ห้าเดือนที่แล้ว แฟนเราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุค่ะ เราอยู่ด้วยกันมาตลอดแทบไม่เคยแยกจากกัน แฟนเป็นคนอังกฤษค่ะ เรากับแฟนรักกันมากมาตลอด แต่คืนที่แฟนเสียชีวิต เราทะเลาะกัน เราพูดสิ่งที่ทำให้เค้าสติแตก เราเมากันทั้งคู่ เราเขวี้ยงรองเท้าเค้าออก ขอเลิก เราว่าเค้าเป็นคนขี้แพ้ เราไม่ต้องการอยู่กับคนขี้แพ้อย่างเค้า เค้าขึ้นไปขี่มอเตอร์ไซค์โดยที่ไม่ใส่รองเท้า เราเขวี้ยงหมวกกันน๊อคเค้าออก เค้าขับมอเตอร์ไซค์ออกไปเลย หลังจากนั้นประมาณสิบนาที เค้าก็โทรศัพท์หาเรา(มันขี้นเป็นเบอร์เค้า) เรารับสาย ปรากฏว่าเป็นตำรวจ บอกว่ามีอุบัติเหตุ อยากให้มาที่ที่เกิดเหตุหน่อย เราขอคุยกับแฟนเรา ตำรวจเลยตอบออกมาว่าเค้าเสียชีวิตแล้ว ขับมอเตอร์ไซค์ชนแผงกั้นถนน คอกระแทกราวเหล็ก เสียชีวิตทันที อยากให้เรามายืนยันศพ เราไปยืนยันศพที่สถานีตำรวจ เราไม่เคยกลัวเท่านั้นมาก่อนในชีวิต แต่ศพแฟนเราดูเหมือนกำลังหลับมากกว่า ไม่มีเลือดเลย เราจัดการทุกอย่างที่เราควรทำในคืนนั้น แล้วกลับที่ห้องทีเคยอยู่ด้วยกัน จนเช้า
เราติดต่อเพื่อนของเค้า เพือนและครอบครัวของเรา ทุกคนตกใจมากเพราะเราสองคนแทบไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำ เป็นคู่ทีหัวเราะกันตลอดเวลา แฟนเราเป็นทีรักของทุกๆคน เราติดต่อสถานฑูตอังกฤษ จัดการเรื่องส่งศพ คุยกับครอบครัวเค้า หลังจากผ่านไปประมาณอาทิตย์นึงกับการจัดการเรื่องของเค้า เราก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ เรายังคงอยู่ในห้องที่เคยอยู่ด้วยกันสองคน คนเดียวเงียบๆ เราเพิ่งเรียนจบ และได้งานก่อนที่เค้าจะเสียชีวิตเพียงสองวัน (จริงๆวันที่ไปดื่มกันจนเมาในคืนที่เค้าเสียชีวิตคือเราฉลองที่เราได้งานกันค่ะ)
เราไปเริ่มทำงานที่ใหม่ โดยไม่ได้บอกใครเรื่องที่เกิดขึ้น และทำตัวร่าเริงแจ่มใสตามปกติ แต่เรารู้สึกเหมือนชีวิตที่ไม่มีเค้ามันว่างเปล่าและไม่มีอะไรที่เราสนใจจริงจังเลย เราใช้ชีวิตอย่างนั้นเรื่อยมา จนเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ แม่เราโทรมาบอกว่ามีเนื้องอกในสมอง ต้องผ่าตัดวันที่สิบเจ็ดกันยายนนี้
เรานึกถึงเพื่อนสนิทคนที่รักเรามากคนนึง ที่มักมาหาเราเสมอ แม้ว่าเราจะอยู่ไกลแค่ไหน รับฟังเราเสมอไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน ถ้าเราโทรไปหา
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม จนถึงมหาลัย เค้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟ ถูกรถไฟทับและลากศพไปจากอยุธยาจนถึงลพบุรี เราไปรับศพเพื่อนที่เลือดยังไหลจากหัวไม่หยุดในเช้าตรู่วันนั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ถึงปีจนเรามาเจอกับแฟนเราที่เสียชีวิตคนนี้
