กว่าจะถึงยุคพระศรีฯ

กระทู้สนทนา
เสียงสายน้ำฝนกระแทกหลังคามุงจากปลุกผมตื่นจากที่นอน แสงแดดอ่อนยามเช้าสอดส่องลอดเข้ามาผ่านผ้าม่านบางๆที่ห้อยแขวนท่ามกลางหน้าต่างบ้านที่หันหน้าไปทางตะวันออก ผมลุกขึ้นจากที่นอนที่เป็นผ้าผืนบางๆปูลงกับพื้นฟากไม้ไผ่ ไอความเย็นลอดผ่านช่องเล็กๆซีกฟากไม้ไผ่ประทะกับลมเย็นทีเล็ดลอดผ่านหน้าต่างและช่องลมเล็กๆที่จั่วหลังคารวมกันทำให้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นยะเยือกชวนให้ขนลุกทั้งตัว ผมตั้งใจว่าวันนี้จะออกไปหาของป่า ไปเก็บเห็ดป่าและเอาหัวมันจากสวนของผมไปแลกกับข้าวสารแต่ก่อนออกไปต้องหาอะไรรองท้องก่อน ฝนหยุดตกแล้วเหลือแต่ละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายเพียงเล็กน้อย

เสียงสายฝนหยุดตก เป็นทีที่เสียงนกร้องออกหากินจะเข้ามาแทนที่ นกร้องเสียงก้องหู “จิ๊บๆ จิ๊บๆๆ ....” ไอจากหม้อนึ่งที่ตั้งบนกองฟืนกระทบอากาศหนาวเกิดเป็นไอน้ำลอยขึ้นพัดปลิวผ่านใบหน้า กลิ่นมันนึ่งคละเคล้าควันฟืนจางๆรับรู้ได้ผ่านประสาทสัมผัสทางจมูก แสงแดดอ่อนๆขจัดความหนาวเย็นยะเยือกออกจากแขนขาได้บ้าง สัมผัสลิ้นรับรู้ถึงความหวานของมันนึ่งทีเพิ่งยกออกจากหม้อ หลังจากท้องเริ่มหนักแล้วผมใส่เสื้อผ้าแขนยาว กางกางขายาวและรองเท้าบู๊ทเพื่อเตรียมตัวเดินทางเข้าป่า ระยะทางที่คาดไว้ไม่น่าจะเกิน 5 กิโลเมตร

สายเส้นแสงอาทิตย์ลอดผ่านพุ่มใบบนต้นไม้ใหญ่สูง แว่วเสียงนกร้องในป่าดังกังวานมาแต่ต้นไทรไกลออกไปนับกิโลฯ "อู๊ก อู๊ก อูก-อ๊อก " สำเนียงเสียงที่ฟังแล้วคล้ายเสียงหัวเราะ "อ-กว้ากว้ากว้า" ดังตามมา ความเพลิดเพลินกลมกลืนร่างกายความคิดไปกับธรรมชาติทำให้ลืมเหนื่อย รู้สึกตัวอีกทีก็เดินมาไกลกว่า 5 กิโลแล้ว เก็บเห็ดป่าได้เต็มกระบุงแล้ว ตั้งใจว่าจะเอาไปแลกข้าวสาร

สายน้ำลำธารใสไหลเอื่อยๆ ฝูงปลาโผล่หัวขึ้นตอดผิวน้ำ ปลาตกใจว่ายหนีคนละทิศละทางเมื่อผมกวักน้ำขึ้นมาประทะกับใบหน้า น้ำเย็นเรียกความสดชื่นได้อย่างดีนัก ผมค่อยๆใช้มือตักน้ำขึ้นมาดื่มแต่ต้องชะงักเมื่อลูกปลาตัวน้อยวนว่ายในอุ้งมือ ผมเผยอสันมือเล็กน้อยเพื่อให้เกิดช่องว่างน้ำไหลผ่านพร้อมตัวลูกปลาน้อย น้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ไร้กลิ่นใดๆไหลผ่านเข้าลำคอดับความกระหายได้ยิ่งนัก จากนั้นผมเดินผ่านลำธารไปอีกไม่ไกลก็เจอหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้มีอยู่ประมาณ 8 ครอบครัวจับกลุ่มรวมตัวกันต่างจากบ้านของผมที่เลือกจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดาย

แกงเห็ดป่าสารพันเห็ด มีทั้งเห็ดแดง เห็ดถ่าน เห็ดเหลือง เห็ดขาว ตามด้วยผักติ้ว ชะอม แมงลัก มะระขม พริก เกลือ น้ำปลา ปลาร้า เพื่อนต่างหมู่บ้านต้อนรับด้วยการทำแกงเห็ดป่าจากเห็ดที่ผมเก็บมา ข้าวสวยๆร้อนๆที่ตักใส่จาน ละมุนลิ้นกับความหอมหวานของน้ำผัก ความกลมกล่อมของปลาร้า น้ำปลาเกลือรับรู้รสชาติได้ที่ช่วงปลายลิ้นและข้างๆลิ้น ด้านข้างส่วนกลางของลิ้นรับรสกลิ่นหอมของใบแมงลัก รสขมไม่มากของมะระขมสัมผัสได้ที่โคนลิ้น ใกล้เที่ยงแล้ว ถึงเวลาแล้วสินะที่ต้องกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง ???

แสงแดดย่ามเที่ยงวันสาดส่องสว่าง ทันใดนั้นความมืดมาเยือนเมื่อแสงอาทิตย์ค่อยๆลดแรงลงจนมืดมิดดับไปกลายเป็นความมืดดำวังเวง เสียงอากาศเสียงลมพัดผ่าน เสียงนกร้องแมลงบินเงียบลงหายลงเหมือนมีคนปิดสวิทซ์ลำโพง ผมค่อยๆลุกขึ้นมาจากแคปซูลนอน ถอดแถบแม่เหล็กที่แปะอยู่ข้างหัวออกทั้งสองข้าง แถบแม่เหล็กนี้โยงเข้าเครื่องช่วยฝันที่อัพเดทซอฟท์แวร์รุ่นล่าสุด เสียงท่อลมสำหรับลำเลียงออกซิเจนจากเครื่องกำเนิดออกซิเจนสู่โรงพักอาศัยที่แบ่งเป็นห้องๆเสียงดังกรีดร้องเหมือนจะขาดใจ

ค.ศ. ที่ 39xx อากาศบนโลกไม่สามารถใช้หายใจได้โดยตรงแล้ว ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้นมากเกินกว่าที่แสงแดดจากดวงอาทิตย์จะเล็ดรอดมายังพื้นโลกได้ พื้นดินและพื้นน้ำที่มีสภาพเป็นกรดสูงเกิดจากฝนกรดที่ตกลงมาจากไอน้ำในอากาศที่สัมผัสกับสารไนโตรเจนไดออกไซด์ กระบวนการการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ไม่สามารถทำได้ และต้นไม้ตามธรรมชาติก็ไม่มีอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว จะมีก็มีแต่ต้นไม้สังเคราะห์จากเครื่องกำเนิดออกซิเจนเท่านั้น มันถูกตัดแต่งพันธุกรรมให้ผลิตออกซิเจนได้โดยไม่ต้องใช้แสงแดด ใช้เพียงแต่สารอาหารเท่านั้น และอาหารชนิดเดียวสำหรับต้นไม้ที่เหลืออยู่ในโลกนี้ก็คือมนุษย์ ศพมนุษย์นั่นเอง

ท่อลำเลียงสิ่งของดังส่งสัญญาณว่ามีของถูกส่งมาถึงแล้ว ผมรู้แล้วว่ามันคือแคปซูลพลังงาน ผมกลืนแคปซูลนี้เข้าปากอย่างไร้รสชาติพร้อมจินตนาการถึงแกงเห็ดป่าที่ฝันถึง จากนั้นผมสวมเสื้อโค้ทคลุมทั้งตัวและใส่หมวกครอบหัวที่มีสายเชื่อมกับถังออกซิเจน ถึงเวลาที่ต้องออกไปทำงานแล้ว

