เกร็ดสามก๊ก
ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ
ตอนที่ ๗ กุนซือใจเพ็ชร
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อ อ้วนถำ บุตรชายคนโตของ อ้วนเสี้ยว ติดต่อขออ่อนน้อมกับโจโฉ และขอให้ โจโฉ ยกกองทัพไปตีเมืองกิจิ๋วนั้น อ้วนซง น้องชายคนเล็กซึ่งกำลังล้อมเมืองเพงกวนง้วนของพี่ชายได้ทราบข่าว ก็ต้องรีบถอยทหารกลับไปรักษาเมืองกิจิ๋วของตนบ้าง โดยให้ ลิกอง กับ ลิเซียง คุมทหารเป็นกองหลัง
อ้วนถำก็ยกทหารออกจากเมืองตามมาประมาณสี่ร้อยเส้น ก็เจอกับนายกองหลังทั้งสอง อ้วนถำก็ลำเลิกว่า
"......บิดาเราเลี้ยงท่านให้มีความสุขเป็นอันมาก บัดนี้บิดาเราตายแล้ว อ้วนซงเป็นผู้น้อยตั้งตัวเป็นใหญ่ให้ผิดประเพณี ตัวท่านอยู่ในเมืองก็มิได้ทัดทาน แล้วซ้ำเข้าด้วยอ้วนซงผู้กระทำผิด คบคิดกันมารบพุ่งเราฉะนี้ ตัวเห็นชอบอยู่หรือ....."
ลิกองกับลิเซียงได้ฟังวาจาบุตรชายคนโตของนายเก่า ก็มีความละอายมิรู้ที่จะตอบประการใด จึงลงจากม้าวางอาวุธเสีย และเข้าไปคำนับอ้วนถำขออภัยโทษ อ้วนถำก็ยกโทษให้ แล้วก็ชวนกันไปคำนับโจโฉที่เซเปงก๋วน
โจโฉก็ยินดีเป็นไมตรีด้วย บอกว่าขอบใจนักถ้าสำเร็จการสงครามแล้วจะยกบุตรีให้เป็นภรรยาอ้วนถำ ส่วนลิกองกับลิเซียงก็รับไว้เป็นนายทหารในกองทัพ และ ขอให้อ้วนถำกลับไปอยู่ที่เมืองเพงกวนง้วนก่อน จากนั้นโจโฉก็ยกทัพไปตั้งอยู่ที่ตำบลลิหยง แล้วให้ทหารขุดคลองจากแม่น้ำกีซุยไปถึงแม่น้ำเปกตกใกล้เมืองกิจิ๋ว เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินเรือส่งเสบียงอาหาร
เมื่ออ้วนถำกลับมาถึงเมืองเพงกวนง้วน กัวเต๋า ที่ปรึกษาเอกก็ว่า ซึ่ง โจโฉจะยกบุตรีให้เป็นภรรยานั้นไม่น่าเชื่อ แต่กลับเอาตัวลิกองลิเซียงไว้ใช้สอยนี้เหมือนต้อนปลาเข้าไซ ถ้าขืนเชื่อฟังโจโฉก็คงจะเป็นอันตรายในภายหลัง ขอให้ทำตราตำแหน่งนำไปมอบให้กับลิกองกับลิเซียง เพื่อให้คิดถึงความเป็นนายทหารเมืองกิจิ๋ว และคิดการเป็นไส้ศึกต่อไป อ้วนถำก็ดำเนินการตามนั้น
เมื่อนายทหารทั้งสองได้รับตรา ก็กลัวความผิดจึงนำไปให้โจโฉดู ซึ่งโจโฉก็รู้ทันว่า อ้วนถำเล่นไม่ซื่อเสียแล้ว จึงว่ากับนายทหารใหม่ทั้งสองว่า อ้วนถำสั่งมาว่าอย่างไรก็รับเอาไว้ก่อน เมื่อกำจัดอ้วนซงได้แล้ว จะได้กลับไปชำระอ้วนถำต่อไป
ข้างฝ่ายอ้วนซงเห็นโจโฉขุดคลองเขามาใกล้เมือง ก็ปรึกษากับสิมโพย ว่าจะทำอย่างไร สิมโพยก็แนะนำให้มีหนังสือไปถึง อินไก๋ เจ้าเมืองบูอั๋นซึ่งขึ้นอยู่ด้วยให้ยกกองทัพมาตั้งที่เมืองมอเสีย และให้ จองกี คุมทหารจากเมืองเซียงต๋ง มาตั้งที่เมืองฮันตั้น คอยตีตลบหลังโจโฉ แล้วอ้วนซงก็ยกทัพไปตีเมืองเพงกวนง้วนอีก อ้วนถำก็รีบแจ้งให้โจโฉยกมาช่วย
ขณะนั้น เขาฮิว ซึ่งเดิมเป็นที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยว แต่อ้วนเสี้ยวไม่ไว้ใจเพราะเคยเป็นเพื่อนกับโจโฉสมัยเป็นหนุ่มจะหาเรื่องฆ่าเสีย จึงหนีมาอยู่กับโจโฉ ได้ เดินทางจากเมืองฮูโต๋มาถึงกองทัพของโจโฉ และแหย่โจโฉว่า
".....เหตุใดมาตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ จะรอให้ฟ้าผ่าอ้วนถำกับอ้วนซงตายเองหรือ....."