เราเพิ่งรู้ตัวว่าเรากลัวมากแค่ไหนและโดดเดี่ยวแค่ไหน เราเพิ่งรู้ตัวว่าเราปลีกตัวออกห่างจากสังคมมากขนาดไหน เราเลิกเล่นเฟซบุ๊คตั้งแต่เพื่อนสนิทตาย และเริ่มเกลียดงานฉลองต่างๆที่ต้องเจอคนเยอะๆ จนเรารู้ข่าวของแม่เรา เรารู้ว่าแม่เราเหงาแค่ไหน เราไม่สนใจจะทำงานอีกต่อไป เราลาออกมาได้สองอาทิตย์แล้ว
หาข้อมูลในเนตดูแล้วเรารู้สึกเหมือนจะเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เราไม่แน่ใจว่าเราควรไปพบจิตแพทย์มั้ย
เราติดต่อเพื่อนของเค้า เพือนและครอบครัวของเรา ทุกคนตกใจมากเพราะเราสองคนแทบไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำ เป็นคู่ทีหัวเราะกันตลอดเวลา แฟนเราเป็นทีรักของทุกๆคน เราติดต่อสถานฑูตอังกฤษ จัดการเรื่องส่งศพ คุยกับครอบครัวเค้า หลังจากผ่านไปประมาณอาทิตย์นึงกับการจัดการเรื่องของเค้า เราก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ เรายังคงอยู่ในห้องที่เคยอยู่ด้วยกันสองคน คนเดียวเงียบๆ เราเพิ่งเรียนจบ และได้งานก่อนที่เค้าจะเสียชีวิตเพียงสองวัน (จริงๆวันที่ไปดื่มกันจนเมาในคืนที่เค้าเสียชีวิตคือเราฉลองที่เราได้งานกันค่ะ)
เราไปเริ่มทำงานที่ใหม่ โดยไม่ได้บอกใครเรื่องที่เกิดขึ้น และทำตัวร่าเริงแจ่มใสตามปกติ แต่เรารู้สึกเหมือนชีวิตที่ไม่มีเค้ามันว่างเปล่าและไม่มีอะไรที่เราสนใจจริงจังเลย เราใช้ชีวิตอย่างนั้นเรื่อยมา จนเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ แม่เราโทรมาบอกว่ามีเนื้องอกในสมอง ต้องผ่าตัดวันที่สิบเจ็ดกันยายนนี้
เรานึกถึงเพื่อนสนิทคนที่รักเรามากคนนึง ที่มักมาหาเราเสมอ แม้ว่าเราจะอยู่ไกลแค่ไหน รับฟังเราเสมอไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน ถ้าเราโทรไปหา
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม จนถึงมหาลัย เค้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟ ถูกรถไฟทับและลากศพไปจากอยุธยาจนถึงลพบุรี เราไปรับศพเพื่อนที่เลือดยังไหลจากหัวไม่หยุดในเช้าตรู่วันนั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ถึงปีจนเรามาเจอกับแฟนเราที่เสียชีวิตคนนี้
เราเพิ่งรู้ตัวว่าเรากลัวมากแค่ไหนและโดดเดี่ยวแค่ไหน เราเพิ่งรู้ตัวว่าเราปลีกตัวออกห่างจากสังคมมากขนาดไหน เราเลิกเล่นเฟซบุ๊คตั้งแต่เพื่อนสนิทตาย และเริ่มเกลียดงานฉลองต่างๆที่ต้องเจอคนเยอะๆ จนเรารู้ข่าวของแม่เรา เรารู้ว่าแม่เราเหงาแค่ไหน เราไม่สนใจจะทำงานอีกต่อไป เราลาออกมาได้สองอาทิตย์แล้ว