ไปเบิ่งนครพนมกับอายบ่

เริ่มต้นการเดินทางไปยังจังหวัดที่ค่อนข้างห่างไกลกับตัวผมเป็นอย่างมาก พยายามคิดว่าจะไปที่ใดสักแห่งที่ได้ใช่เวลาพักคนเดียวสักวันสองวัน เอาละเปิดหาข้อมูลอยู่ทั้งวัน เอาเป็นว่าเลือกจังหวัดที่เดินทางไปได้ง่ายหน่อยละกัน มีที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ พอให้ใช้เวลาแค่วันสองวันได้อย่างคุ้มค่า คำตอบของผมเลยมาจบที่จังหวัดนครพนมนั่นเอง

การเดินทางมานครพนมครั้งนี้มันเกิดขึ้นจากบทเพลงเอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขงครับ บังเอิญมีคนเปิดให้ได้ยิน และเข้าหูผมพอดีเลย ผมเลยหาจังหวัดที่ติดแม่น้ำโขงละกัน



จับจองตั๋ยวไปนครพนมโดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย ไปนครพนมมีสองสายการบินนะครับ นกแอร์ก็บินได้

ไปรอขึ้นเครื่องกันที่เกตสุดท้ายเลยครับ


ไปละครับฟ้าวันนี้ครึ้มๆ หวังว่าไปถึงนครพนมฝนคงไม่ตกนะ


ถึงที่หมายละครับ


เข้าสู่อาคารก็ซื้อตั๋วรถตู้ออกเดินทางต่อหนึ่งร้อยบาทครับ ไปโรงแรมไหนก็แจ้งพี่เค้าไปได้เลยครับ


มาถึงโรงแรมตองเจ็ดที่พักของผมในคืนนี้จองผ่านอโกด้ามาครับ 500 บาท ห้องสะอาดน่าพัก ฟรีไวไฟอยู่กึ่งกลางเมืองเดินเที่ยวสบายเลยครับ ตอนเช้ามีกาแฟขนมปังฟรีครับ


ด้วยเวลาอันจำกัดเดินเล่นดีกว่า จักรยาน มอเตอร์ไซต์เช่าทางโรงแรมได้เลยครับ แต่วันนี้ขอเดินละกันหยิบแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวที่ล๊อบบี้ก็ลุยเลย ทางเดินร่มรื่นครับเดินเลาะริมโขงไปเลย จุดหมายผมอยู่ที่จวนผู้ว่าหลังเก่าสองสามโลเล่นเอาหอบเหมือนกัน


ถึงที่หมายละครับ เข้าไปดูข้างในเลยดีกว่า



ภายในก็มีรูปเก่าๆ ประวัติของเมืองนครพนม ค่อยๆ เดินชม และก็แอบนั่งพักสักครู่



นครพนมเป็นจังหวัดที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายและยังคงเอกลักษณ์มาจนถึงปัจจุบัน


เดินออกมาด้านนอกมีมุมถ่ายภาพน่ารักๆ ด้วยครับ


อาคารด้านหลังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีไหลเรือไฟครับ




เดินออกมาด้านนอกก็ลืมไปว่ายังไม่ทานข้าวเจอละครับร้านบ้านกาแฟ และร้านอาหารข้างๆ เลยครับไมารอช้ากินข้าวก่อนนะครับ





เดินไปอีกนิดก็จะถึงโบสถ์คริสละครับแต่พอดีใกล้เวลาลงเรือล่องแม่น้ำโขงคงต้องไปขึ้นเรือก่อนนะครับ
ผมเดินเท้าต่อกลับไปขึ้นเรือท่าเรือจะอยู่ตรงข้ามตลาดอินโดจีนเลยครับ


ค่าเรือ 50 บาทครับพร้อมแล้วไปเลย เรือออกห้าโมงเย็นนะครับ


คนเต็มพร้อมไปละครับ บนเรือมีขนม เครื่องดื่ม ลูกชิ้นอร่อยๆ ขายผมก็จัดลูกชิ้นจนอิ่มท้อง


เรือออกละครับ จุดแรกเห็นบันไดสะพานนาคคู่ ซึ่งคุณพี่ผู้บรรยายเล่าได้ออกรสชาติไอ้ผมก็เส้นตื้นขำอยู๋คนเดียว แกบอกว่าสะพานนี้ถ้ามากับแฟนได้แต่งงานกันแน่นอนฟันธง


ติดๆ กันก็ท่าเรือข้ามไปฝั่งท่าแขกครับ


เรือเลาะฝั่งนครพนมไปจนถึงโบสถ์นักบุญอันนา ก่อนจะวกข้ามไปและฝั่งท่าแขกครับ


บรรยากาศฝั่งท่าแขกครับ




กลับมาถึงฝั่งไทยก็เย็นย่ำละครับ


พร้อมเดินไปถนนคนเดินต่อละครับ แต่ผ่านวัดโอกาศ และศาลเจ้าพ่อหมื่นก็ขอถ่ายภาพไว้หน่อยละครับ


มาเดินเล่นถนนคนเดินต่อแต่ไม่รู้จะกินอะไรแล้วละครับเพราะยัดลูกชิ้นมากเกินไป เลยได้แต่มอง กินไอติมหน่อยละกันครับ


วันนี้คงโชคดีถ่ายภาพติดดาวตกซะงั้น


มีร้านอาหารอีกเยอะเลยครับแต่ด้วยความที่มาคนเดียวจะจัดทุกร้านคงไม่ไหวแน่นอนไว้โอกาสหน้าละกันนะครับ


เดินจนหมดแรงขอตัวกลับไปนอนพักแล้วพรุ่งนี้ค่อยเดินเล่นต่อก่อนที่จะกลับกรุงไปทำงานนะครับ


ตื่นแต่เช้าไปเดินเล่นต่อ ก่อนอื่นทานขนมปัง กาแฟอุ่นๆ ที่โรงแรมก่อนได้เลยครับฟรีตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 10 ครับ



วันนี้ก่อนจะกลับไฟล์บ่าย ก็ไปไหว้พระธาตุประจำวันเกิดของผมเองวันเสาร์ครับที่วัดพระธาตุนคร แต่วันนี้นั่งรถสกายแล๊ปท่าจะดีกว่า 20 ครับถึงที่เลย


ถึงวัดละครับ





เดินย้อนกลับไปที่พัก ขอเดินถ่ายรูปเล่นละกันครับ มากันที่วัดกลางนะครับ



อีกวัดครับ วัดโพธิ์ศรี ซึ่งเดินไปเดินมาตอนนี้ก็เริ่มหมดแรง เลยได้นั่งพักที่วัดนี้ละครับ



ระหว่างทางก็สังเกตุว่ามีร้านน่ารักๆ ที่พักบรรยากาศดีๆ ติดริมโขง อยู่ตลอดเส้นทาง แต่คงเช้าไปละครับเงียบเลย





เก็บภาพกลับบ้านไปเรื่อยๆ เท่าที่เท้าคู่น้อยๆ จะก้าวไปไหว เห็นคนถ่ายรูปกันสนุกสนานไอ้เราก็มาคนเดียวเลยไม่รู้จะถ่ายตัวเองยังไง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่