังตลาดที่ขยายขึ้น หรือ ต้องเข้าไปรองรับตลาดใหม่ที่เกิดขึ้น ตลาดพิเศษ ตลาดเฉพาะ
(เกิดห้องเรียนใหม่ วัฒนธรรมไทยสิงคโปร นักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญ )
แล้วแรงงานชั้นสูงของไทยล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่า แรงงานชั้นสูงของสิงคโปร์จะไม่ลดตัวเองลงมารับเงินเดือนน้อยๆ ของไทย
และก็แน่อยู่แล้ว แรงงานชั้นสูงของไทยก็จะเห็นว่า "อ้าว เราก็เก่งพอๆ กับพวกนั้นนี่นา" ฉะนั้น แรงงานกลุ่มนี้ก็จะดันราคาตัวเองให้สูงขึ้น
อย่าลืมว่า แบบนี้ ไม่ได้เกิดในข้ามคืน
มันจะค่อยๆ เกิด หลังจากตลาดรวมตัวกัน อาจจะมีแรงงานชั้นสูงจากสิงคโปรลดตัวลงมารับเงินเดือนไทย (แต่คงเรียกเงินสูงกว่าคนไทยปกติ เพราะต้องส่งเงินกลับไปผ่อนบ้านที่นู่น)
อาจจะมีคนไทยตั้งราคาตัวเองต่ำกว่าคนสิงคโปรนิดหน่อยเพื่อให้ได้งานทำที่สิงคโปร (แต่คงต้องสูง เพื่อสนองค่าครองชีพที่สิงคโปร)
แบบนี้ ทุกอย่างจะค่อยๆ กลืนกัน ต่อรองกัน เพื่อหาสมดุลย์
แต่ที่แน่ๆ แรงงานชั้นสูงของไทยจะดันค่าแรงของตัวเองให้สูงขึ้น เท่าๆ กับแรงงานชั้นสูงของสิงคโปร (ใครๆ ก็อยากได้เงินเพิ่ม ไม่มีใครชอบลด)
เป็นอันว่า ตลาดแรงงานชั้นบน ชิลล์ ชิลล์
งั้น ที่แย่แน่ๆ คือ แรงงานชั้นล่างของสิงคโปรหรือ !!!????
อ่ะๆ แน่อยู่แล้ว อยู่ๆ ก็มีคู่แข่งเพิ่ม แปดร้อยคนจากไทย แรงงานชั้นล่างของสิงคโปรพวกนี้ตกงานชัวร์ เพราะแรงงานชั้นล่างของไทยจะกวาดเรียบ ในราคาค่าจ้างที่ถูกกว่า
แล้วพวกนี้จะทำงัย
แรงงานชั้นล่างสิงคโปร์เหล่านี้ ก็จะเดินทางมาหางานทดแทนที่ไทย เพื่อเลี้ยงชีพ เพื่อความอยุ่รอดด้วยการทำงานและรับค่าแรงแบบไทย ๆ
จุดนี้คือ "ปัญหา" ของแรงงานชั้นล่างของสิงคโปร ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยง
มีอีกทางเลือกนึงสำหรับแรงงานชั้นล่างของสิงคโปร เพื่อที่จะรักษาคุณภาพชีวิตให้อยู่ในระดับเดิม ไม่ให้แย่ลงเหมือนแรงงานชั้นล่างแบบไทย
ก็คือ การผลักดันตัวเองขึ้นในแนวตั้ง ขยับไปอยู่ในตลาดแรงงานชั้นสูง
นั่นคือ อัพเกรดตัวเอง เรียนหนังสือ เพิ่มความรู้ พัฒนาตัวเอง
แล้วตลาดแรงงานชั้นล่างไทยล่ะ
ทุกระบบธุรกิจต้องการแรงงานชั้นล่าง ไม่ต้องใช้สมอง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องวิเคราะห์ ไม่ต้องแยกแยะ
สั่งอย่างไร ทำอย่างนั้น