โจโฉก็หัวเราะบอกว่าอย่าวิตกไปเลย ได้เตรียมแผนการไว้แล้ว จากนั้นก็ให้ โจหอง ทหารเอกที่เป็นญาติสนิท ยกทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋ว และตนเองก็ยกทัพไปตีอินไก๋ที่เมืองมอเสีย
เมื่อกองทัพของโจโฉถึงเมืองมอเสีย พอปะทะกันครั้งแรกอินไก๋เข้ารบกับ เคาทู ทหารเสือของโจโฉได้ห้าเพลงก็ถูกแทงตกม้าตาย กองทัพก็แตกพ่ายไป โจโฉก็รุกไปถึงเมืองฮันตั้น จองกีออกรบกับ เตียวเลี้ยว ทหารเอกของโจโฉอีกคนหนึ่ง พอรำทวนได้สามเพลงก็ทานไม่ไหวต้องขับม้าหนี เตียวเลี้ยวจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงจองกีตายไปอีก กองทัพก็แตกกระจายหมดแรงสู้รบ แล้วโจโฉก็ยกไปบรรจบกับโจหองที่ล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ ให้ทหารขนมูลดินมากองจนสูงเท่ากำแพงเมืองบังไว้ แล้วให้ทหารขุดอุโมงค์ลอดกำแพงจะให้ทะลุเข้าไปในเมือง
ทางฝ่ายในเมืองกิจิ๋ว สิมโพยซึ่งกำกับดูแลทหารรักษาเมืองแทนอ้วนซง เห็น บังเล้ นายทหารที่ควบคุมด้านตะวันออก เสพสุราแล้วนอนหลับอยู่ไม่ตรวจตราทหารซึ่งรักษาหน้าที่บนเชิงเทิน จึงเอาตัวมาเฆี่ยนเสีย บังเล้เจ็บอายก็ลอบหนีมาหา โจโฉในเวลากลางคืน และแนะนำให้โจโฉขุดอุโมงค์ด้านตะวันออกนี้เข้าไปในเมือง ก็จะได้โดยง่าย โจโฉก็เลยมอบให้บังเล้ควบคุมทหารขุดอุโมงค์ตามที่แนะนั้นตลอดทั้งคืน
สิมโพยรู้ว่าบังเล้หนีไปเข้าด้วยโจโฉแล้ว ก็ออกตรวจตราเป็นพิเศษใน คืนนั้นก็เฝ้าอยู่ทางทิศตะวันออก ทหารก็รายงานว่าค่ายของข้าศึกด้านนี้มืดผิดประหลาดอยู่ สิมโพยก็รู้ว่าข้าศึกกำลังขุดอุโมงค์ลอดกำแพงเมืองเข้ามา จึงให้ทหารขนศิลาเป็นอันมาก เปิดประตูเมืองออกไปถม ปิดปากอุโมงค์เสียให้แน่นหนา บังเล้กับทหารที่เข้าไปขุดอยู่ในอุโมงค์ก็ออกไม่ได้ ไม่มีอากาศหายใจเลยตายไปหมดสิ้น
รุ่งเช้าโจโฉรู้เรื่อง จึงเลิกคิดเรื่องอุโมงค์ แล้วถอยกองทัพมาตั้งอยู่ที่ ตำบลอวนสุย คอยเล่นงานอ้วนซง ซึ่งได้ข่าวว่าอินไก๋กับจองกีเสียทีโจโฉแล้ว จึงถอนทัพจากเมืองเพงกวนง้วนกลับเมืองกิจิ๋ว แต่ไม่เจอกัน เพราะอ้วนซงเดินทางลัดมาตามเขา ด้านตะวันตกถึงแม่น้ำเปกตก ซึ่งโจโฉให้ขุดคลองเพื่อส่งเสบียง แต่ก็ไม่เห็นเรือเสบียงของ โจโฉ จึงยกมาตั้งใกล้เมืองกิจิ๋วประมาณสองร้อยเส้น แล้วส่งทหารปลอมตัวลอบเข้า เมืองไปติดต่อกับสิมโพย ให้ยกทหารออกมาตีกระหนาบกองทัพของโจโฉ