ในทุกๆวันผมต้องขึ้นยานสำรวจออกไปตะเวนเก็บตัวอย่างปริมาณสารพิษทีอยู่ในดิน อากาศและน้ำ รวมถึงตัวอย่างปริมาณสารกัมมันตภาพรังสี ในปี ค.ศ. 2xxx ได้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ทำลายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ร้าง แม้เตาปฏิกรณ์นี้จะถูกเลิกใช้ไปหลายปีแล้วแต่แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วยังถูกเก็บแช่ไว้ในบ่อก็ประทุระเบิดออกมาและแผ่กัมมันตภาพรังสีออกไปยังเตาอื่นๆ มนุษย์ไม่สามารถควบคุมได้ ทำได้แค่เพียงหลบหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ผลจากภัยพิบัติส่งผลให้ระบบควบคุมขยะสารพิษจำนวนมหาศาลจากทั่วโลกไม่สามารถจัดการได้ ระบบไฟฟ้าล้มเหลวเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมสารพิษเป็นอัมพาต สารพิษรั่วไหลลงสู่แม่น้ำและอากาศ โดยที่มนุษย์ทำได้แค่ยืนดูอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่ต้องพูดถึงสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆในธรรมชาติ แม้มันจะไม่สูญพันธุ์ในทันที แต่ระยะเวลาไม่นานที่สารพิษเริ่มกระจายตัวและทำปฏิกิริยากันครอบคลุมทั่วโลก สัตว์ก็ไม่สามารถที่จะวิวัฒนาการทันเพื่อให้อยู่ได้กับสภาพแวดล้อมใหม่ สัตว์บางสายพันธุ์ไม่ตายแต่ระบบการสืบพันธุ์ค่อยๆเสื่อมลงจนไม่สามารถสืบพันธุ์ได้

มนุษย์ตายไปประมาณ 4 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งหมดจากทั่วโลก พวกที่เสียชีวิตเป็นพวกที่ไม่สามารถหาที่หลบภัยได้ทันและสภาพร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ มนุษย์ที่รอดคือพวกที่สามารถเข้าไปหลบภัยได้ทันหรือบุคคลสำคัญของโลกในช่วงนั้นถูกรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป นักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญก็ได้รับความคุ้มครอง

“หัวหน้าครับ ตัวอย่างปริมาณสารพิษในช่วง 60 ปีมานี้จากการเทียบผลบันทึก ผมคิดว่าปริมาณสารพิษลดลงมามากพอที่จะทำการทดลองปลูกพืชบริเวณนั้นได้แล้วครับ” ผมพูดพร้อมส่งตัวอย่างปริมาณสารพิษให้กับหัวหน้า

“ดีมาก แม้ว่าผลการทดลองปลูกพิษในสภาพแวดล้อมจากทั่วโลกยังไม่เคยประสบความสำเร็จเลย แต่เราก็มีความหวังลึกๆว่าสถานีเราจะเป็นสถานีแรกในโลกที่ประสบความสำเร็จในการปลูกพืชจริงๆ” หัวหน้าสถานีพูดจบก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่างโดมสถานีที่มีระบบกระจายออกซิเจนทั่วทั้งโดม ภาพภายนอกเป็นพื้นดินแดงออกสีน้ำตาลไหม้

“เคยมีคนพูดว่าตำแหน่งสถานีเราตอนนี้เคยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีสัตว์ป่ามากมาย เรียกได้ว่าเป็นครัวของโลกเลยก็ว่าได้” หัวหน้าเคลิ้มกับคำบอกเล่าที่เคยได้ยินมา

คำบอกเล่าที่หัวหน้าเล่าให้ฟังนั้นผมเคยเห็นมาแล้วจากความฝันที่เครื่องช่วยฝันบอกเล่าให้ผมฟังทุกวัน เพียงแต่ผมไม่เคยสัมผัสกับมันจริงๆผ่านอายตนะทั้ง 5 ของผม ก็มีเพียงแต่ใจเท่านั้นที่สัมผัสกับมันได้

“ไม่เพียงแต่พืชเท่านั้นที่เราได้พยายามเก็บ DNA ของมันไว้ DNA ของสัตว์เราก็สามารถที่จะทำการปลูกถ่ายให้มันกลับมามีชีวิตได้ แต่ต้องให้สภาพแวดล้อมจริงๆของเราได้รับการบำบัดก่อน ไม่อยากจะนึกถึงว่ามันจะใข้เวลากี่ชั่วอายุคนกัน” หัวหน้าพูด

“ถ้าเป็นตามที่หัวหน้าพูด ชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นได้สัมผัสกับต้นไม้หรือสัตว์แน่ๆ แล้วทำไมเราถึงไม่ช่วยธรรมชาติบำบัดด้วยล่ะ จะได้เร่งเวลาให้เร็วขึ้น”

