คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมเขาใจเกษตรกรว่าถูกกดขี่มานานจากพ่อค้าคนกลาง ปัญหาจึงไม่ใช่รัฐบาลแต่เป็นพ่อค้าคนกลางซะเป็นส่วนใหญ่ และที่พูดมานี่ก็สมัย 20-30 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเกษตรกรไม่ได้จนและไม่ได้โง่เหมือนก่อน ดังนั้นความไม่พอดีของคนจึงเกิดความโลภ ผมไม่เชื่อว่าราคาพืชผลตกต่ำแล้วจะทำให้เกษตรกรจนลง เพราะเมื่อก่อนเราก็อยู่กันได้ ผมไม่ได้เชียร์รัฐบาลชุดนี้มากนัก เพราะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการไปประกันราคาพืชผลมากๆ รัฐบาลนี้ก็อยู่ไม่ได้ เช่น ยางพารา ปาล์ม ทั้งที่รู้สวนยาง สวนปาล์ม จะเป็นของพวกนายทุนเป็นส่วนใหญ่ รัฐก็ยังยอมข้อเรียกร้อง และต่อไปก็จะเป็นพืชผักอื่นตามมาแน่นอน ถ้าไม่ช่วยก็จะเป็นการเลือกปฏิบัติอีก การทำอย่างนี้ของรัฐบาลจะทำให้ท่านได้คะแนนเพิ่มเหรอะ มีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ การได้มาอย่างนี้ถือเป็นผลพลอยได้ อย่างสมัยพรรคประชาธิปัตย์บริหารประเทศ ผมก็ไม่เห็นชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน มาเรียกร้องและจะได้อย่างรัฐบาลนี้ไม่มี ผมอยากเห็นรถไฟความเร็วสูง อยากเห็นน้ำไม่ท่วม ถ้าบริหารจัดการและแบ่งโซนน้ำ เกษตร พวกเกษตรกรก็จะอยู่ดีมีสุข ดังนั้นอยากให้หยุดและรอให้ประเทศเดินหน้าอีกนิด
แสดงความคิดเห็น
จะปลุกม๊อบข้าวโพด.....ทำไม?
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM09EYzVOVGN5TUE9PQ==&subcatid=
สส.ปชป. ปลุกม็อบไร่ข้าวโพด จี้รัฐป้องกันการผูกขาดตลาด เยียวยาราคาตกต่ำ
วันที่ 10 ก.ย. ที่รัฐสภา นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก และนายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด เนื่องจากขณะนี้เกิดปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำมากที่สุด ไม่คุ้มต้นทุนการผลิตทั่วทุกภาค
นายนคร กล่าวว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดทั่วประเทศ 4.8 แสนครัวเรือน โดยภาคเหนือมีปริมาณการผลิตสูงสุด แต่รัฐบาลกลับละเลยไม่มีความจริงใจช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดซึ่งได้ชื่อว่ายากจนที่สุด ปล่อยให้มีการผูกขาดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยมีรัฐมนตรี และข้าราชการบางคน สมรู้ร่วมคิดกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่เหนือรัฐบาลครอบงำตลาดในประเทศ พร้อมทั้งกีดกันไม่ให้ผลิตสายพันธุ์เปิด แต่ให้ผลิตสายพันธุ์ปิด ทำให้เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาเกินกว่าความเป็นจริง คือ 150 ต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับการซื้อปุ๋ยยาที่รัฐบาลก็ปล่อยให้มีการผูกขาดตัดตอน โดยที่ไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆ อย่างไรก็ตามขณะนี้ราคาข้าวโพดฝักยังไม่ได้สีอยู่ที่ 3.40 – 3.70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าราคาทุนอยู่ที่ 4.50 – 5 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจึงเรียกร้องผ่านส.ส.ในพื้นที่มายังรัฐบาลให้ช่วยเหลือในก.ก.ละ 5.50 บาท ส่วนข้าวโพดสีก็ราคาตกต่ำจนไม่สามารถอยู่ได้ จึงเรียกร้องขอกิโลกรัมละ 10 บาท
นายนคร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้มติคณะรัฐมนตรี ที่ให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านอัตราภาษี 0 เปอร์เซ็นต์ และไม่จำกัดจำนวนจนถึงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาในประเทศจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร โดยที่รัฐบาลไม่มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ ดังนั้นรัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าเพราะเหตุใดต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในอัตราภาษี 0 เปอร์เซ็นต์ และไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ตนขอให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดรวมตัวกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากรัฐบาล ก่อนที่เกษตรกรทั่วประเทศจะตกอยู่ในสถานะล้มละลาย และเท่าที่ตนทราบขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ได้ประชุมกันในระดับภาคแล้ว โดยขอเวลา 3 วัน รอความชัดเจนจากรัฐบาล หากไม่มีมาตรการป้องกันการผูกขาดหรือเยียวยา ตนคิดว่าเกษตรกรคงไม่อดทนอีกต่อไป ซึ่งไม่ต่างกับชาวสวนยางพารา
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
นึกในใจไม่มีผิด จะต้องสร้างม๊อบไปโน่น ม๊อบนี่ไปเรื่อย
ในสภาก็สร้างความวุ่นวาย
จะให้ประเทศมันเละไปกับมือพวกคุณหรือไร?