สิมโพยก็ออกอุบายให้ชาวเมืองพากันออกจากเมือง ถือธงขาวขอเข้าด้วยกับโจโฉ แล้วตนเองก็คุมทหารเตรียมเข้าตีกองทัพของโจโฉที่กำลังประมาท แต่ฝ่ายโจโฉรู้ทัน เตรียมทหารซุ่มไว้ใกล้กำแพงเมือง พอชาวเมืองเปิดประตูออกมาโดยมีทหารของสิมโพยตามหลังมาด้วย ทหารของโจโฉก็เข้าโจมตีฆ่าฟันชาวเมืองและทหารเมืองกิจิ๋วล้มตายลงเป็นอันมาก สิมโพยเห็นอาการหนักหนาก็พาทหารถอยเข้าเมือง แต่ยังไม่ทันปิดประตู โจโฉก็พาทหารจะตามเข้าเมืองไปด้วย เคราะห์ดีที่ทหารเมืองกิจิ๋วบนเชิงเทินได้ระดมยิงเกาทัณฑ์ลงมาถูกหมวกของโจโฉหลายดอก ทหารของโจโฉก็พากันห้องล้อมพาตัวกลับไปได้
โจโฉนั้นเมื่อไม่เป็นอันตราย ก็ยกทหารออกไปตีค่ายของอ้วนซงที่ตั้งอยู่นอกเมืองจนแตก ต้องร่นถอยไปตั้งค่ายใหม่ที่ริมเขาด้านตะวันตก ตัวอ้วนซงเองก็หมดกำลังใจที่จะสู้รบ จึงส่งผู้แทนไปขอยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ ทางโจโฉก็แกล้งตอบตกลง แต่พอค่ำวันนั้นก็ให้เตียวเลี้ยวกับ ซิหลง คุมทหารเข้าตีค่ายอ้วนซงแตกอีก จนต้องพาทหารหนีข้ามเขาไปอยู่กับอ้วนฮีที่เมืองอิจิ๋ว
เขาฮิวก็แนะให้โจโฉขุดคลอง ไขน้ำจากแม่น้ำเจียงโห ยาวประมาณสี่ร้อยเส้น เข้ามาใกล้เมืองกิจิ๋ว แล้วสร้างทำนบกั้นน้ำไว้ สิมโพยที่อยู่รักษาเมืองก็มิได้คิดป้องกันแก้ไข จนถึงกลางคืนโจโฉก็ให้ทหารขุดคลองต่อไป จนบรรจบกับคูเมือง แล้วก็เปิดทำนบให้น้ำไหลเข้าไปท่วมเมืองถึงเจ็ดแปดศอก ทหารและชาวเมืองกิจิ๋วได้รับความ ลำบาก ต้องหนีขึ้นไปอัดกันอยู่บนเชิงเทิน
ซินผีซึ่งถือสารจากอ้วนถำไปหาโจโฉ แล้วก็เลยอยู่ทำราชการกับโจโฉจึงเอาตราของอ้วนซงที่ยึดได้จากค่าย ใส่ปลายไม้แกว่งให้ชาวเมืองที่อยู่บนเชิงเทินเห็นว่า บัดนี้อ้วนซงได้ตายไปแล้วขอให้ยอมจำนนแก่โจโฉเสีย สิมโพยแค้นใจจึงให้จับตัวบุตรภรรยาของซินผีที่ยังอยู่ในเมืองประมาณแปดสิบคนมาฆ่าเสีย แล้วโยนศพออกไปนอกเมือง ซินผีก็ตกใจร้องไห้รักบุตรภรรยาและญาติพี่น้อง ที่ต้องมาตายเพราะตนเอง
