สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
8 ก.ย. 56 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถ.วิภาวดี กทม. สถาบันพัฒนาภาวะผู้นำการปกครองท้องถิ่น (สพท.)
จัดเสวนาเรื่อง "ระบบนิติรัฐกับทางรอดของประเทศไทย" โดยมีนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้บรรยาย และมีการอภิปรายร่วมในหัวข้อ "วิพากษ์ กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่" โดย
นายแก้วสรร อติโพธิ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ดำเนินรายการ เสวนาโดยนายภิญโญ ทองชัย ทั้งนี้ได้มีนายอุดร ตันติสุนทร
ประธานอำนวยการสถาบันพัฒนาภาวะผู้นำการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานกล่าวเปิดงาน
นายวสันต์ กล่าวว่า นิติรัฐ หมายถึง รัฐที่มีการปกครองโดยยึดหลักกฎหมาย การชนะการเลือกตั้งไม่ได้แปลว่าให้มาบริหารประเทศ
อย่างเดียว เพราะแม้แต่การบริหารท้องถิ่น อบต. ล้วนแต่ต้องบริหารตามกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.
และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบองค์กรเอกชนก็เช่นเดียวกันที่ต้องบริหารตามข้อบังคับของบริษัท หากมีปัญหาเรื่องข้อบังคับ
ก็ต้องแก้ไข แต่บริษัทแก้ไม่ยาก แค่ประชุมผู้ถือหุ้น ทนายความ แต่ถ้าเป็นการบริหารองค์กรของรัฐ เทศบาล อบต. รวมถึงรัฐบาล
จะต้องบริหารตามกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจำเป็นต้องมีมือกฎหมายที่เก่ง มีความรู้ และแก้ปัญหาได้ดีไว้ใกล้ตัว
นักกฎหมายที่เก่งควรรู้กฎหมายและผูกโยงกฎหมายหลายฉบับที่เชื่อมโยงกันเพื่อให้บริหารถูกต้อง และเพื่อใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์
ต่อการบริหารประเทศ ไม่ใช่เอาช่องโหว่ของกฎหมายมาหาประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง แต่ต้องบริหารตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ไม่ใช่บริหารตามอำเภอใจ
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า องค์กรศาลมาตามตัวบทกฎหมายที่สภาออกมา สภาต้องการให้เป็นอย่างไรก็ออกมา แต่ประชาชนต้องยอมรับ
ไม่อย่างนั้นมีปัญหา ที่องค์กรตุลาการอยู่มาได้ทุกวันนี้ เพราะความเชื่อมั่นที่สังคมให้ ไม่ใช่ว่าตุลาการดีทุกคน เสียก็มี ไล่ออกปลดออกก็มี เพียงแต่คนเลวยังน้อยจึงทำให้อยู่กันได้ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 40 หน้าที่หลัก คือ ตัดสินว่ากฎหมาย
ฉบับนี้ขัดหรือไม่ การตัดสินของศาลอาจมีคนที่พอใจและไม่พอใจ ฝ่ายที่ไม่พอใจจะบอกว่าศาลไม่ยุติธรรมบ้าง ลำเอียงบ้าง แต่ตนคิดว่า
คิดไปเองมากกว่า เพราะกว่าจะตัดสินแต่ละเรื่องพวกเราคิดกันนานและเถียงกันมากพอสมควร ทั้งนี้ เรื่องการกระทำที่อาจขัดต่อ
มาตรา 68 ถือเป็นอำนาจที่สามารถวินิจฉัยได้ แต่ขนาดเป็นอำนาจศาลยังงอแงกันว่าต้องผ่านอัยการ ตกลงเป็นสิทธิประชาชนหรืออัยการ
เพราะในมาตรา 68 เป็นสิทธิเสรีของประชาชนชาวไทย พอรับคำร้องก็จะตายกันให้ได้ ทั้งเวลาที่รับฟ้องมีการยกคำร้องบ่อยไป เช่น
การแก้ไขมาตรา 291 แล้วมางอแงว่าจะโหวตวาระ 3 ได้หรือไม่ ก็ไปดูกันเอง เก่งๆ กันทั้งนั้น
"ในการตัดสินไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจได้ พอผลตัดสินออกมาฝ่ายที่ไม่พอใจก็มีการพูดว่าสองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม
ถ้าเนื้อหาเหมือนกันหมดและตัดสินออกมาคนละแบบ แบบนั้นถึงแปลว่าสองมาตรฐาน แต่ต้องเนื้อหาเหมือนกันเป๊ะ แต่ถ้าเนื้อหา