พวกนี้ ยิ่งกระทบเยอะ หากจำนวนคู่แข่งในตลาดมากขึ้น ค่าแรงก็จะโดนกดลง
เหมือนคนตัดยาง ตอนนี้ตัดแบ่งครึ่ง แต่พม่าวิ่งมารับ ค่าจ้างวันละสองร้อย คนตัดยางสัญชาติไทยก็ม้วยมรณา
สรุป แล้วผมมองเห็นอะไร
เห็นผลคร่าวๆ ระหว่างไทย กับ สิงคโปรแล้ว ให้ลองเพิ่มจำนวนประชากรสิงคโปร์ เป็นห้าล้านกว่าคน
ส่วนไทย ประมาณหกสิบล้านคน ก็จะเห็นความต้องการที่มากขึ้น เรื่องที่มากขึ้น (สิงคโปรน่าจะเพิ่มปริมาณชนชั้นกลางของไทย)
(สิงคโป จีดีพี ต่อหัว 60,000 USD ไทยจีดีพีต่อหัว 10,000 USD)
ตอนนี้ไทย มีค่าแรงขั้นต่ำที่ 300 บาท ซึ่งสูงกว่าบางประเทศ
คราวนี้ ลองเอาไทยไปเปรียบกับประเทศอื่นในกลุ่ม AEC ดู เราก็จะคาดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
ต่อไปแยกแรงงานหลายระดับขึ้น ก็จะค่อยเห็นภาพ ไปเรื่อยๆ
แล้วยังงัยล่ะ มันอาจจะไม่แย่เหมือนที่คิดก็ได้
"ก้อไม่รุสินะ ..."
แค่ผมลองเทียบๆ แล้วลองถามตัวเองดูว่า งานที่ทำใช้ทักษะแค่ไหน แต่ละวันที่ผ่านไปพัฒนาตัวเองอย่างไร
แค่ลองคิดดู หากว่า AEC เราจะอยู่ตรงไหน
ทุกท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไรครับ .........
สมมุติว่า AEC
สมมุติว่า
ไทยเปิดการค้าเสรีกับสิงคโปร์ (แน่นอนว่า สิงคโปรอันดับสูงกว่าไทย) ทุกอย่างในตลาดเคลื่อนที่ไปมาหากันได้หมด ประหนึ่งว่าเป็นตลาดเดียวกัน
สินค้า แรงงาน และอื่นๆ
สมมุติว่า ในตลาดร่วมไทยสิงคโปร์นี้ มี แรงงานสองระดับ
1. well-educated skilled worker ย่อว่า แรงงานชั้นสูง
2. less-educated,low skilled worker ย่อว่า แรงงานชั้นล่าง
สมมุติว่า
100 คนที่ สิงคโปร์ มีแรงงานชั้นสูง 80 แรงงานชั้นล่าง 20
1000 คนที่ไทย มีแรงงานชั้นสูง 200 แรงงานชั้นล่าง 800
แน่นอนว่า ที่สิงคโปร ค่าจ้างแรงงานสูงกว่าไทย ทั้งแรงงานชั้นสูงและแรงงานชั้นล่าง (แม้บางทีความสามารถเท่ากัน)
หากตลาดรวมตัวกันจะเกิดอะไรขึ้น (แรงงานชั้นล่างของสิงคโปร์ จะตกงานมั๊ย หรือว่า แรงงานชั้นสูงของสิงคโปร์โดนแรงงานชั้นสูงจากไทย เบียดราคา)
สิ่งแรกคือ
ตลาดใหญ่ขึ้น จากตลาดเล็ก ๆ ของสิงคโปร กลายเป็นตลาดที่ขนาดใหญ่ มีผู้คนในตลาดมากถึง 1100 คน แน่นอนว่า สิงคโปร์ดีใจมาก
เนื่องจากเงินในตลาดมากขึ้น (ปัจจุบันประมาณ 3% ของเงินปันผลของธนาคารไทยก็ต้องส่งให้ผู้ถือหุ้นจากสิงคโปรอยู่แล้ว (กำไรแบ้งไทย แสนล้าน))