หลานของสิมโพยชื่อ สิมเอ๋ง ซึ่งเป็นเพื่อนรักกับซินผี เห็นพฤติการณ์นั้นก็โกรธอาของตนเอง จึงมีหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงออกไปบอกซินผีว่า จะช่วยเปิดประตูเมืองให้ ซินผีก็นำไปแจ้งแก่โจโฉ ในตอนเวลาใกล้รุ่งโจโฉจึงยกกองทัพออกจากค่ายมาที่ประตูเมืองกิจิ๋วด้านทิศใต้ สิมเอ๋งก็เปิดประตูให้ทหารของโจโฉเข้าเมืองได้ สิมโพยมัวอยู่ทางด้านตะวันออก เหลือทหารอยู่เพียงสามสิบคน แต่ก็ยังคิดต่อสู้ต้านทาน จึงเข้ารบกับซิหลง แต่ก็สู้ไม่ไหวจึงถูกจับตัวมาให้โจโฉ
พอซินผีเจอหน้าสิมโพย ก็เอาแซ่ม้าตีสิมโพยแล้วว่าถึงที่ตายวันนี้แล้ว สิมโพยก็สวนเอาว่า
"....เอาใจออกหากไปเข้าด้วยโจโฉซึ่งเป็นศัตรู ก็มีความแค้น ใคร่จะกินเนื้อเสียอีก...."
โจโฉก็ถามสิมโพยว่า รู้ตัวคนที่เปิดประตูเมืองให้หรือไม่ สิมโพยว่าไม่แจ้ง โจโฉก็บอกว่า สิมเอ๋งหลานของตัวนั่นแหละ ที่เป็นผู้เปิดประตูเมืองให้
สิมโพยก็ร้องด่าหลานชายเป็นอันมาก โจโฉถามว่าบัดนี้อ้วนเสี้ยวผู้เป็นนายก็ตายแล้ว ถ้ายอมอยู่รับราชการด้วยก็จะเลี้ยงไว้ ซินผีก็ค้านว่าบุตรภรรยาและญาติของตนถูกสิมโพยฆ่าตายไปถึงแปดสิบคน ขอให้ฆ่าสิมโพยเสียให้หายแค้น สิมโพยจึงว่า
".....อย่าพักยุยงเลย กูหารักชีวิตไม่ อันตัวกูเกิดมาเป็นคนกตัญญู คิดตั้งใจว่าได้เป็นบ่าวแล้ว ก็จะทำนุบำรุงแซ่อ้วนไปโดยสุจริต แม้มาทว่าตัวกูตายไปก็จะขอเป็นบ่าวแซ่อ้วน จะได้คิดทุจริตเหมือนนั้นหามิได้ เร่งยุให้โจโฉฆ่ากูเสียเถิด.."
โจโฉได้ฟังก็โกรธยิ่งนักสั่งให้ทหารเอาตัวไปฆ่าเสีย สิมโพยก็ขอร้อง ทหารนั้นว่า
"....นายเราอยู่ฝ่ายทิศเหนือ ท่านจงงดดาบไว้ก่อน เราจะขอบ่ายหน้าไปสู่ทิศนายเรา แล้วจงลงดาบเถิด....."
ว่าแล้วสิมโพยก็หันหน้าไปทางทิศเหนือให้ทหารลงดาบแต่โดยดี
กุนซือคนสำคัญผู้หนึ่งในจำนวนเจ็ดแปดคน ซึ่งรับราชการมาตั้งแต่สมัยอ้วนเสี้ยวเป็นใหญ่ในภาคเหนือ จึงต้องตายไปตามกรรม พร้อมกับความสัตย์ซื่อ ถึงขนาดที่โจโฉต้องประกาศว่า
".....สิมโพย นี้มีความซื่อสัตย์ต่อนายนัก ผู้ใดจะทำราชการไปภายหน้า จงดูเยี่ยงสิมโพยเถิด....."
ส่วนบุตรสามคนกับหลานอีกคนของอ้วนเสี้ยว ที่ยังเหลืออยู่ โจโฉจะมีวิธีการอย่างไร จึงจะกำจัดได้หมดสิ้นนั้น จำเป็นจะต้องรอดูกันต่อไป.