“โลกเราใบนี้มันกว้างใหญ่มาก กำลังของมนุษย์อย่างเราๆไม่เพียงพอที่จะไปทำแบบนั้นได้ ถึงทำได้ก็ไม่ได้ช่วยเร่งเวลาอะไรให้เร็วขึ้นได้เลย ความจริงแล้วโลกเราใบนี้เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก มันสามารถที่จะฟื้นฟูตัวเองได้ตลอดเวลาขอแค่มนุษย์ไม่ไปรบกวนมันแค่นั้นเอง เห็นมั้ยว่าหลายร้อยปีที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้วสารพิษในธรรมชาติก็ค่อยๆลดลง” หัวหน้าอธิบาย

“ผมก็พอจะเข้าใจนะครับว่าโลกที่เต็มไปด้วยสารพิษทุกวันนี้เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเองที่ช่วยกันสะสมสารพิษ พอควบคุมมันไม่ได้มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายพวกเราเอง สัตว์ ต้นไม้ ธรรมชาติต่างเป็นผู้รับกรรมที่มนุษย์เราก่อขึ้นทั้งนั้น ท่านคิดว่าเมื่อทรัพยากรธรรมชาติกลับมามีชีวิตดังเดิมแล้วมนุษย์จะทำลายมันอีกเหมือนในประวัติศาสตร์หรือไม่”

"มนุษย์เราเป็นสัตว์โลกที่มีปัญญา เมื่อเคยก้าวผ่านความผิดพลาดที่ร้ายแรงมาแล้วก็ย่อมมีแนวโน้มที่จะจดจำความผิดพลาด แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้หรอกว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย สิ่งที่พวกเราทำอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่การแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดของบรรพบุรุษของเรา แต่มันคือการแก้ไขความผิดพลาดของตัวเราเองในในฐานะมนุษย์" หัวหน้าตอบ

"บางทีผมก็ยังไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ผมจะให้กำเนิดผมมาทำไมเพื่อให้มาเจอกับสภาพแบบนี้ สภาพที่ไม่มีอากาศ ท้องฟ้า ต้นไม้และสัตว์" ผมถามอย่างข้องใจ

"เธอคงจะใช้เครื่องช่วยฝันมากจนเกินไปทำให้จิตของเธอเกิดการเปรียบเทียบ ความจริงแล้วความสุขของเรานั้นอยู่ที่ใจไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะเป็นยังไงหากใจเราเป็นสุข เราก็จะลืมความทุกข์ไปหมดสิ้น แล้วที่เธอบอกว่าพ่อแม่จะให้เกิดมาทำไมเพื่อให้มาเจอสภาพแวดล้อมแบบนี้ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนัก ท่านทั้งสองก็ยังมีความหวังว่าลูกหลานของเขาจะมีซักวันหนึ่งจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง เหมือนความหวังของเธอเองนั่นแหละ"

"จริงของท่านครับ ผมขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ" ผมเดินกลับโรงพัก ผมคิดว่าจะเลิกใช้เครื่องช่วยฝันจำลองสภาพแวดล้อมที่สวยงามแล้ว จะใช้มันในการศึกษาศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาการของมวลมนุษยชาติดีกว่า

เวลาผ่านไปมนุษย์โหยหาถึงธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างโปรแกรมจำลองสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติในขณะที่มันยังบริสุทธิ์อยู่ และยังเป็นฐานข้อมูลเก็บเรื่องราวในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของมนุษย์เอาไว้ สิ่งที่ทำให้มนุษย์ดำรงสืบเผ่าพันธุ์ต่อไปได้คือการคาดหวังว่าซักวันหนึ่ง เหลนของเหลนของเหลนของเหลนหรือจะยาวนานไปอีกหลายรุ่นจะได้เป็นตัวแทนพวกเค้าออกไปสัมผัสธรรมชาติจริงๆจากโลกใบนี้

ในอีกพันปีข้างหน้าโลกมนุษย์ฟื้นฟูเข้าสู่สภาพเดิมแท้ โลกได้เข้าสู่ยุคพระศรีอารย์ วิทยาการเจริญก้าวหน้าโดยไม่มีการเบียดเบียนธรรมชาติเลย แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่แสดงถึงความเจริญก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติอันสูงสุดคือ การที่ไม่มีกฎหมายและศาสนา ไม่มีใครจำเป็นต้องใช้สิ่งนั้นอีกแล้ว เมื่อไม่มีใครละเมิดสิทธิหรือทำร้ายใครและมนุษย์เรียนรู้ที่จะมีความสุขจากใจตัวเอง สิ่งเหล่านี้มีพูดถึงอยู่บ้างในเรื่องของ "วรรณกรรมโบราญ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่