ไม่เหมือนเดิมมีอะไรเปลี่ยนแปลงและตัดสินไม่เหมือนเดิม ไม่ได้แปลว่าสองมาตรฐาน"
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ตนฟันธงตอนนี้รัฐบาลทำขัดรัฐธรรมนูญแล้ว 2 เรื่อง แต่ไม่มีกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญก้าวล่วงไปวินิจฉัย คือ
ไม่แถลงผลงานปีละ 1 ครั้งต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 75 วรรคสองที่กำหนดไว้ ตรงนี้ไม่เหมือนศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมัน
ที่มีอำนาจจะเข้าไปตรวจสอบ เรียกไต่สวน หรือออกคำสั่งห้ามได้ โดยที่ไม่ต้องมีคนร้องหากเห็นว่ารัฐบาลหรือรัฐสภากำลังทำผิด
นอกจากนี้ ที่น่าหงุดหงิด คือ โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยตั้งแต่เดือน ก.พ. 55
เมื่อครั้งขอออกเป็น พ.ร.ก.ถือว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ วันนี้ พ.ร.ก.ดังกล่าวออกเป็น พ.ร.บ.แล้ว โดยมาตรา 3 เขียนให้อำนาจกระทรวง
การคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และในวรรคหนึ่งกำหนดให้การกู้ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย. 56 แต่จนถึงขณะนี้
มีคำยืนยันจากรองปลัดกระทรวงการคลังว่า ไปเซ็นสัญญากับ 4 ธนาคารแล้ว มีคำถามว่าการกู้เงินตาม พ.ร.บ.กำหนดให้ต้องทำให้
แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 56 การเซ็นสัญญากับธนาคารแล้วถือว่าเป็นกู้หรือยัง ซึ่งตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เขียนไว้ว่า
สัญญานี้จะบริบูรณ์เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม แต่ตอนนี้ถ้าเป็นไปตามที่รองปลัดกระทรวงการคลังบอกว่ายังไม่มีการส่งมอบเงิน
จึงเท่ากับว่ายังไม่มีการกู้เงินเกิดขึ้น ปัญหา คือ ถ้าหลังจากเดือน มิ.ย.แล้วธนาคารจะเสี่ยงกล้าให้เงินกับรัฐหรือไม่ เพราะถ้ายึด
ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การเสี่ยงให้เงินของธนาคารก็อาจนำมาสู่การไม่ได้รับเงินต้นคืนและดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน รัฐจะ
เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า เป็นห่วงบริษัทอิตาเลี่ยนไทย และเค.วอเตอร์ ไม่ทราบว่าเกาหลีมีแห้วขายไหม แนะนำว่า หากรัฐทวงเงินกู้
ตามสัญญาจากธนาคาร วิธีที่ดีที่สุดสำหรับธนาคาร คือ ไม่ส่งมอบเงินให้กับกระทรวงการคลัง แต่ให้กระทรวงการคลังไปฟ้องแพ่งเอา
เพราะถ้าให้ ก็ไม่แน่ว่าจะได้เงินคืน นี่คือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ถามว่าปีครึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ มัวไปทำอะไรกันอยู่
มัวแต่ไปเล่นละครพญาเม็งรายหรือไม่ มีคนไปฟ้องศาลปกครอง ศาลปกครอง ก็มีคำสั่งว่าจะต้องทำรายงานวิจัยศึกษาผลกระทบ
ด้านสิ่งแวดล้อม ก็ไปด่าศาลว่าถ้าน้ำท่วม ศาลปกครองต้องรับผิดชอบ ตนบอกได้เลยว่า ถ้าตอนนี้น้ำท่วมขึ้นมา คนที่รับผิดชอบ คือ
รัฐบาลอย่างเดียว เพราะปีกว่าๆ ไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่ความจริงบ้านเรามีกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่กำหนดให้ต้องทำประชาพิจารณ์ใน
โครงการที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 35 และมีรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 67 กำหนดว่า โครงการที่มีผลกระทบกับชุมชนต้อง
มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งกรณีก็โยงไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่จะมีการกู้เงินตาม พ.ร.บ.
กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ถามว่าวันนี้จะทำรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ต้องขุดลงใต้ดินผ่านอุทยานฯ ป่าสงวน และ
ชุมชนไหนบ้างรัฐก็ตอบไม่ได้ พูดอย่างเดียวจะเอาเงินกู้ โดยการกู้เงินเอามาทำโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รัฐระบุเป็น
โครงการ 7 ปี ถ้าเฉลี่ยรายปีจะต้องใช้งบประมาณปีละ 3 แสนล้านบาท ทำไมไม่กู้ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี คำตอบ
คือ ถ้าทำตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี การยื่นคำขอในแต่ละปี ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน และจะถูกตรวจสอบได้ง่าย
จึงเลี่ยงที่จะถูกตรวจสอบ ถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 169 และถ้าเรื่องนี้ผ่านไปได้ ต่อไปรัฐบาลจะไม่เลือกใช้การกู้ผ่าน
วิธีการงบประมาณแล้ว
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนอีกเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าผิด แต่ไม่มีอำนาจวินิจฉัย คือ โครงการรับจำนำข้าว เพราะผิดรัฐธรรมนูญ
มาตรา 84 (5) ที่บัญญัติเรื่องแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐว่า นโยบายที่รัฐกำหนดขึ้นต้องให้มีการแข่งขันเสรีเป็นธรรม ป้องกันการผูกขาด
ตัดตอน แต่โครงการรับจำนำข้าวที่ทำกันอยู่ถือว่ารัฐตัดตอนเสียเอง เพราะแท้จริงแล้วไม่ใช่การรับจำนำ แต่เป็นการรับซื้อข้าวทุกเมล็ด
จากชาวนา กลายเป็นโรงสีของรัฐเท่านั้นที่มีสิทธิได้ซื้อ แต่โรงสีเอกชนบางรายจะไม่ได้สิทธิรับซื้อ ขัดกับหลักของการรับจำนำ
เพราะการจำนำ คือ การเอาทรัพย์ไปประกันหนี้กับเจ้าหนี้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งต้องมีการไถ่ถอนหรือมีการต่อรอง แต่นี่กลับเป็นการตั้งโต๊ะ
รับซื้อทั้งหมด ถือเป็นการโกหกตั้งแต่ต้น
นายวสันต์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม มีประเด็นอยู่ 3 มาตรา คือ 1. มาตรา 3 วรรคสอง เรื่องหลักนิติธรรม
เช่น คดีที่เกิดพิพากษามาแล้ว อยู่ๆ จะยกเลิกมาพิจารณาใหม่ไม่ได้ 2. การออกกฎหมายต้องใช้บังคับเป็นการทั่วไป จะบังคับใช้กับ
คนเดียวๆ หรือบางกลุ่มไม่ได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญในมาตรา 29 และ 3. ในมาตรา 30 กำหนดไว้ว่า กฎหมายต้องไม่เลือกปฏิบัติโดย
ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะสถานะของบุคคล ฟันธงเลยผู้ใช้จ้างวาน ผู้โฆษณาก่อให้เกิดความผิด ถ้าจะมีการนิรโทษกรรมจะต้องไปทั้งยวง
ดังนั้น การนิรโทษกรรมจะยกเว้นให้ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ หากออกกฎหมายแล้วยกเว้นแกนนำจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30 เรื่องนี้
หากจะวินิจฉัยไม่ยากเลย
ต่อมานายแก้วสรร กล่าวในหัวข้อ "วิพากษ์ กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่" ว่า กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชาชน
ได้หรือไม่ เป็นเรื่องของกฎหมายมหาชน บ้านเราไม่เคยมีศาลรัฐธรรมนูญ พอตั้งศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ ตรวจสอบว่า สภาออก
กฎหมายขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ประเทศไทยนั้นกำลังเกิดการบ้าอำนาจ เสียงข้างมากไม่ยอมอยู่บนความถูกต้อง ซึ่งสะท้อนให้
เห็นว่าเสียงข้างมากทำอะไรได้หลายอย่างใช่หรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ปัญหากฎหมายการเงิน การจะสร้างเมกกะโปรเจกท์
และปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส ในส่วนของโครงการบริหารจัดการน้ำ หลังจากที่อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญออกมาชี้ให้
เห็นแล้วในหลายๆประเด็นที่รัฐบาลกำลังทำผิดกฎหมาย ดังนั้นเราจะดำเนินตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป อย่างเช่นเรื่อง
โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน ก็จะนำไปฟ้องศาลปกครอง ส่วนในประเด็นอื่นก็ต้องพิจารณาต่อไปว่าจะอยู่ในอำนาจศาลใด
ขณะที่นายไพบูลย์ กล่าวว่า การบริหารประเทศถ้าเปรียบเทียบระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมาตรฐานแตกต่างกันมาก ปัญหาของประเทศไทย
คือ กฎหมายไหนมีประโยชน์ก็ให้ทำตามกฎหมาย ส่วนกฎหมายไหนที่ไม่มีประโยชน์ก็ให้แก้กฎหมาย ทั้งนี้ทั่วโลกพรรคการเมือง
จะเป็นส่วนเสริมสร้างให้ประชาชนอยู่ดีกินดีตามนโยบายที่เป็นแบบสถาบัน แต่พรรคการเมืองไทยเป็นสมบัติของเจ้าของ มีเจ้าของ
พรรคคนเดียว ฉะนั้นปัญหาเมื่อพรรคการเมืองมีโครงสร้างแบบนี้ แต่ให้อำนาจหมดเลยไปอยู่ภายใต้คนเดียว อย่างไรก็ตามการทุจริต
ในอดีตไม่รุนแรงแบบปัจจุบัน แต่ปัจจุบันที่มีการทุจริตแบบนี้เพราะคนๆ เดียวที่เป็นเจ้าของพรรคต้องการคงอำนาจก็ต้องเกิดการทุจริต
และสิ่งที่สำคัญเมื่ออำนาจเยอะ กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชนไม่ได้ อย่างไรก็ดีกลไกต่างๆ ที่มีปัญหาเพราะเกิดจากการทำงาน
ที่ล่าช้า กว่าจะตัดสินเสร็จก็ใช้เวลาหลายปี ไหนจะอัยการมีการดองไว้อีก ทั้งนี้เมื่อไปฟ้องได้โดยตรงที่ศาลถ้ามีกระบวนการทำได้
เมื่อไรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นก็จะทำได้ทันที อย่างไรก็ตามตนอยากเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำเป็น 2 แบบ คือ เป็นคดีพิเศษ และคดีปกติ ในส่วนของคดีพิเศษก็ให้เป็นคดีที่มีจำนวนเงินมาก
โดยใช้กระบวนการที่กระชับและรวดเร็ว ส่วนคดีที่ปกติก็ให้ดำเนินการตามปกติ ซึ่งในการดำเนินการคดีพิเศษให้คำนึงถึงการหยุดยั้ง
การเสียหาย โดยการแก้ปัญหาในระยะยาวต้องแก้ให้ประชาชนฟ้องได้ ส่วนระยะสั้นให้ ป.ป.ช. ปรับปรุงให้มีการดำเนินการที่เร็วขึ้น
"ส่วนองค์กรศาลผมเห็นว่ายังพึ่งได้ แต่อยากเพิ่มช่องทางให้ประชาชนยื่นต่อศาลได้มากขึ้น อย่างโครงการบริหารจัดการน้ำ ความจริง
ในคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เราก็มีข้อมูลว่า การจัดซื้อจัดจ้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าถ้าไปยื่นตรงต่อศาลปกครองจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีการยื่นคดีบริหารจัดการน้ำจากบุคคลทั่วไป
ศาลก็ไม่รับ ที่รับและมีคำวินิจฉัยกรณีที่สมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน เพราะว่าสมาคมมีการขึ้นทะเบียนในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
อย่างไรก็ตามเห็นว่าองค์กรที่ทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาลยังมีความล่าช้าในการวินิจฉัยคดีมีแต่การรับเรื่องแต่ไม่มีผลออกมา หรือบางครั้ง
ก็ไม่ทันกับความเสียหายที่เกิด
cr:http://www.komchadluek.net/detail/20130908/167722/วสันต์ฟันธง!รบ.ขัดรธน.แล้ว2เรื่อง.html#.Ui18Oz8ZsoH
'วสันต์'ฟันธง!'รบ.'ขัดรธน.แล้ว2เรื่อง
'สพท.' จัดเสวนา 'ระบบนิติรัฐกับทางรอดประเทศไทย' ขณะที่ 'วสันต์' ฟันธงรัฐบาลขัดรธน.แล้ว 2 เรื่อง 'ไม่แถลงผลงาน-จำนำข้าว'
8 ก.ย. 56 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถ.วิภาวดี กทม. สถาบันพัฒนาภาวะผู้นำการปกครองท้องถิ่น (สพท.)
จัดเสวนาเรื่อง "ระบบนิติรัฐกับทางรอดของประเทศไทย" โดยมีนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการ
ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้บรรยาย และมีการอภิปรายร่วมในหัวข้อ "วิพากษ์ กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่" โดย
นายแก้วสรร อติโพธิ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ดำเนินรายการ เสวนาโดยนายภิญโญ ทองชัย ทั้งนี้ได้มีนายอุดร ตันติสุนทร
ประธานอำนวยการสถาบันพัฒนาภาวะผู้นำการปกครองท้องถิ่น เป็นประธานกล่าวเปิดงาน
นายวสันต์ กล่าวว่า นิติรัฐ หมายถึง รัฐที่มีการปกครองโดยยึดหลักกฎหมาย การชนะการเลือกตั้งไม่ได้แปลว่าให้มาบริหารประเทศ
อย่างเดียว เพราะแม้แต่การบริหารท้องถิ่น อบต. ล้วนแต่ต้องบริหารตามกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.
และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบองค์กรเอกชนก็เช่นเดียวกันที่ต้องบริหารตามข้อบังคับของบริษัท หากมีปัญหาเรื่องข้อบังคับ
ก็ต้องแก้ไข แต่บริษัทแก้ไม่ยาก แค่ประชุมผู้ถือหุ้น ทนายความ แต่ถ้าเป็นการบริหารองค์กรของรัฐ เทศบาล อบต. รวมถึงรัฐบาล
จะต้องบริหารตามกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจำเป็นต้องมีมือกฎหมายที่เก่ง มีความรู้ และแก้ปัญหาได้ดีไว้ใกล้ตัว
นักกฎหมายที่เก่งควรรู้กฎหมายและผูกโยงกฎหมายหลายฉบับที่เชื่อมโยงกันเพื่อให้บริหารถูกต้อง และเพื่อใช้กฎหมายให้เป็นประโยชน์
ต่อการบริหารประเทศ ไม่ใช่เอาช่องโหว่ของกฎหมายมาหาประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง แต่ต้องบริหารตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ไม่ใช่บริหารตามอำเภอใจ
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า องค์กรศาลมาตามตัวบทกฎหมายที่สภาออกมา สภาต้องการให้เป็นอย่างไรก็ออกมา แต่ประชาชนต้องยอมรับ
ไม่อย่างนั้นมีปัญหา ที่องค์กรตุลาการอยู่มาได้ทุกวันนี้ เพราะความเชื่อมั่นที่สังคมให้ ไม่ใช่ว่าตุลาการดีทุกคน เสียก็มี ไล่ออกปลดออกก็มี เพียงแต่คนเลวยังน้อยจึงทำให้อยู่กันได้ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 40 หน้าที่หลัก คือ ตัดสินว่ากฎหมาย
ฉบับนี้ขัดหรือไม่ การตัดสินของศาลอาจมีคนที่พอใจและไม่พอใจ ฝ่ายที่ไม่พอใจจะบอกว่าศาลไม่ยุติธรรมบ้าง ลำเอียงบ้าง แต่ตนคิดว่า
คิดไปเองมากกว่า เพราะกว่าจะตัดสินแต่ละเรื่องพวกเราคิดกันนานและเถียงกันมากพอสมควร ทั้งนี้ เรื่องการกระทำที่อาจขัดต่อ
มาตรา 68 ถือเป็นอำนาจที่สามารถวินิจฉัยได้ แต่ขนาดเป็นอำนาจศาลยังงอแงกันว่าต้องผ่านอัยการ ตกลงเป็นสิทธิประชาชนหรืออัยการ
เพราะในมาตรา 68 เป็นสิทธิเสรีของประชาชนชาวไทย พอรับคำร้องก็จะตายกันให้ได้ ทั้งเวลาที่รับฟ้องมีการยกคำร้องบ่อยไป เช่น
การแก้ไขมาตรา 291 แล้วมางอแงว่าจะโหวตวาระ 3 ได้หรือไม่ ก็ไปดูกันเอง เก่งๆ กันทั้งนั้น
"ในการตัดสินไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจได้ พอผลตัดสินออกมาฝ่ายที่ไม่พอใจก็มีการพูดว่าสองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม
ถ้าเนื้อหาเหมือนกันหมดและตัดสินออกมาคนละแบบ แบบนั้นถึงแปลว่าสองมาตรฐาน แต่ต้องเนื้อหาเหมือนกันเป๊ะ แต่ถ้าเนื้อหา
ไม่เหมือนเดิมมีอะไรเปลี่ยนแปลงและตัดสินไม่เหมือนเดิม ไม่ได้แปลว่าสองมาตรฐาน"
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า ตนฟันธงตอนนี้รัฐบาลทำขัดรัฐธรรมนูญแล้ว 2 เรื่อง แต่ไม่มีกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญก้าวล่วงไปวินิจฉัย คือ
ไม่แถลงผลงานปีละ 1 ครั้งต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 75 วรรคสองที่กำหนดไว้ ตรงนี้ไม่เหมือนศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมัน
ที่มีอำนาจจะเข้าไปตรวจสอบ เรียกไต่สวน หรือออกคำสั่งห้ามได้ โดยที่ไม่ต้องมีคนร้องหากเห็นว่ารัฐบาลหรือรัฐสภากำลังทำผิด
นอกจากนี้ ที่น่าหงุดหงิด คือ โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยตั้งแต่เดือน ก.พ. 55
เมื่อครั้งขอออกเป็น พ.ร.ก.ถือว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ วันนี้ พ.ร.ก.ดังกล่าวออกเป็น พ.ร.บ.แล้ว โดยมาตรา 3 เขียนให้อำนาจกระทรวง
การคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และในวรรคหนึ่งกำหนดให้การกู้ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย. 56 แต่จนถึงขณะนี้
มีคำยืนยันจากรองปลัดกระทรวงการคลังว่า ไปเซ็นสัญญากับ 4 ธนาคารแล้ว มีคำถามว่าการกู้เงินตาม พ.ร.บ.กำหนดให้ต้องทำให้
แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 56 การเซ็นสัญญากับธนาคารแล้วถือว่าเป็นกู้หรือยัง ซึ่งตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เขียนไว้ว่า
สัญญานี้จะบริบูรณ์เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม แต่ตอนนี้ถ้าเป็นไปตามที่รองปลัดกระทรวงการคลังบอกว่ายังไม่มีการส่งมอบเงิน
จึงเท่ากับว่ายังไม่มีการกู้เงินเกิดขึ้น ปัญหา คือ ถ้าหลังจากเดือน มิ.ย.แล้วธนาคารจะเสี่ยงกล้าให้เงินกับรัฐหรือไม่ เพราะถ้ายึด
ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การเสี่ยงให้เงินของธนาคารก็อาจนำมาสู่การไม่ได้รับเงินต้นคืนและดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน รัฐจะ
เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย
นายวสันต์ กล่าวอีกว่า เป็นห่วงบริษัทอิตาเลี่ยนไทย และเค.วอเตอร์ ไม่ทราบว่าเกาหลีมีแห้วขายไหม แนะนำว่า หากรัฐทวงเงินกู้
ตามสัญญาจากธนาคาร วิธีที่ดีที่สุดสำหรับธนาคาร คือ ไม่ส่งมอบเงินให้กับกระทรวงการคลัง แต่ให้กระทรวงการคลังไปฟ้องแพ่งเอา
เพราะถ้าให้ ก็ไม่แน่ว่าจะได้เงินคืน นี่คือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ถามว่าปีครึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ มัวไปทำอะไรกันอยู่
มัวแต่ไปเล่นละครพญาเม็งรายหรือไม่ มีคนไปฟ้องศาลปกครอง ศาลปกครอง ก็มีคำสั่งว่าจะต้องทำรายงานวิจัยศึกษาผลกระทบ
ด้านสิ่งแวดล้อม ก็ไปด่าศาลว่าถ้าน้ำท่วม ศาลปกครองต้องรับผิดชอบ ตนบอกได้เลยว่า ถ้าตอนนี้น้ำท่วมขึ้นมา คนที่รับผิดชอบ คือ
รัฐบาลอย่างเดียว เพราะปีกว่าๆ ไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่ความจริงบ้านเรามีกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่กำหนดให้ต้องทำประชาพิจารณ์ใน
โครงการที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 35 และมีรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 67 กำหนดว่า โครงการที่มีผลกระทบกับชุมชนต้อง
มีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งกรณีก็โยงไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่จะมีการกู้เงินตาม พ.ร.บ.
กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ถามว่าวันนี้จะทำรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ ต้องขุดลงใต้ดินผ่านอุทยานฯ ป่าสงวน และ
ชุมชนไหนบ้างรัฐก็ตอบไม่ได้ พูดอย่างเดียวจะเอาเงินกู้ โดยการกู้เงินเอามาทำโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รัฐระบุเป็น
โครงการ 7 ปี ถ้าเฉลี่ยรายปีจะต้องใช้งบประมาณปีละ 3 แสนล้านบาท ทำไมไม่กู้ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี คำตอบ
คือ ถ้าทำตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี การยื่นคำขอในแต่ละปี ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน และจะถูกตรวจสอบได้ง่าย
จึงเลี่ยงที่จะถูกตรวจสอบ ถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 169 และถ้าเรื่องนี้ผ่านไปได้ ต่อไปรัฐบาลจะไม่เลือกใช้การกู้ผ่าน
วิธีการงบประมาณแล้ว
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนอีกเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าผิด แต่ไม่มีอำนาจวินิจฉัย คือ โครงการรับจำนำข้าว เพราะผิดรัฐธรรมนูญ
มาตรา 84 (5) ที่บัญญัติเรื่องแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐว่า นโยบายที่รัฐกำหนดขึ้นต้องให้มีการแข่งขันเสรีเป็นธรรม ป้องกันการผูกขาด
ตัดตอน แต่โครงการรับจำนำข้าวที่ทำกันอยู่ถือว่ารัฐตัดตอนเสียเอง เพราะแท้จริงแล้วไม่ใช่การรับจำนำ แต่เป็นการรับซื้อข้าวทุกเมล็ด
จากชาวนา กลายเป็นโรงสีของรัฐเท่านั้นที่มีสิทธิได้ซื้อ แต่โรงสีเอกชนบางรายจะไม่ได้สิทธิรับซื้อ ขัดกับหลักของการรับจำนำ
เพราะการจำนำ คือ การเอาทรัพย์ไปประกันหนี้กับเจ้าหนี้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งต้องมีการไถ่ถอนหรือมีการต่อรอง แต่นี่กลับเป็นการตั้งโต๊ะ
รับซื้อทั้งหมด ถือเป็นการโกหกตั้งแต่ต้น
นายวสันต์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม มีประเด็นอยู่ 3 มาตรา คือ 1. มาตรา 3 วรรคสอง เรื่องหลักนิติธรรม
เช่น คดีที่เกิดพิพากษามาแล้ว อยู่ๆ จะยกเลิกมาพิจารณาใหม่ไม่ได้ 2. การออกกฎหมายต้องใช้บังคับเป็นการทั่วไป จะบังคับใช้กับ
คนเดียวๆ หรือบางกลุ่มไม่ได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญในมาตรา 29 และ 3. ในมาตรา 30 กำหนดไว้ว่า กฎหมายต้องไม่เลือกปฏิบัติโดย
ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะสถานะของบุคคล ฟันธงเลยผู้ใช้จ้างวาน ผู้โฆษณาก่อให้เกิดความผิด ถ้าจะมีการนิรโทษกรรมจะต้องไปทั้งยวง
ดังนั้น การนิรโทษกรรมจะยกเว้นให้ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ หากออกกฎหมายแล้วยกเว้นแกนนำจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30 เรื่องนี้
หากจะวินิจฉัยไม่ยากเลย
ต่อมานายแก้วสรร กล่าวในหัวข้อ "วิพากษ์ กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่" ว่า กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชาชน
ได้หรือไม่ เป็นเรื่องของกฎหมายมหาชน บ้านเราไม่เคยมีศาลรัฐธรรมนูญ พอตั้งศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีหน้าที่ ตรวจสอบว่า สภาออก
กฎหมายขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ประเทศไทยนั้นกำลังเกิดการบ้าอำนาจ เสียงข้างมากไม่ยอมอยู่บนความถูกต้อง ซึ่งสะท้อนให้
เห็นว่าเสียงข้างมากทำอะไรได้หลายอย่างใช่หรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ปัญหากฎหมายการเงิน การจะสร้างเมกกะโปรเจกท์
และปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส ในส่วนของโครงการบริหารจัดการน้ำ หลังจากที่อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญออกมาชี้ให้
เห็นแล้วในหลายๆประเด็นที่รัฐบาลกำลังทำผิดกฎหมาย ดังนั้นเราจะดำเนินตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป อย่างเช่นเรื่อง
โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน ก็จะนำไปฟ้องศาลปกครอง ส่วนในประเด็นอื่นก็ต้องพิจารณาต่อไปว่าจะอยู่ในอำนาจศาลใด
ขณะที่นายไพบูลย์ กล่าวว่า การบริหารประเทศถ้าเปรียบเทียบระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมาตรฐานแตกต่างกันมาก ปัญหาของประเทศไทย
คือ กฎหมายไหนมีประโยชน์ก็ให้ทำตามกฎหมาย ส่วนกฎหมายไหนที่ไม่มีประโยชน์ก็ให้แก้กฎหมาย ทั้งนี้ทั่วโลกพรรคการเมือง
จะเป็นส่วนเสริมสร้างให้ประชาชนอยู่ดีกินดีตามนโยบายที่เป็นแบบสถาบัน แต่พรรคการเมืองไทยเป็นสมบัติของเจ้าของ มีเจ้าของ
พรรคคนเดียว ฉะนั้นปัญหาเมื่อพรรคการเมืองมีโครงสร้างแบบนี้ แต่ให้อำนาจหมดเลยไปอยู่ภายใต้คนเดียว อย่างไรก็ตามการทุจริต
ในอดีตไม่รุนแรงแบบปัจจุบัน แต่ปัจจุบันที่มีการทุจริตแบบนี้เพราะคนๆ เดียวที่เป็นเจ้าของพรรคต้องการคงอำนาจก็ต้องเกิดการทุจริต
และสิ่งที่สำคัญเมื่ออำนาจเยอะ กฎหมายไทยเป็นที่พึ่งของประชนไม่ได้ อย่างไรก็ดีกลไกต่างๆ ที่มีปัญหาเพราะเกิดจากการทำงาน
ที่ล่าช้า กว่าจะตัดสินเสร็จก็ใช้เวลาหลายปี ไหนจะอัยการมีการดองไว้อีก ทั้งนี้เมื่อไปฟ้องได้โดยตรงที่ศาลถ้ามีกระบวนการทำได้
เมื่อไรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นก็จะทำได้ทันที อย่างไรก็ตามตนอยากเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำเป็น 2 แบบ คือ เป็นคดีพิเศษ และคดีปกติ ในส่วนของคดีพิเศษก็ให้เป็นคดีที่มีจำนวนเงินมาก
โดยใช้กระบวนการที่กระชับและรวดเร็ว ส่วนคดีที่ปกติก็ให้ดำเนินการตามปกติ ซึ่งในการดำเนินการคดีพิเศษให้คำนึงถึงการหยุดยั้ง
การเสียหาย โดยการแก้ปัญหาในระยะยาวต้องแก้ให้ประชาชนฟ้องได้ ส่วนระยะสั้นให้ ป.ป.ช. ปรับปรุงให้มีการดำเนินการที่เร็วขึ้น
"ส่วนองค์กรศาลผมเห็นว่ายังพึ่งได้ แต่อยากเพิ่มช่องทางให้ประชาชนยื่นต่อศาลได้มากขึ้น อย่างโครงการบริหารจัดการน้ำ ความจริง
ในคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เราก็มีข้อมูลว่า การจัดซื้อจัดจ้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าถ้าไปยื่นตรงต่อศาลปกครองจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีการยื่นคดีบริหารจัดการน้ำจากบุคคลทั่วไป
ศาลก็ไม่รับ ที่รับและมีคำวินิจฉัยกรณีที่สมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน เพราะว่าสมาคมมีการขึ้นทะเบียนในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค
อย่างไรก็ตามเห็นว่าองค์กรที่ทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาลยังมีความล่าช้าในการวินิจฉัยคดีมีแต่การรับเรื่องแต่ไม่มีผลออกมา หรือบางครั้ง
ก็ไม่ทันกับความเสียหายที่เกิด
cr:http://www.komchadluek.net/detail/20130908/167722/วสันต์ฟันธง!รบ.ขัดรธน.แล้ว2เรื่อง.html#.Ui18Oz8ZsoH
แสดงความคิดเห็น
@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)อาทิตย์ที่ 09/09/2013:รัดทะบาน จะไปด้วย 2 เรื่องนี้หรือไม่? @@@@
http://pantip.com/topic/30943230
@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)อาทิตย์ที่ 08/09/2013: รบ.ยิ่งลักษณ์ให้ความสนใจแก้ไขปัญหาปากท้อง?อย่างไร?
ต้นกำเนิด nonแดง โปรดดูรายละเอียดได้ที่นี่
http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2012/05/P12108539/P12108539.html
**รายชื่อสมาชิกชาว NONแดง (ผู้กล้าประกาศตัวว่าไม่เป็นคนเสื้อแดง)**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สมาชิกใหม่รอรับบัตร
http://pantip.com/topic/30916728/comment25
รวบรวมบัตรสมาชิกไว้ที่นี่ครับ
http://pantip.com/topic/30689712
ขอบพระคุณสมาชิกทุกท่าน ที่เข้าชม หรือแสดงความคิดเห็น