##########
วางเมื่อ ๙ ก.ย.๕๖ เวลา ๑๕.๒๔
เกน็ดสามก๊ก ๙ ก.ย.๕๖
ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ
ตอนที่ ๗ กุนซือใจเพ็ชร
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อ อ้วนถำ บุตรชายคนโตของ อ้วนเสี้ยว ติดต่อขออ่อนน้อมกับโจโฉ และขอให้ โจโฉ ยกกองทัพไปตีเมืองกิจิ๋วนั้น อ้วนซง น้องชายคนเล็กซึ่งกำลังล้อมเมืองเพงกวนง้วนของพี่ชายได้ทราบข่าว ก็ต้องรีบถอยทหารกลับไปรักษาเมืองกิจิ๋วของตนบ้าง โดยให้ ลิกอง กับ ลิเซียง คุมทหารเป็นกองหลัง
อ้วนถำก็ยกทหารออกจากเมืองตามมาประมาณสี่ร้อยเส้น ก็เจอกับนายกองหลังทั้งสอง อ้วนถำก็ลำเลิกว่า
"......บิดาเราเลี้ยงท่านให้มีความสุขเป็นอันมาก บัดนี้บิดาเราตายแล้ว อ้วนซงเป็นผู้น้อยตั้งตัวเป็นใหญ่ให้ผิดประเพณี ตัวท่านอยู่ในเมืองก็มิได้ทัดทาน แล้วซ้ำเข้าด้วยอ้วนซงผู้กระทำผิด คบคิดกันมารบพุ่งเราฉะนี้ ตัวเห็นชอบอยู่หรือ....."
ลิกองกับลิเซียงได้ฟังวาจาบุตรชายคนโตของนายเก่า ก็มีความละอายมิรู้ที่จะตอบประการใด จึงลงจากม้าวางอาวุธเสีย และเข้าไปคำนับอ้วนถำขออภัยโทษ อ้วนถำก็ยกโทษให้ แล้วก็ชวนกันไปคำนับโจโฉที่เซเปงก๋วน
โจโฉก็ยินดีเป็นไมตรีด้วย บอกว่าขอบใจนักถ้าสำเร็จการสงครามแล้วจะยกบุตรีให้เป็นภรรยาอ้วนถำ ส่วนลิกองกับลิเซียงก็รับไว้เป็นนายทหารในกองทัพ และ ขอให้อ้วนถำกลับไปอยู่ที่เมืองเพงกวนง้วนก่อน จากนั้นโจโฉก็ยกทัพไปตั้งอยู่ที่ตำบลลิหยง แล้วให้ทหารขุดคลองจากแม่น้ำกีซุยไปถึงแม่น้ำเปกตกใกล้เมืองกิจิ๋ว เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินเรือส่งเสบียงอาหาร
เมื่ออ้วนถำกลับมาถึงเมืองเพงกวนง้วน กัวเต๋า ที่ปรึกษาเอกก็ว่า ซึ่ง โจโฉจะยกบุตรีให้เป็นภรรยานั้นไม่น่าเชื่อ แต่กลับเอาตัวลิกองลิเซียงไว้ใช้สอยนี้เหมือนต้อนปลาเข้าไซ ถ้าขืนเชื่อฟังโจโฉก็คงจะเป็นอันตรายในภายหลัง ขอให้ทำตราตำแหน่งนำไปมอบให้กับลิกองกับลิเซียง เพื่อให้คิดถึงความเป็นนายทหารเมืองกิจิ๋ว และคิดการเป็นไส้ศึกต่อไป อ้วนถำก็ดำเนินการตามนั้น
เมื่อนายทหารทั้งสองได้รับตรา ก็กลัวความผิดจึงนำไปให้โจโฉดู ซึ่งโจโฉก็รู้ทันว่า อ้วนถำเล่นไม่ซื่อเสียแล้ว จึงว่ากับนายทหารใหม่ทั้งสองว่า อ้วนถำสั่งมาว่าอย่างไรก็รับเอาไว้ก่อน เมื่อกำจัดอ้วนซงได้แล้ว จะได้กลับไปชำระอ้วนถำต่อไป
ข้างฝ่ายอ้วนซงเห็นโจโฉขุดคลองเขามาใกล้เมือง ก็ปรึกษากับสิมโพย ว่าจะทำอย่างไร สิมโพยก็แนะนำให้มีหนังสือไปถึง อินไก๋ เจ้าเมืองบูอั๋นซึ่งขึ้นอยู่ด้วยให้ยกกองทัพมาตั้งที่เมืองมอเสีย และให้ จองกี คุมทหารจากเมืองเซียงต๋ง มาตั้งที่เมืองฮันตั้น คอยตีตลบหลังโจโฉ แล้วอ้วนซงก็ยกทัพไปตีเมืองเพงกวนง้วนอีก อ้วนถำก็รีบแจ้งให้โจโฉยกมาช่วย
ขณะนั้น เขาฮิว ซึ่งเดิมเป็นที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยว แต่อ้วนเสี้ยวไม่ไว้ใจเพราะเคยเป็นเพื่อนกับโจโฉสมัยเป็นหนุ่มจะหาเรื่องฆ่าเสีย จึงหนีมาอยู่กับโจโฉ ได้ เดินทางจากเมืองฮูโต๋มาถึงกองทัพของโจโฉ และแหย่โจโฉว่า
".....เหตุใดมาตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ จะรอให้ฟ้าผ่าอ้วนถำกับอ้วนซงตายเองหรือ....."
โจโฉก็หัวเราะบอกว่าอย่าวิตกไปเลย ได้เตรียมแผนการไว้แล้ว จากนั้นก็ให้ โจหอง ทหารเอกที่เป็นญาติสนิท ยกทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋ว และตนเองก็ยกทัพไปตีอินไก๋ที่เมืองมอเสีย
เมื่อกองทัพของโจโฉถึงเมืองมอเสีย พอปะทะกันครั้งแรกอินไก๋เข้ารบกับ เคาทู ทหารเสือของโจโฉได้ห้าเพลงก็ถูกแทงตกม้าตาย กองทัพก็แตกพ่ายไป โจโฉก็รุกไปถึงเมืองฮันตั้น จองกีออกรบกับ เตียวเลี้ยว ทหารเอกของโจโฉอีกคนหนึ่ง พอรำทวนได้สามเพลงก็ทานไม่ไหวต้องขับม้าหนี เตียวเลี้ยวจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงจองกีตายไปอีก กองทัพก็แตกกระจายหมดแรงสู้รบ แล้วโจโฉก็ยกไปบรรจบกับโจหองที่ล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ ให้ทหารขนมูลดินมากองจนสูงเท่ากำแพงเมืองบังไว้ แล้วให้ทหารขุดอุโมงค์ลอดกำแพงจะให้ทะลุเข้าไปในเมือง
ทางฝ่ายในเมืองกิจิ๋ว สิมโพยซึ่งกำกับดูแลทหารรักษาเมืองแทนอ้วนซง เห็น บังเล้ นายทหารที่ควบคุมด้านตะวันออก เสพสุราแล้วนอนหลับอยู่ไม่ตรวจตราทหารซึ่งรักษาหน้าที่บนเชิงเทิน จึงเอาตัวมาเฆี่ยนเสีย บังเล้เจ็บอายก็ลอบหนีมาหา โจโฉในเวลากลางคืน และแนะนำให้โจโฉขุดอุโมงค์ด้านตะวันออกนี้เข้าไปในเมือง ก็จะได้โดยง่าย โจโฉก็เลยมอบให้บังเล้ควบคุมทหารขุดอุโมงค์ตามที่แนะนั้นตลอดทั้งคืน
สิมโพยรู้ว่าบังเล้หนีไปเข้าด้วยโจโฉแล้ว ก็ออกตรวจตราเป็นพิเศษใน คืนนั้นก็เฝ้าอยู่ทางทิศตะวันออก ทหารก็รายงานว่าค่ายของข้าศึกด้านนี้มืดผิดประหลาดอยู่ สิมโพยก็รู้ว่าข้าศึกกำลังขุดอุโมงค์ลอดกำแพงเมืองเข้ามา จึงให้ทหารขนศิลาเป็นอันมาก เปิดประตูเมืองออกไปถม ปิดปากอุโมงค์เสียให้แน่นหนา บังเล้กับทหารที่เข้าไปขุดอยู่ในอุโมงค์ก็ออกไม่ได้ ไม่มีอากาศหายใจเลยตายไปหมดสิ้น
รุ่งเช้าโจโฉรู้เรื่อง จึงเลิกคิดเรื่องอุโมงค์ แล้วถอยกองทัพมาตั้งอยู่ที่ ตำบลอวนสุย คอยเล่นงานอ้วนซง ซึ่งได้ข่าวว่าอินไก๋กับจองกีเสียทีโจโฉแล้ว จึงถอนทัพจากเมืองเพงกวนง้วนกลับเมืองกิจิ๋ว แต่ไม่เจอกัน เพราะอ้วนซงเดินทางลัดมาตามเขา ด้านตะวันตกถึงแม่น้ำเปกตก ซึ่งโจโฉให้ขุดคลองเพื่อส่งเสบียง แต่ก็ไม่เห็นเรือเสบียงของ โจโฉ จึงยกมาตั้งใกล้เมืองกิจิ๋วประมาณสองร้อยเส้น แล้วส่งทหารปลอมตัวลอบเข้า เมืองไปติดต่อกับสิมโพย ให้ยกทหารออกมาตีกระหนาบกองทัพของโจโฉ
สิมโพยก็ออกอุบายให้ชาวเมืองพากันออกจากเมือง ถือธงขาวขอเข้าด้วยกับโจโฉ แล้วตนเองก็คุมทหารเตรียมเข้าตีกองทัพของโจโฉที่กำลังประมาท แต่ฝ่ายโจโฉรู้ทัน เตรียมทหารซุ่มไว้ใกล้กำแพงเมือง พอชาวเมืองเปิดประตูออกมาโดยมีทหารของสิมโพยตามหลังมาด้วย ทหารของโจโฉก็เข้าโจมตีฆ่าฟันชาวเมืองและทหารเมืองกิจิ๋วล้มตายลงเป็นอันมาก สิมโพยเห็นอาการหนักหนาก็พาทหารถอยเข้าเมือง แต่ยังไม่ทันปิดประตู โจโฉก็พาทหารจะตามเข้าเมืองไปด้วย เคราะห์ดีที่ทหารเมืองกิจิ๋วบนเชิงเทินได้ระดมยิงเกาทัณฑ์ลงมาถูกหมวกของโจโฉหลายดอก ทหารของโจโฉก็พากันห้องล้อมพาตัวกลับไปได้
โจโฉนั้นเมื่อไม่เป็นอันตราย ก็ยกทหารออกไปตีค่ายของอ้วนซงที่ตั้งอยู่นอกเมืองจนแตก ต้องร่นถอยไปตั้งค่ายใหม่ที่ริมเขาด้านตะวันตก ตัวอ้วนซงเองก็หมดกำลังใจที่จะสู้รบ จึงส่งผู้แทนไปขอยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ ทางโจโฉก็แกล้งตอบตกลง แต่พอค่ำวันนั้นก็ให้เตียวเลี้ยวกับ ซิหลง คุมทหารเข้าตีค่ายอ้วนซงแตกอีก จนต้องพาทหารหนีข้ามเขาไปอยู่กับอ้วนฮีที่เมืองอิจิ๋ว
เขาฮิวก็แนะให้โจโฉขุดคลอง ไขน้ำจากแม่น้ำเจียงโห ยาวประมาณสี่ร้อยเส้น เข้ามาใกล้เมืองกิจิ๋ว แล้วสร้างทำนบกั้นน้ำไว้ สิมโพยที่อยู่รักษาเมืองก็มิได้คิดป้องกันแก้ไข จนถึงกลางคืนโจโฉก็ให้ทหารขุดคลองต่อไป จนบรรจบกับคูเมือง แล้วก็เปิดทำนบให้น้ำไหลเข้าไปท่วมเมืองถึงเจ็ดแปดศอก ทหารและชาวเมืองกิจิ๋วได้รับความ ลำบาก ต้องหนีขึ้นไปอัดกันอยู่บนเชิงเทิน
ซินผีซึ่งถือสารจากอ้วนถำไปหาโจโฉ แล้วก็เลยอยู่ทำราชการกับโจโฉจึงเอาตราของอ้วนซงที่ยึดได้จากค่าย ใส่ปลายไม้แกว่งให้ชาวเมืองที่อยู่บนเชิงเทินเห็นว่า บัดนี้อ้วนซงได้ตายไปแล้วขอให้ยอมจำนนแก่โจโฉเสีย สิมโพยแค้นใจจึงให้จับตัวบุตรภรรยาของซินผีที่ยังอยู่ในเมืองประมาณแปดสิบคนมาฆ่าเสีย แล้วโยนศพออกไปนอกเมือง ซินผีก็ตกใจร้องไห้รักบุตรภรรยาและญาติพี่น้อง ที่ต้องมาตายเพราะตนเอง