มาดูตลาดแรงงานชั้นสูงของสิงคโปร จาก 80 คน เป็น 280 คน (รวมแรงงานชั้นสูงของไทย)
แน่นอนกว่า ตลาดแรงงานชั้นสูงของสิงคโปรได้รับแรงกดดันจากตลาดแรงงานชั้นสูงของไทย เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น
แต่ ต้องไม่ลืมว่า ขนาดตลาดที่ใหญ่ขึ้นเป็น 1100 คนนั้น จะมีความซับซ้อนมากขึ้น ก่อให้เกิด ความต้องการใหม่ๆ เกิดสิ่งจำเป็นใหม่ๆ
ยกอย่าง (มั่วๆ ) เช่น
- คนไทยต้องการเรียนภาษาสิงโปร์ (สมมุติ ว่าไม่ใช่ภาษาอังกฤษ)
- คนไทยไปเรียนที่สิงคโปรเยอะขึ้น (เพราะมาตรฐานมหาลัยที่ไทยเติบโตลง)
- คนสิงคโปรต้องการเรียนภาษาไทย อยากทำอาหารไทย อยากมาเที่ยว มาพักผ่อนเมืองไทย
_ ต้องการ ผุ้ช่วยที่เป็นคนไทย เพื่อคุยกับลูกค้าที่เป็นคนไทย @#??
จิปาถะ
จากประชากรที่เพิ่มขึ้น งานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ ตลาดแรงงานขยายขึ้นด้วย ต้องเพิ่มห้องเรียน ต้องขยายตึก ต้องเพิ่มบุคลากร (สมมุติว่า ครู เป็นแรงงานชั้นสูง หรือปล่าว?)
จะเห็นได้ว่า แรงงานชั้นสูงมีการกระจายตัวในแนวนอนเข้าไปยังตลาดที่ขยายขึ้น หรือ ต้องเข้าไปรองรับตลาดใหม่ที่เกิดขึ้น ตลาดพิเศษ ตลาดเฉพาะ
(เกิดห้องเรียนใหม่ วัฒนธรรมไทยสิงคโปร นักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญ )
แล้วแรงงานชั้นสูงของไทยล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่า แรงงานชั้นสูงของสิงคโปร์จะไม่ลดตัวเองลงมารับเงินเดือนน้อยๆ ของไทย
และก็แน่อยู่แล้ว แรงงานชั้นสูงของไทยก็จะเห็นว่า "อ้าว เราก็เก่งพอๆ กับพวกนั้นนี่นา" ฉะนั้น แรงงานกลุ่มนี้ก็จะดันราคาตัวเองให้สูงขึ้น
อย่าลืมว่า แบบนี้ ไม่ได้เกิดในข้ามคืน
มันจะค่อยๆ เกิด หลังจากตลาดรวมตัวกัน อาจจะมีแรงงานชั้นสูงจากสิงคโปรลดตัวลงมารับเงินเดือนไทย (แต่คงเรียกเงินสูงกว่าคนไทยปกติ เพราะต้องส่งเงินกลับไปผ่อนบ้านที่นู่น)
อาจจะมีคนไทยตั้งราคาตัวเองต่ำกว่าคนสิงคโปรนิดหน่อยเพื่อให้ได้งานทำที่สิงคโปร (แต่คงต้องสูง เพื่อสนองค่าครองชีพที่สิงคโปร)
แบบนี้ ทุกอย่างจะค่อยๆ กลืนกัน ต่อรองกัน เพื่อหาสมดุลย์
แต่ที่แน่ๆ แรงงานชั้นสูงของไทยจะดันค่าแรงของตัวเองให้สูงขึ้น เท่าๆ กับแรงงานชั้นสูงของสิงคโปร (ใครๆ ก็อยากได้เงินเพิ่ม ไม่มีใครชอบลด)
เป็นอันว่า ตลาดแรงงานชั้นบน ชิลล์ ชิลล์
งั้น ที่แย่แน่ๆ คือ แรงงานชั้นล่างของสิงคโปรหรือ !!!????
