เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
*****************
บทที่ 2
ลุล่วงสู่กาลสมัยในอีก 10 ปี ถัดมา...
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด !! "
เสียงกรีดร้องของนางกำนัลดังกึกก้องกังวาลไปทั่วเขตพระราชฐานชั้นใน ภายในพระบรมมหาราชวังหลวงอนันตาอันโออ่าอลังการสุดบรรยาย
นางกำนัลผู้หนึ่งในชุดห่มสไบสีดอกอัญชัญแลนุ่งผ้ายาวปล่อยชายกรวยเชิงให้ระพื้นเป็นแนวยาววิ่งสลับบาทฉับๆอย่างว่องไวจนชายกรวยเชิงผ้าสะบัดพริ้วมาตามทางเดินบนพระตำหนักไม้สักทององค์หนึ่งด้วยท่าทีตระหนก
"อ๊าย...ย ย อย่าเพคะองค์ชายมูรตี องค์ชายมูรตีอย่าเพคะ"
นางร้องพลางวิ่งลัดเลี้ยวไปยังอีกทางหนึ่ง
แต่...
บัดดลกันนั้น
พลันปรากฏร่างบุรุษสะโอดสะองสูงใหญ่ในชุดเครื่องพัสตราภรณ์อย่างพระบรมราชขัตติยวงศานุวงศ์ชั้นสูงยืนขวางกางกั้นไว้ บุคคลผู้นี้หาใช่ใครอื่น หากเป็น องค์ชายมูรตี ผู้องอาจ เจริญพระชนมายุ 19 พระชันษา และงามสง่าดุจเทพยดาบนสรวงสวรรค์ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้ากรุงอนันตาผู้ผ่านพิภพ
โดยพลัน ทรงตวาดไปยังนางกำนัลผู้นั้นว่า...
" จะหนีข้าไปไหนฤาเจ้า ? "
" อ๊ะ... องค์ชายมูรตี "
นางผู้นั้นสั่นกายระริกพลางกราบทูล
องค์ชายมูรตีทรงทอดพระเนตรไปยังนางด้วยพระดวงเนตรกรุ้มกริ่มจึ่งตรัส
" บังอาจวิ่งหนีข้าในเขตมหาราชรโหฐานชั้นในสมควรได้รับทัณฑ์ฉันท์ใด "
นางในทรุดกายลงทันควันพลางส่ายหน้า
มิทราบได้เพคะพระองค์ หม่อมฉันเพิ่งมาอยู่งานใหม่ๆ หาได้รู้แจ้ง หวังหทัยว่าจะให้พระองค์ทรงชี้แนะ "
" กระแซะเข้ามาอีกนิดสิ "
องค์ชายมูรตีทรงยิ้ม
" เพคะ "
นางกำนัลปฏิบัติตามพระบัญชา
แต่แล้วในบัดดลกันนั้น...
ฉาด..ด..ด !!
องค์ชายมูรตีทรงวาดพระหัตถาซัดใบหน้านางกำนัลผู้นั้นจนหล่อนกลิ่งไถลไปตามพื้น มวยผมหลุดกระจุยยุ่งเหยิงและเครื่องพัสตราภรณ์ที่สวมใส่ก็ขาดกระจายเกลื่อน
" อ้า.. "
นางในผู้นั้นสลบไศลไปพลัน องค์ชายมูรตีทรงผินพระพักตร์แล้วทรงพระดำเนินจากไปอย่างช้าๆ
พระกิติศัพท์แห่งความร้ายกาจทางพระอารมณ์ขององค์ชายมูรตีนั้นเลื่องลือกระฉ่อนสลอนไปทั่วพระราชอาณาจักรอนันตาและอาณาจักใกล้เคียงราวไฟลามทุ่ง ซึ่งก็ดูราวกับว่าจะรุนแรงขั้นทุกขณะ และผู้ที่ออกจะกลัดกลุ้มมากเป็นพิเศษนั้นก็เห็นจะได้แก่สมเด็จพระราชบิดาขององค์ชายมูรตีนั่นเอง
- - - - - - - - -
ภายในพระราชอุยาน...
สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตาทรงพระดำเนินเคียงคู่มากับพระมเหสี รายล้อมไปด้วยเหล่านางพัดวีและนางกำนัลทั้งมวล พระอยู่หัวเจ้าทรงมีพระดำรัสขึ้นว่า
" มูรตีลูกเราก็เจริญวัยได้ 19 ชันษาแล้ว หากแต่ยังมีอารมณ์ร้อนและซุกซนราวกับเด็กๆ มิสมกับเป็นขัตติยราชวงศ์เชิดหน้าชูตา จนปัญญาเราที่จะคิดแก้ไข "
พระมเหสีทรงยิ้มจึ่งตรัส
" เป็นธรรมดาสามัญแห่งเยาวดรุณ หาควรที่ฝ่าพระบาทจะทรงกังวลห่วงใยอันใดไปไม่ หม่อมฉันคิดเห็นว่าเมื่อลูกมูรตีเจริญชันษากว่านี้คงจะทุเลาเบาบางลงไปเอง "
" กระไรได้น้องนาง นับวันจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นเป็นลำดับ ดูเหล่านางกำนัลใต้เบื้องบาทนี่สิ แต่ละนางพากันชอกช้ำระกำกายากันเป็นทิว นับวันจะเป็นที่รองรับอารมณ์คุ้มดีดุ้มร้ายระคนอยู่ทุกคืนค่ำ "
พระอยู่หัวเจ้าดำรัสจบ นางกำนัลผู้หนึ่งกราบทูลขึ้นทันควัน
" จริงแท้แน่เทียวเพคะพระอยู่หัวเจ้า หม่อมฉันเองยังมิพ้นพระบาท ถูกองค์ชายมูรตีสาดน้ำพระสุธารสใส่อยู่เนืองๆ "
" หม่อมฉันก็ด้วยเพคะพระเจ้าเหนือหัว ครานั้นหม่อมฉันถูกองค์ชางยมูรตีใช้พระหัตถาอันกำยำซัดพักตร์อันนวลใยใส่ผ่องมิหมองหมางจนร่างลอยคว้างกลิ้งไถลสลบไศลไปถึงสามทิวาราตรีกาลเลยทีเดียวเชียว "
อีกนางมิพลาดการทูล จนพระเจ้ากรุงอนันตาตรัสขึ้นโดยพลัน
" นั่นปะไร เห็นไหมมเหสีเจ้า แล้วเช่นนี้จะมิให้ตั้งข้อกังขากระไรได้ "
" แล้วเช่นนั้นจะเห็นสมควรเช่นไรดีเพคะ "
พระมเหสีดำรัสจบ นางกำนัลวัยเยาว์ผู้หนึ่งจึ่งทูลขึ้นด้วยปรีดาปราโมทย์ล้นประมาณปานได้ช่อง
" มิไยใต้ฝ่าละอองธุลีองค์มิทรงสถาปนาองค์ชายมูรตีขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราช เพื่อสนองพระราชอำนาจปกครองไพร่ฟ้าในอนาคตกาลอันแช่มชื่น หากแม้นองค์ชายมูรตีทรงเล็งเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยให้รั้งตำแหน่งมหาอุปราชแล้วไซร้ อาจทรงลดพระอารมณ์อันร้อนแรงนั้นลงก็เป็นได้นะเพคะ "
จบคำกราบทูล วงเครื่องสายที่ลอยลำเรืออยู่กลางสระในพระราชอุทยานต่างสานสรรพเสียงบรรเลงประโคมเป็นทำนอง เหล่านางใน พระมเหสี พระเจ้ากรุงอนันตา และนางกำนัลวัยเยาว์ผู้ชาญฉลาด ต่างพากันร่วมขับร้องประสานเสียงเป็นลำดับไป
" สถาปนาเจ้าฟ้าอุปราช "
" ชาญฉลาดเหลือหลายจริง "
" เช่นนี้คงแก้ไขได้ ชื่อเรียงเสียงไรกันหนอเจ้า "
" ลำดวนดาว เพคะมหาราช "
พระเจ้ากรุงอนันตาทรงแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งตรัส
" ลำดวนดาว "
" เพคะพระองค์ "
" อันสติปัญญาของเจ้าช่างก้าวไกลสุดประมาณ ผิแล้วเหนือชั้นกว่านางกำนัลทั้งมวลในแผ่นดินอนันตา เหมาะยิ่งที่เจ้าจะได้เคียงคู่องค์ชายมูรตีไปทุกหน เช่นนั้น... เมื่อเราได้สถาปนาองค์ชายมูรตีขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราชแล้ว เจ้าจงสนองพระบาทเป็นนางกำนัลคู่พระหทัยแห่งมูรตีไปตราบชีวีมลายสิ้น "
" ยินดีเป็นที่ยิ่งเพคะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท หม่อมฉันจะสนองพระบรมราชบัญชาพระองค์แลพระราชประสงค์แห่งองค์มูรตีให้ถึงพระหทัยทีเดียวเจียวเพคะ "
นางลำดวนดาววัยเยาว์ปรีด์เปรมเกษมสันต์พลางทำนัยน์ตามีเลศนัยกรุ้มกริ่ม
- - - - - - - - -
ในวันหนึ่ง เมื่อพระสุริยเทพทอรัศมีเจิดจ้าตราบแต่บุรพทิศจนจรดทั่วทั้งนภากาศ
นับเป็นมหาฤกษ์อุดมดิถีที่องค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ ทรงมีพระบัญชาดลบันดาลให้ก่อเกิดกิจการสถาปนาอันยิ่งใหญ่
ภายในท้องพระโรงพระบรมมหาราชวังอันโออ่าแห่งอนันตามหาราชธานีศรีเกวลทวีป เพลานั้น เหล่าขุนนาง อำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งมวลต่างมาร่วมมหาสมาคมกันโดยพร้อมเพรียงมิได้ขาด
ณ เบื้องในสุดแห่งนั้น เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงต่างประทับนั่งเรียงรายกันอยู่อย่างสง่างามตามลำดับชั้น ทุกพระองค์ท่านล้วนฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงอย่างวิจิตรเต็มตามพระอิสริยฐานานุฐานันดรอันควร
เหล่านางในและนางพัดวีผู้สนองพระราชบัณฑูรแห่งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ต่างปฏิบัติอยู่กิจการของตนมิได้ขาด แลเห็นวาลวิชนีสีทอง เงิน นาค อันอร่ามงามตามากมายโบกสะบัดสลับสลอนสะท้อนแสงวาววับระยิบระยับจับตาราวกับรัศมีแห่งอัญมณีบนพระมหามงกุฏอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้า
บัดดล มโหรีหลวงวงใหญ่พลันประโคมบรรเลงเพลงเทวาสถิตยามหากฤษฎาสถาปนาเทวราช อย่างยิ่งใหญ่อลังการสุดประมาณมี สุดที่จะบรรยายได้ในชีวิตนี้ ก่อนที่นายพระทวารบรมราชบัลลังก์จะลั่นฆ้องชัยสามคำรบก่อนกล่าวก้องไปทั่วท้องพระโรงแลกระเดี่องไปถึงสรวงสวรรค์ชั้นฟ้าว่า
" ถวายบังคมสมเด็จพระผู้เสด็จผ่านพิภพแสนอสงไขแห่งอนันตามาราชอาณาจักรอันเกริกเกียรติเกรียงไกรทั่วทุกทิศานุทิศ "
ณ บัดนั้น เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง อำมาตย์ แลข้าราชบริพารทั้งมวล ต่างน้อมเศียรลงกับพื้นพลางเปล่งสรรพวาจาพร้อมกันว่า
" ขอจงทรงพระเจริญแสนล้านพระชันษา "
- - - - - - - - -
พระเจ้ากรุงอนันตาเสด็จประทับบนพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน พลางทรงทัศนาเหล่าปวงประชาทั้งมวล ณ ที่แห่งนั้น
เมื่อถึงอุดมสิริสวัสดิถีฤกษ์ องค์ชายมูรตีผู้ทรงสง่าวัย 19 พระชันษา ทรงพระดำเนินออกจากเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วตรงมายังเบื้องหน้าแห่งพระเจ้ากรุงอนันตา ก่อนจะลดพระองค์ลงกราบถวายบังคมคำรบหนึ่งจึ่งทรงเงยพระพักตร์ขึ้น
พระอยู่หัวเจ้าแห่งอนันตาทรงเอื้อมพระหัตถาไปอัญเชิญพระมหามงกุฏสุทธิวงศ์ประสาทสรวง ที่ประทับอยู่บนพานพระสุวรรณเทวา ก่อนจะทรงชูขึ้นสูงคราหนึ่งจึงค่อยๆสวมลงบนพระเศียรแห่งองค์ชายมูรตีผู้เป็นพระโอรส
มโหรีหลวงประโคมสังข์ประทั่งแตร มโหรทึก ปี่ กลองชนะ ฉาบ ฉิ่ง กรับ โหม่ง จนสนั่นลั่นท้องพระโรง ตามด้วยเสียงแห่งพระราชอาลักษณ์หลวงอ่านพระสุพรรณบัฏ ด้วยสุรเสียงอันดังครานั้น
" ณ บัดนี้ องค์ชายมูรตีผู้เป็นพระโอรสแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตา ทรงได้เฉลิมพระสมัญญานามใหม่เป็นที่ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ขอจงทรงพระเจริญตราบกาลปาวสานยิ่งยืนนาลชั่วกัปชั่วกัลป์ เทอญ "
เหล่าพสกนิกรก้มกราบถวายชัยมงคลโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เจ้าฟ้ามูรตีจะเสด็จขึ้นประทับบนพระบัลลังก์รอง อันประดิษฐานอยู่ ณ เบื้องหน้าพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุราแห่งพระเจ้ากรุงอนันตานั้น "
ครู่นั้น นายทวารท้องพระโรงพลันกู่ร้องก่อนเบิกเหล่าทูตานุทูตจากต่างแดนซึ่งเดินทางมาถวายชัยมงคลแด่องค์สมเด็จเจ้าฟ้าแห่งอนันตา "
บานประตูท้องพระโรงได้แง้มเปิดออก ก่อนที่เหล่าทูตานุทูตกลุ่มหนึ่งจะเดินแหวกหมู่ข้าราชบริพารแห่งอนันตามาที่เบื้องใน และหยุดยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์
ราชทูตผู้หนึ่งเอื้อมมือไปหยิบพระราชสาส์นแห่งพระเจ้ากรุงภูธราจากผู้ที่อัญเชิญอยู่พลางคลี่ออกอ่านด้วยเสียงอันดังสนั่นดังมีใจความว่า
" กราบถวายบังคมแด่องค์สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตาผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ กับทั้งขออวยชัยแด่พระโอรส เนื่องในวันอันเป็นมงคลครบรอบวันประสูติและวโรกาสที่ได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราชแห่งอนันตา ณ บัดนี้ เราผู้เป็นพระเจ้ากรุงภูธรา ขอถวายของกำนัลแด่องค์เจ้าฟ้ามูรตีด้วยเหล่าขันที สี่พันกว่าคน เพื่อให้อยู่งานรับใช้ใต้เบื้องพระบาทในพระราชสำนักแห่งอนันตาสืบไป "
เมื่อราชทูตภูธราอ่านพระราชสาส์นจนจบก็ถวายพระราชสาส์นนั้นแด่องค์เจ้าฟ้ามูรตีในทันที
ครากระนั้น นายทวารพระราชวังพลันลั่นฆ้องชัยคราหนึ่งก่อนเปล่งสุรเสียงอันดังอีกคราว่า
" ณ บัดนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงเถมรู ได้เสด็จพระราชดำเนินถึงกรุงอนันตาในครานี้ "
ฉับพลัน แสงสุวรรณอันเรืองรองก็ฉายระยิบระยับจับตาจากหน้าประตูท้องพระโรงแห่งอนันตาเหล่าข้าราชบริพารต่างตื่นตะลึงพรึงเพริดเปิดตาอ้าปากค้างพลางส่งเสียงอื้ออึงอลพร้อมทอดสายตามองกระบวนเสด็จแห่งพระเจ้ากรุงเถมรูอันประดับประดาไปด้วยเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศซึ่งเป็นทองคำและอัญมณีอันหลากหลายส่องประกายไปทั่วท้องพระโรงแห่งนั้น
เหล่านางในแห่งเถมรูในชุดแต่งกายประจำชาติอันแปลกตาด้วยผ้าสไบหลากสีและผ้านุ่งที่ปล่อยชายให้ยาวระพื้นต่างยุรยาตรอัญเชิญเครื่องบรมราชบรรณนาการอันมากหลายมาถวายแด่องค์ผู้ผ่านพิภพอนันตา
มโหรีหลวงแห่งราชสำนักประโคมเพลงเถมรูจักราเอกรัฐศิริสวัสดิ์สวรรค์ อันเป็นบทเพลงประจำชาติเถมรูอันเกริกเกียรติเกรียงไกร
พระเสลี่ยงแห่งพระเจ้ากรุงเถมรูถูกอัญเชิญลง และพระวิสูตรก็ถูกเผยออกโดยนางในผู้หนึ่ง ก่อนที่พระอยู่หัวเจ้าจะทรงพระดำเนินออกจากพระเสลี่ยงองค์นั้น ทรงมุ่งตรงไปยังหน้าบันไดอันทอดขึ้นสู่พระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน ก่อนจะทรงน้อมคำนับพระเจ้ากรุงอนันตาคราหนึ่ง
" ถวายบังคมพระทรงชัย "
จบพระดำรัส ทรงหันมาทางเจ้าฟ้ามูรตี จึ่งตรัส
" และขออวยชัยแด่มูรตีเจ้า "
เจ้าฟ้ามูรตีเสด็จลุกขึ้นจากพระราชบัลลังก์รอง พลางโค้งตำนับพระเจ้ากรุงเถมรูคราหนึ่ง
" ขอจงทรงพระเจริญพระเจ้าค่ะ "
" ขอบใจ... และครานี้ ฉันมีของกำนัลมาให้แด่เธอ "
พระเจ้ากรุงเถมรูตรัสจบ ทรงผายพระหัตถาไปยังพระเสลี่ยงอีกองค์หนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่หลังพระเสลี่ยงของพระองค์
พระเสลี่ยงองค์นั้นมีพระวิสูตรกรองทองกางกั้นไว้เช่นกัน
ครู่หนึ่ง พระวิสูตรอันงดงามแห่งพระเสลี่ยงองค์นั้นก็พลันเผยออกโดยนางกำนัลสองคน
[นิยายแนววาย] เจ้าฟ้ามูรตี : บทที่ 2
บทประพันธ์ ด๋ง
*****************
บทที่ 2
ลุล่วงสู่กาลสมัยในอีก 10 ปี ถัดมา...
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด !! "
เสียงกรีดร้องของนางกำนัลดังกึกก้องกังวาลไปทั่วเขตพระราชฐานชั้นใน ภายในพระบรมมหาราชวังหลวงอนันตาอันโออ่าอลังการสุดบรรยาย
นางกำนัลผู้หนึ่งในชุดห่มสไบสีดอกอัญชัญแลนุ่งผ้ายาวปล่อยชายกรวยเชิงให้ระพื้นเป็นแนวยาววิ่งสลับบาทฉับๆอย่างว่องไวจนชายกรวยเชิงผ้าสะบัดพริ้วมาตามทางเดินบนพระตำหนักไม้สักทององค์หนึ่งด้วยท่าทีตระหนก
"อ๊าย...ย ย อย่าเพคะองค์ชายมูรตี องค์ชายมูรตีอย่าเพคะ"
นางร้องพลางวิ่งลัดเลี้ยวไปยังอีกทางหนึ่ง
แต่...
บัดดลกันนั้น
พลันปรากฏร่างบุรุษสะโอดสะองสูงใหญ่ในชุดเครื่องพัสตราภรณ์อย่างพระบรมราชขัตติยวงศานุวงศ์ชั้นสูงยืนขวางกางกั้นไว้ บุคคลผู้นี้หาใช่ใครอื่น หากเป็น องค์ชายมูรตี ผู้องอาจ เจริญพระชนมายุ 19 พระชันษา และงามสง่าดุจเทพยดาบนสรวงสวรรค์ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้ากรุงอนันตาผู้ผ่านพิภพ
โดยพลัน ทรงตวาดไปยังนางกำนัลผู้นั้นว่า...
" จะหนีข้าไปไหนฤาเจ้า ? "
" อ๊ะ... องค์ชายมูรตี "
นางผู้นั้นสั่นกายระริกพลางกราบทูล
องค์ชายมูรตีทรงทอดพระเนตรไปยังนางด้วยพระดวงเนตรกรุ้มกริ่มจึ่งตรัส
" บังอาจวิ่งหนีข้าในเขตมหาราชรโหฐานชั้นในสมควรได้รับทัณฑ์ฉันท์ใด "
นางในทรุดกายลงทันควันพลางส่ายหน้า
มิทราบได้เพคะพระองค์ หม่อมฉันเพิ่งมาอยู่งานใหม่ๆ หาได้รู้แจ้ง หวังหทัยว่าจะให้พระองค์ทรงชี้แนะ "
" กระแซะเข้ามาอีกนิดสิ "
องค์ชายมูรตีทรงยิ้ม
" เพคะ "
นางกำนัลปฏิบัติตามพระบัญชา
แต่แล้วในบัดดลกันนั้น...
ฉาด..ด..ด !!
องค์ชายมูรตีทรงวาดพระหัตถาซัดใบหน้านางกำนัลผู้นั้นจนหล่อนกลิ่งไถลไปตามพื้น มวยผมหลุดกระจุยยุ่งเหยิงและเครื่องพัสตราภรณ์ที่สวมใส่ก็ขาดกระจายเกลื่อน
" อ้า.. "
นางในผู้นั้นสลบไศลไปพลัน องค์ชายมูรตีทรงผินพระพักตร์แล้วทรงพระดำเนินจากไปอย่างช้าๆ
พระกิติศัพท์แห่งความร้ายกาจทางพระอารมณ์ขององค์ชายมูรตีนั้นเลื่องลือกระฉ่อนสลอนไปทั่วพระราชอาณาจักรอนันตาและอาณาจักใกล้เคียงราวไฟลามทุ่ง ซึ่งก็ดูราวกับว่าจะรุนแรงขั้นทุกขณะ และผู้ที่ออกจะกลัดกลุ้มมากเป็นพิเศษนั้นก็เห็นจะได้แก่สมเด็จพระราชบิดาขององค์ชายมูรตีนั่นเอง
- - - - - - - - -
ภายในพระราชอุยาน...
สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตาทรงพระดำเนินเคียงคู่มากับพระมเหสี รายล้อมไปด้วยเหล่านางพัดวีและนางกำนัลทั้งมวล พระอยู่หัวเจ้าทรงมีพระดำรัสขึ้นว่า
" มูรตีลูกเราก็เจริญวัยได้ 19 ชันษาแล้ว หากแต่ยังมีอารมณ์ร้อนและซุกซนราวกับเด็กๆ มิสมกับเป็นขัตติยราชวงศ์เชิดหน้าชูตา จนปัญญาเราที่จะคิดแก้ไข "
พระมเหสีทรงยิ้มจึ่งตรัส
" เป็นธรรมดาสามัญแห่งเยาวดรุณ หาควรที่ฝ่าพระบาทจะทรงกังวลห่วงใยอันใดไปไม่ หม่อมฉันคิดเห็นว่าเมื่อลูกมูรตีเจริญชันษากว่านี้คงจะทุเลาเบาบางลงไปเอง "
" กระไรได้น้องนาง นับวันจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นเป็นลำดับ ดูเหล่านางกำนัลใต้เบื้องบาทนี่สิ แต่ละนางพากันชอกช้ำระกำกายากันเป็นทิว นับวันจะเป็นที่รองรับอารมณ์คุ้มดีดุ้มร้ายระคนอยู่ทุกคืนค่ำ "
พระอยู่หัวเจ้าดำรัสจบ นางกำนัลผู้หนึ่งกราบทูลขึ้นทันควัน
" จริงแท้แน่เทียวเพคะพระอยู่หัวเจ้า หม่อมฉันเองยังมิพ้นพระบาท ถูกองค์ชายมูรตีสาดน้ำพระสุธารสใส่อยู่เนืองๆ "
" หม่อมฉันก็ด้วยเพคะพระเจ้าเหนือหัว ครานั้นหม่อมฉันถูกองค์ชางยมูรตีใช้พระหัตถาอันกำยำซัดพักตร์อันนวลใยใส่ผ่องมิหมองหมางจนร่างลอยคว้างกลิ้งไถลสลบไศลไปถึงสามทิวาราตรีกาลเลยทีเดียวเชียว "
อีกนางมิพลาดการทูล จนพระเจ้ากรุงอนันตาตรัสขึ้นโดยพลัน
" นั่นปะไร เห็นไหมมเหสีเจ้า แล้วเช่นนี้จะมิให้ตั้งข้อกังขากระไรได้ "
" แล้วเช่นนั้นจะเห็นสมควรเช่นไรดีเพคะ "
พระมเหสีดำรัสจบ นางกำนัลวัยเยาว์ผู้หนึ่งจึ่งทูลขึ้นด้วยปรีดาปราโมทย์ล้นประมาณปานได้ช่อง
" มิไยใต้ฝ่าละอองธุลีองค์มิทรงสถาปนาองค์ชายมูรตีขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราช เพื่อสนองพระราชอำนาจปกครองไพร่ฟ้าในอนาคตกาลอันแช่มชื่น หากแม้นองค์ชายมูรตีทรงเล็งเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยให้รั้งตำแหน่งมหาอุปราชแล้วไซร้ อาจทรงลดพระอารมณ์อันร้อนแรงนั้นลงก็เป็นได้นะเพคะ "
จบคำกราบทูล วงเครื่องสายที่ลอยลำเรืออยู่กลางสระในพระราชอุทยานต่างสานสรรพเสียงบรรเลงประโคมเป็นทำนอง เหล่านางใน พระมเหสี พระเจ้ากรุงอนันตา และนางกำนัลวัยเยาว์ผู้ชาญฉลาด ต่างพากันร่วมขับร้องประสานเสียงเป็นลำดับไป
" สถาปนาเจ้าฟ้าอุปราช "
" ชาญฉลาดเหลือหลายจริง "
" เช่นนี้คงแก้ไขได้ ชื่อเรียงเสียงไรกันหนอเจ้า "
" ลำดวนดาว เพคะมหาราช "
พระเจ้ากรุงอนันตาทรงแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งตรัส
" ลำดวนดาว "
" เพคะพระองค์ "
" อันสติปัญญาของเจ้าช่างก้าวไกลสุดประมาณ ผิแล้วเหนือชั้นกว่านางกำนัลทั้งมวลในแผ่นดินอนันตา เหมาะยิ่งที่เจ้าจะได้เคียงคู่องค์ชายมูรตีไปทุกหน เช่นนั้น... เมื่อเราได้สถาปนาองค์ชายมูรตีขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราชแล้ว เจ้าจงสนองพระบาทเป็นนางกำนัลคู่พระหทัยแห่งมูรตีไปตราบชีวีมลายสิ้น "
" ยินดีเป็นที่ยิ่งเพคะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท หม่อมฉันจะสนองพระบรมราชบัญชาพระองค์แลพระราชประสงค์แห่งองค์มูรตีให้ถึงพระหทัยทีเดียวเจียวเพคะ "
นางลำดวนดาววัยเยาว์ปรีด์เปรมเกษมสันต์พลางทำนัยน์ตามีเลศนัยกรุ้มกริ่ม
- - - - - - - - -
ในวันหนึ่ง เมื่อพระสุริยเทพทอรัศมีเจิดจ้าตราบแต่บุรพทิศจนจรดทั่วทั้งนภากาศ
นับเป็นมหาฤกษ์อุดมดิถีที่องค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ ทรงมีพระบัญชาดลบันดาลให้ก่อเกิดกิจการสถาปนาอันยิ่งใหญ่
ภายในท้องพระโรงพระบรมมหาราชวังอันโออ่าแห่งอนันตามหาราชธานีศรีเกวลทวีป เพลานั้น เหล่าขุนนาง อำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งมวลต่างมาร่วมมหาสมาคมกันโดยพร้อมเพรียงมิได้ขาด
ณ เบื้องในสุดแห่งนั้น เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงต่างประทับนั่งเรียงรายกันอยู่อย่างสง่างามตามลำดับชั้น ทุกพระองค์ท่านล้วนฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงอย่างวิจิตรเต็มตามพระอิสริยฐานานุฐานันดรอันควร
เหล่านางในและนางพัดวีผู้สนองพระราชบัณฑูรแห่งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ต่างปฏิบัติอยู่กิจการของตนมิได้ขาด แลเห็นวาลวิชนีสีทอง เงิน นาค อันอร่ามงามตามากมายโบกสะบัดสลับสลอนสะท้อนแสงวาววับระยิบระยับจับตาราวกับรัศมีแห่งอัญมณีบนพระมหามงกุฏอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้า
บัดดล มโหรีหลวงวงใหญ่พลันประโคมบรรเลงเพลงเทวาสถิตยามหากฤษฎาสถาปนาเทวราช อย่างยิ่งใหญ่อลังการสุดประมาณมี สุดที่จะบรรยายได้ในชีวิตนี้ ก่อนที่นายพระทวารบรมราชบัลลังก์จะลั่นฆ้องชัยสามคำรบก่อนกล่าวก้องไปทั่วท้องพระโรงแลกระเดี่องไปถึงสรวงสวรรค์ชั้นฟ้าว่า
" ถวายบังคมสมเด็จพระผู้เสด็จผ่านพิภพแสนอสงไขแห่งอนันตามาราชอาณาจักรอันเกริกเกียรติเกรียงไกรทั่วทุกทิศานุทิศ "
ณ บัดนั้น เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง อำมาตย์ แลข้าราชบริพารทั้งมวล ต่างน้อมเศียรลงกับพื้นพลางเปล่งสรรพวาจาพร้อมกันว่า
" ขอจงทรงพระเจริญแสนล้านพระชันษา "
- - - - - - - - -
พระเจ้ากรุงอนันตาเสด็จประทับบนพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน พลางทรงทัศนาเหล่าปวงประชาทั้งมวล ณ ที่แห่งนั้น
เมื่อถึงอุดมสิริสวัสดิถีฤกษ์ องค์ชายมูรตีผู้ทรงสง่าวัย 19 พระชันษา ทรงพระดำเนินออกจากเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วตรงมายังเบื้องหน้าแห่งพระเจ้ากรุงอนันตา ก่อนจะลดพระองค์ลงกราบถวายบังคมคำรบหนึ่งจึ่งทรงเงยพระพักตร์ขึ้น
พระอยู่หัวเจ้าแห่งอนันตาทรงเอื้อมพระหัตถาไปอัญเชิญพระมหามงกุฏสุทธิวงศ์ประสาทสรวง ที่ประทับอยู่บนพานพระสุวรรณเทวา ก่อนจะทรงชูขึ้นสูงคราหนึ่งจึงค่อยๆสวมลงบนพระเศียรแห่งองค์ชายมูรตีผู้เป็นพระโอรส
มโหรีหลวงประโคมสังข์ประทั่งแตร มโหรทึก ปี่ กลองชนะ ฉาบ ฉิ่ง กรับ โหม่ง จนสนั่นลั่นท้องพระโรง ตามด้วยเสียงแห่งพระราชอาลักษณ์หลวงอ่านพระสุพรรณบัฏ ด้วยสุรเสียงอันดังครานั้น
" ณ บัดนี้ องค์ชายมูรตีผู้เป็นพระโอรสแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตา ทรงได้เฉลิมพระสมัญญานามใหม่เป็นที่ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ขอจงทรงพระเจริญตราบกาลปาวสานยิ่งยืนนาลชั่วกัปชั่วกัลป์ เทอญ "
เหล่าพสกนิกรก้มกราบถวายชัยมงคลโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เจ้าฟ้ามูรตีจะเสด็จขึ้นประทับบนพระบัลลังก์รอง อันประดิษฐานอยู่ ณ เบื้องหน้าพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุราแห่งพระเจ้ากรุงอนันตานั้น "
ครู่นั้น นายทวารท้องพระโรงพลันกู่ร้องก่อนเบิกเหล่าทูตานุทูตจากต่างแดนซึ่งเดินทางมาถวายชัยมงคลแด่องค์สมเด็จเจ้าฟ้าแห่งอนันตา "
บานประตูท้องพระโรงได้แง้มเปิดออก ก่อนที่เหล่าทูตานุทูตกลุ่มหนึ่งจะเดินแหวกหมู่ข้าราชบริพารแห่งอนันตามาที่เบื้องใน และหยุดยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์
ราชทูตผู้หนึ่งเอื้อมมือไปหยิบพระราชสาส์นแห่งพระเจ้ากรุงภูธราจากผู้ที่อัญเชิญอยู่พลางคลี่ออกอ่านด้วยเสียงอันดังสนั่นดังมีใจความว่า
" กราบถวายบังคมแด่องค์สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตาผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ กับทั้งขออวยชัยแด่พระโอรส เนื่องในวันอันเป็นมงคลครบรอบวันประสูติและวโรกาสที่ได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราชแห่งอนันตา ณ บัดนี้ เราผู้เป็นพระเจ้ากรุงภูธรา ขอถวายของกำนัลแด่องค์เจ้าฟ้ามูรตีด้วยเหล่าขันที สี่พันกว่าคน เพื่อให้อยู่งานรับใช้ใต้เบื้องพระบาทในพระราชสำนักแห่งอนันตาสืบไป "
เมื่อราชทูตภูธราอ่านพระราชสาส์นจนจบก็ถวายพระราชสาส์นนั้นแด่องค์เจ้าฟ้ามูรตีในทันที
ครากระนั้น นายทวารพระราชวังพลันลั่นฆ้องชัยคราหนึ่งก่อนเปล่งสุรเสียงอันดังอีกคราว่า
" ณ บัดนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงเถมรู ได้เสด็จพระราชดำเนินถึงกรุงอนันตาในครานี้ "
ฉับพลัน แสงสุวรรณอันเรืองรองก็ฉายระยิบระยับจับตาจากหน้าประตูท้องพระโรงแห่งอนันตาเหล่าข้าราชบริพารต่างตื่นตะลึงพรึงเพริดเปิดตาอ้าปากค้างพลางส่งเสียงอื้ออึงอลพร้อมทอดสายตามองกระบวนเสด็จแห่งพระเจ้ากรุงเถมรูอันประดับประดาไปด้วยเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศซึ่งเป็นทองคำและอัญมณีอันหลากหลายส่องประกายไปทั่วท้องพระโรงแห่งนั้น
เหล่านางในแห่งเถมรูในชุดแต่งกายประจำชาติอันแปลกตาด้วยผ้าสไบหลากสีและผ้านุ่งที่ปล่อยชายให้ยาวระพื้นต่างยุรยาตรอัญเชิญเครื่องบรมราชบรรณนาการอันมากหลายมาถวายแด่องค์ผู้ผ่านพิภพอนันตา
มโหรีหลวงแห่งราชสำนักประโคมเพลงเถมรูจักราเอกรัฐศิริสวัสดิ์สวรรค์ อันเป็นบทเพลงประจำชาติเถมรูอันเกริกเกียรติเกรียงไกร
พระเสลี่ยงแห่งพระเจ้ากรุงเถมรูถูกอัญเชิญลง และพระวิสูตรก็ถูกเผยออกโดยนางในผู้หนึ่ง ก่อนที่พระอยู่หัวเจ้าจะทรงพระดำเนินออกจากพระเสลี่ยงองค์นั้น ทรงมุ่งตรงไปยังหน้าบันไดอันทอดขึ้นสู่พระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน ก่อนจะทรงน้อมคำนับพระเจ้ากรุงอนันตาคราหนึ่ง
" ถวายบังคมพระทรงชัย "
จบพระดำรัส ทรงหันมาทางเจ้าฟ้ามูรตี จึ่งตรัส
" และขออวยชัยแด่มูรตีเจ้า "
เจ้าฟ้ามูรตีเสด็จลุกขึ้นจากพระราชบัลลังก์รอง พลางโค้งตำนับพระเจ้ากรุงเถมรูคราหนึ่ง
" ขอจงทรงพระเจริญพระเจ้าค่ะ "
" ขอบใจ... และครานี้ ฉันมีของกำนัลมาให้แด่เธอ "
พระเจ้ากรุงเถมรูตรัสจบ ทรงผายพระหัตถาไปยังพระเสลี่ยงอีกองค์หนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่หลังพระเสลี่ยงของพระองค์
พระเสลี่ยงองค์นั้นมีพระวิสูตรกรองทองกางกั้นไว้เช่นกัน
ครู่หนึ่ง พระวิสูตรอันงดงามแห่งพระเสลี่ยงองค์นั้นก็พลันเผยออกโดยนางกำนัลสองคน