หลานของสิมโพยชื่อ สิมเอ๋ง ซึ่งเป็นเพื่อนรักกับซินผี เห็นพฤติการณ์นั้นก็โกรธอาของตนเอง จึงมีหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงออกไปบอกซินผีว่า จะช่วยเปิดประตูเมืองให้ ซินผีก็นำไปแจ้งแก่โจโฉ ในตอนเวลาใกล้รุ่งโจโฉจึงยกกองทัพออกจากค่ายมาที่ประตูเมืองกิจิ๋วด้านทิศใต้ สิมเอ๋งก็เปิดประตูให้ทหารของโจโฉเข้าเมืองได้ สิมโพยมัวอยู่ทางด้านตะวันออก เหลือทหารอยู่เพียงสามสิบคน แต่ก็ยังคิดต่อสู้ต้านทาน จึงเข้ารบกับซิหลง แต่ก็สู้ไม่ไหวจึงถูกจับตัวมาให้โจโฉ
พอซินผีเจอหน้าสิมโพย ก็เอาแซ่ม้าตีสิมโพยแล้วว่าถึงที่ตายวันนี้แล้ว สิมโพยก็สวนเอาว่า
"....เอาใจออกหากไปเข้าด้วยโจโฉซึ่งเป็นศัตรู ก็มีความแค้น ใคร่จะกินเนื้อเสียอีก...."
โจโฉก็ถามสิมโพยว่า รู้ตัวคนที่เปิดประตูเมืองให้หรือไม่ สิมโพยว่าไม่แจ้ง โจโฉก็บอกว่า สิมเอ๋งหลานของตัวนั่นแหละ ที่เป็นผู้เปิดประตูเมืองให้
สิมโพยก็ร้องด่าหลานชายเป็นอันมาก โจโฉถามว่าบัดนี้อ้วนเสี้ยวผู้เป็นนายก็ตายแล้ว ถ้ายอมอยู่รับราชการด้วยก็จะเลี้ยงไว้ ซินผีก็ค้านว่าบุตรภรรยาและญาติของตนถูกสิมโพยฆ่าตายไปถึงแปดสิบคน ขอให้ฆ่าสิมโพยเสียให้หายแค้น สิมโพยจึงว่า
".....อย่าพักยุยงเลย กูหารักชีวิตไม่ อันตัวกูเกิดมาเป็นคนกตัญญู คิดตั้งใจว่าได้เป็นบ่าวแล้ว ก็จะทำนุบำรุงแซ่อ้วนไปโดยสุจริต แม้มาทว่าตัวกูตายไปก็จะขอเป็นบ่าวแซ่อ้วน จะได้คิดทุจริตเหมือนนั้นหามิได้ เร่งยุให้โจโฉฆ่ากูเสียเถิด.."
โจโฉได้ฟังก็โกรธยิ่งนักสั่งให้ทหารเอาตัวไปฆ่าเสีย สิมโพยก็ขอร้อง ทหารนั้นว่า
"....นายเราอยู่ฝ่ายทิศเหนือ ท่านจงงดดาบไว้ก่อน เราจะขอบ่ายหน้าไปสู่ทิศนายเรา แล้วจงลงดาบเถิด....."
ว่าแล้วสิมโพยก็หันหน้าไปทางทิศเหนือให้ทหารลงดาบแต่โดยดี
กุนซือคนสำคัญผู้หนึ่งในจำนวนเจ็ดแปดคน ซึ่งรับราชการมาตั้งแต่สมัยอ้วนเสี้ยวเป็นใหญ่ในภาคเหนือ จึงต้องตายไปตามกรรม พร้อมกับความสัตย์ซื่อ ถึงขนาดที่โจโฉต้องประกาศว่า
".....สิมโพย นี้มีความซื่อสัตย์ต่อนายนัก ผู้ใดจะทำราชการไปภายหน้า จงดูเยี่ยงสิมโพยเถิด....."
ส่วนบุตรสามคนกับหลานอีกคนของอ้วนเสี้ยว ที่ยังเหลืออยู่ โจโฉจะมีวิธีการอย่างไร จึงจะกำจัดได้หมดสิ้นนั้น จำเป็นจะต้องรอดูกันต่อไป.
##########
วางเมื่อ ๙ ก.ย.๕๖ เวลา ๑๕.๒๔