อ่ะๆ แน่อยู่แล้ว อยู่ๆ ก็มีคู่แข่งเพิ่ม แปดร้อยคนจากไทย แรงงานชั้นล่างของสิงคโปรพวกนี้ตกงานชัวร์ เพราะแรงงานชั้นล่างของไทยจะกวาดเรียบ ในราคาค่าจ้างที่ถูกกว่า
แล้วพวกนี้จะทำงัย
แรงงานชั้นล่างสิงคโปร์เหล่านี้ ก็จะเดินทางมาหางานทดแทนที่ไทย เพื่อเลี้ยงชีพ เพื่อความอยุ่รอดด้วยการทำงานและรับค่าแรงแบบไทย ๆ
จุดนี้คือ "ปัญหา" ของแรงงานชั้นล่างของสิงคโปร ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยง
มีอีกทางเลือกนึงสำหรับแรงงานชั้นล่างของสิงคโปร เพื่อที่จะรักษาคุณภาพชีวิตให้อยู่ในระดับเดิม ไม่ให้แย่ลงเหมือนแรงงานชั้นล่างแบบไทย
ก็คือ การผลักดันตัวเองขึ้นในแนวตั้ง ขยับไปอยู่ในตลาดแรงงานชั้นสูง
นั่นคือ อัพเกรดตัวเอง เรียนหนังสือ เพิ่มความรู้ พัฒนาตัวเอง
แล้วตลาดแรงงานชั้นล่างไทยล่ะ
ทุกระบบธุรกิจต้องการแรงงานชั้นล่าง ไม่ต้องใช้สมอง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องวิเคราะห์ ไม่ต้องแยกแยะ
สั่งอย่างไร ทำอย่างนั้น
พวกนี้ ยิ่งกระทบเยอะ หากจำนวนคู่แข่งในตลาดมากขึ้น ค่าแรงก็จะโดนกดลง
เหมือนคนตัดยาง ตอนนี้ตัดแบ่งครึ่ง แต่พม่าวิ่งมารับ ค่าจ้างวันละสองร้อย คนตัดยางสัญชาติไทยก็ม้วยมรณา
สรุป แล้วผมมองเห็นอะไร
เห็นผลคร่าวๆ ระหว่างไทย กับ สิงคโปรแล้ว ให้ลองเพิ่มจำนวนประชากรสิงคโปร์ เป็นห้าล้านกว่าคน
ส่วนไทย ประมาณหกสิบล้านคน ก็จะเห็นความต้องการที่มากขึ้น เรื่องที่มากขึ้น (สิงคโปรน่าจะเพิ่มปริมาณชนชั้นกลางของไทย)
(สิงคโป จีดีพี ต่อหัว 60,000 USD ไทยจีดีพีต่อหัว 10,000 USD)
ตอนนี้ไทย มีค่าแรงขั้นต่ำที่ 300 บาท ซึ่งสูงกว่าบางประเทศ
คราวนี้ ลองเอาไทยไปเปรียบกับประเทศอื่นในกลุ่ม AEC ดู เราก็จะคาดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
ต่อไปแยกแรงงานหลายระดับขึ้น ก็จะค่อยเห็นภาพ ไปเรื่อยๆ
แล้วยังงัยล่ะ มันอาจจะไม่แย่เหมือนที่คิดก็ได้
"ก้อไม่รุสินะ ..."
แค่ผมลองเทียบๆ แล้วลองถามตัวเองดูว่า งานที่ทำใช้ทักษะแค่ไหน แต่ละวันที่ผ่านไปพัฒนาตัวเองอย่างไร
แค่ลองคิดดู หากว่า AEC เราจะอยู่ตรงไหน
ทุกท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไรครับ .........