[นิยายแนววาย] เจ้าฟ้ามูรตี : บทที่ 2

กระทู้สนทนา
เจ้าฟ้ามูรตี

บทประพันธ์ ด๋ง

*****************


บทที่ 2




ลุล่วงสู่กาลสมัยในอีก 10 ปี ถัดมา...

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด !! "

เสียงกรีดร้องของนางกำนัลดังกึกก้องกังวาลไปทั่วเขตพระราชฐานชั้นใน ภายในพระบรมมหาราชวังหลวงอนันตาอันโออ่าอลังการสุดบรรยาย

นางกำนัลผู้หนึ่งในชุดห่มสไบสีดอกอัญชัญแลนุ่งผ้ายาวปล่อยชายกรวยเชิงให้ระพื้นเป็นแนวยาววิ่งสลับบาทฉับๆอย่างว่องไวจนชายกรวยเชิงผ้าสะบัดพริ้วมาตามทางเดินบนพระตำหนักไม้สักทององค์หนึ่งด้วยท่าทีตระหนก        

"อ๊าย...ย  ย อย่าเพคะองค์ชายมูรตี องค์ชายมูรตีอย่าเพคะ"

นางร้องพลางวิ่งลัดเลี้ยวไปยังอีกทางหนึ่ง

แต่...

บัดดลกันนั้น

พลันปรากฏร่างบุรุษสะโอดสะองสูงใหญ่ในชุดเครื่องพัสตราภรณ์อย่างพระบรมราชขัตติยวงศานุวงศ์ชั้นสูงยืนขวางกางกั้นไว้ บุคคลผู้นี้หาใช่ใครอื่น หากเป็น องค์ชายมูรตี ผู้องอาจ เจริญพระชนมายุ 19 พระชันษา และงามสง่าดุจเทพยดาบนสรวงสวรรค์ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้ากรุงอนันตาผู้ผ่านพิภพ

โดยพลัน ทรงตวาดไปยังนางกำนัลผู้นั้นว่า...

" จะหนีข้าไปไหนฤาเจ้า ? "

" อ๊ะ... องค์ชายมูรตี "

นางผู้นั้นสั่นกายระริกพลางกราบทูล

องค์ชายมูรตีทรงทอดพระเนตรไปยังนางด้วยพระดวงเนตรกรุ้มกริ่มจึ่งตรัส

" บังอาจวิ่งหนีข้าในเขตมหาราชรโหฐานชั้นในสมควรได้รับทัณฑ์ฉันท์ใด "

นางในทรุดกายลงทันควันพลางส่ายหน้า

มิทราบได้เพคะพระองค์ หม่อมฉันเพิ่งมาอยู่งานใหม่ๆ หาได้รู้แจ้ง หวังหทัยว่าจะให้พระองค์ทรงชี้แนะ "

" กระแซะเข้ามาอีกนิดสิ "

องค์ชายมูรตีทรงยิ้ม

" เพคะ "

นางกำนัลปฏิบัติตามพระบัญชา

แต่แล้วในบัดดลกันนั้น...        

ฉาด..ด..ด !!

องค์ชายมูรตีทรงวาดพระหัตถาซัดใบหน้านางกำนัลผู้นั้นจนหล่อนกลิ่งไถลไปตามพื้น มวยผมหลุดกระจุยยุ่งเหยิงและเครื่องพัสตราภรณ์ที่สวมใส่ก็ขาดกระจายเกลื่อน

" อ้า.. "

นางในผู้นั้นสลบไศลไปพลัน องค์ชายมูรตีทรงผินพระพักตร์แล้วทรงพระดำเนินจากไปอย่างช้าๆ        

พระกิติศัพท์แห่งความร้ายกาจทางพระอารมณ์ขององค์ชายมูรตีนั้นเลื่องลือกระฉ่อนสลอนไปทั่วพระราชอาณาจักรอนันตาและอาณาจักใกล้เคียงราวไฟลามทุ่ง ซึ่งก็ดูราวกับว่าจะรุนแรงขั้นทุกขณะ และผู้ที่ออกจะกลัดกลุ้มมากเป็นพิเศษนั้นก็เห็นจะได้แก่สมเด็จพระราชบิดาขององค์ชายมูรตีนั่นเอง

- - - - - - - - -        

ภายในพระราชอุยาน...        

สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตาทรงพระดำเนินเคียงคู่มากับพระมเหสี รายล้อมไปด้วยเหล่านางพัดวีและนางกำนัลทั้งมวล พระอยู่หัวเจ้าทรงมีพระดำรัสขึ้นว่า        

" มูรตีลูกเราก็เจริญวัยได้ 19 ชันษาแล้ว หากแต่ยังมีอารมณ์ร้อนและซุกซนราวกับเด็กๆ มิสมกับเป็นขัตติยราชวงศ์เชิดหน้าชูตา จนปัญญาเราที่จะคิดแก้ไข "        

พระมเหสีทรงยิ้มจึ่งตรัส        

" เป็นธรรมดาสามัญแห่งเยาวดรุณ หาควรที่ฝ่าพระบาทจะทรงกังวลห่วงใยอันใดไปไม่ หม่อมฉันคิดเห็นว่าเมื่อลูกมูรตีเจริญชันษากว่านี้คงจะทุเลาเบาบางลงไปเอง "        

" กระไรได้น้องนาง นับวันจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นเป็นลำดับ ดูเหล่านางกำนัลใต้เบื้องบาทนี่สิ แต่ละนางพากันชอกช้ำระกำกายากันเป็นทิว นับวันจะเป็นที่รองรับอารมณ์คุ้มดีดุ้มร้ายระคนอยู่ทุกคืนค่ำ "        

พระอยู่หัวเจ้าดำรัสจบ นางกำนัลผู้หนึ่งกราบทูลขึ้นทันควัน        

" จริงแท้แน่เทียวเพคะพระอยู่หัวเจ้า หม่อมฉันเองยังมิพ้นพระบาท ถูกองค์ชายมูรตีสาดน้ำพระสุธารสใส่อยู่เนืองๆ "        

" หม่อมฉันก็ด้วยเพคะพระเจ้าเหนือหัว ครานั้นหม่อมฉันถูกองค์ชางยมูรตีใช้พระหัตถาอันกำยำซัดพักตร์อันนวลใยใส่ผ่องมิหมองหมางจนร่างลอยคว้างกลิ้งไถลสลบไศลไปถึงสามทิวาราตรีกาลเลยทีเดียวเชียว "        

อีกนางมิพลาดการทูล จนพระเจ้ากรุงอนันตาตรัสขึ้นโดยพลัน        

" นั่นปะไร เห็นไหมมเหสีเจ้า แล้วเช่นนี้จะมิให้ตั้งข้อกังขากระไรได้ "        

" แล้วเช่นนั้นจะเห็นสมควรเช่นไรดีเพคะ "        

พระมเหสีดำรัสจบ นางกำนัลวัยเยาว์ผู้หนึ่งจึ่งทูลขึ้นด้วยปรีดาปราโมทย์ล้นประมาณปานได้ช่อง        

" มิไยใต้ฝ่าละอองธุลีองค์มิทรงสถาปนาองค์ชายมูรตีขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราช เพื่อสนองพระราชอำนาจปกครองไพร่ฟ้าในอนาคตกาลอันแช่มชื่น หากแม้นองค์ชายมูรตีทรงเล็งเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยให้รั้งตำแหน่งมหาอุปราชแล้วไซร้ อาจทรงลดพระอารมณ์อันร้อนแรงนั้นลงก็เป็นได้นะเพคะ "        

จบคำกราบทูล วงเครื่องสายที่ลอยลำเรืออยู่กลางสระในพระราชอุทยานต่างสานสรรพเสียงบรรเลงประโคมเป็นทำนอง เหล่านางใน พระมเหสี พระเจ้ากรุงอนันตา และนางกำนัลวัยเยาว์ผู้ชาญฉลาด ต่างพากันร่วมขับร้องประสานเสียงเป็นลำดับไป        

" สถาปนาเจ้าฟ้าอุปราช "        

" ชาญฉลาดเหลือหลายจริง "        

" เช่นนี้คงแก้ไขได้ ชื่อเรียงเสียงไรกันหนอเจ้า "        

" ลำดวนดาว เพคะมหาราช "        

พระเจ้ากรุงอนันตาทรงแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งตรัส        

" ลำดวนดาว "        

" เพคะพระองค์ "        

" อันสติปัญญาของเจ้าช่างก้าวไกลสุดประมาณ ผิแล้วเหนือชั้นกว่านางกำนัลทั้งมวลในแผ่นดินอนันตา เหมาะยิ่งที่เจ้าจะได้เคียงคู่องค์ชายมูรตีไปทุกหน เช่นนั้น... เมื่อเราได้สถาปนาองค์ชายมูรตีขึ้นเป็นที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราชแล้ว เจ้าจงสนองพระบาทเป็นนางกำนัลคู่พระหทัยแห่งมูรตีไปตราบชีวีมลายสิ้น "        

" ยินดีเป็นที่ยิ่งเพคะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท หม่อมฉันจะสนองพระบรมราชบัญชาพระองค์แลพระราชประสงค์แห่งองค์มูรตีให้ถึงพระหทัยทีเดียวเจียวเพคะ "        

นางลำดวนดาววัยเยาว์ปรีด์เปรมเกษมสันต์พลางทำนัยน์ตามีเลศนัยกรุ้มกริ่ม

- - - - - - - - -

ในวันหนึ่ง เมื่อพระสุริยเทพทอรัศมีเจิดจ้าตราบแต่บุรพทิศจนจรดทั่วทั้งนภากาศ        

นับเป็นมหาฤกษ์อุดมดิถีที่องค์อนุสรติยเทวาอัสอิทธีร์ ทรงมีพระบัญชาดลบันดาลให้ก่อเกิดกิจการสถาปนาอันยิ่งใหญ่        

ภายในท้องพระโรงพระบรมมหาราชวังอันโออ่าแห่งอนันตามหาราชธานีศรีเกวลทวีป เพลานั้น เหล่าขุนนาง อำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งมวลต่างมาร่วมมหาสมาคมกันโดยพร้อมเพรียงมิได้ขาด        

ณ เบื้องในสุดแห่งนั้น เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงต่างประทับนั่งเรียงรายกันอยู่อย่างสง่างามตามลำดับชั้น ทุกพระองค์ท่านล้วนฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงอย่างวิจิตรเต็มตามพระอิสริยฐานานุฐานันดรอันควร        

เหล่านางในและนางพัดวีผู้สนองพระราชบัณฑูรแห่งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ต่างปฏิบัติอยู่กิจการของตนมิได้ขาด แลเห็นวาลวิชนีสีทอง เงิน นาค อันอร่ามงามตามากมายโบกสะบัดสลับสลอนสะท้อนแสงวาววับระยิบระยับจับตาราวกับรัศมีแห่งอัญมณีบนพระมหามงกุฏอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้า        

บัดดล มโหรีหลวงวงใหญ่พลันประโคมบรรเลงเพลงเทวาสถิตยามหากฤษฎาสถาปนาเทวราช อย่างยิ่งใหญ่อลังการสุดประมาณมี สุดที่จะบรรยายได้ในชีวิตนี้ ก่อนที่นายพระทวารบรมราชบัลลังก์จะลั่นฆ้องชัยสามคำรบก่อนกล่าวก้องไปทั่วท้องพระโรงแลกระเดี่องไปถึงสรวงสวรรค์ชั้นฟ้าว่า        

" ถวายบังคมสมเด็จพระผู้เสด็จผ่านพิภพแสนอสงไขแห่งอนันตามาราชอาณาจักรอันเกริกเกียรติเกรียงไกรทั่วทุกทิศานุทิศ "        

ณ บัดนั้น เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง อำมาตย์ แลข้าราชบริพารทั้งมวล ต่างน้อมเศียรลงกับพื้นพลางเปล่งสรรพวาจาพร้อมกันว่า        

" ขอจงทรงพระเจริญแสนล้านพระชันษา "        

- - - - - - - - -        

พระเจ้ากรุงอนันตาเสด็จประทับบนพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน พลางทรงทัศนาเหล่าปวงประชาทั้งมวล ณ ที่แห่งนั้น        

เมื่อถึงอุดมสิริสวัสดิถีฤกษ์ องค์ชายมูรตีผู้ทรงสง่าวัย 19 พระชันษา ทรงพระดำเนินออกจากเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วตรงมายังเบื้องหน้าแห่งพระเจ้ากรุงอนันตา ก่อนจะลดพระองค์ลงกราบถวายบังคมคำรบหนึ่งจึ่งทรงเงยพระพักตร์ขึ้น        

พระอยู่หัวเจ้าแห่งอนันตาทรงเอื้อมพระหัตถาไปอัญเชิญพระมหามงกุฏสุทธิวงศ์ประสาทสรวง ที่ประทับอยู่บนพานพระสุวรรณเทวา ก่อนจะทรงชูขึ้นสูงคราหนึ่งจึงค่อยๆสวมลงบนพระเศียรแห่งองค์ชายมูรตีผู้เป็นพระโอรส    

มโหรีหลวงประโคมสังข์ประทั่งแตร มโหรทึก ปี่ กลองชนะ ฉาบ ฉิ่ง กรับ โหม่ง จนสนั่นลั่นท้องพระโรง ตามด้วยเสียงแห่งพระราชอาลักษณ์หลวงอ่านพระสุพรรณบัฏ ด้วยสุรเสียงอันดังครานั้น        

" ณ บัดนี้ องค์ชายมูรตีผู้เป็นพระโอรสแห่งสมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตา ทรงได้เฉลิมพระสมัญญานามใหม่เป็นที่ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามูรตีศรีอุปราช ขอจงทรงพระเจริญตราบกาลปาวสานยิ่งยืนนาลชั่วกัปชั่วกัลป์ เทอญ "        

เหล่าพสกนิกรก้มกราบถวายชัยมงคลโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เจ้าฟ้ามูรตีจะเสด็จขึ้นประทับบนพระบัลลังก์รอง อันประดิษฐานอยู่ ณ เบื้องหน้าพระบรมราชบัลลังก์ทองมยุราแห่งพระเจ้ากรุงอนันตานั้น "        

ครู่นั้น นายทวารท้องพระโรงพลันกู่ร้องก่อนเบิกเหล่าทูตานุทูตจากต่างแดนซึ่งเดินทางมาถวายชัยมงคลแด่องค์สมเด็จเจ้าฟ้าแห่งอนันตา "        

บานประตูท้องพระโรงได้แง้มเปิดออก ก่อนที่เหล่าทูตานุทูตกลุ่มหนึ่งจะเดินแหวกหมู่ข้าราชบริพารแห่งอนันตามาที่เบื้องใน และหยุดยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์        

ราชทูตผู้หนึ่งเอื้อมมือไปหยิบพระราชสาส์นแห่งพระเจ้ากรุงภูธราจากผู้ที่อัญเชิญอยู่พลางคลี่ออกอ่านด้วยเสียงอันดังสนั่นดังมีใจความว่า        

" กราบถวายบังคมแด่องค์สมเด็จพระเจ้ากรุงอนันตาผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพ กับทั้งขออวยชัยแด่พระโอรส เนื่องในวันอันเป็นมงคลครบรอบวันประสูติและวโรกาสที่ได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จเจ้าฟ้ามหาอุปราชแห่งอนันตา ณ บัดนี้ เราผู้เป็นพระเจ้ากรุงภูธรา ขอถวายของกำนัลแด่องค์เจ้าฟ้ามูรตีด้วยเหล่าขันที สี่พันกว่าคน เพื่อให้อยู่งานรับใช้ใต้เบื้องพระบาทในพระราชสำนักแห่งอนันตาสืบไป "        

เมื่อราชทูตภูธราอ่านพระราชสาส์นจนจบก็ถวายพระราชสาส์นนั้นแด่องค์เจ้าฟ้ามูรตีในทันที        

ครากระนั้น นายทวารพระราชวังพลันลั่นฆ้องชัยคราหนึ่งก่อนเปล่งสุรเสียงอันดังอีกคราว่า        

" ณ บัดนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรุงเถมรู ได้เสด็จพระราชดำเนินถึงกรุงอนันตาในครานี้ "        

ฉับพลัน แสงสุวรรณอันเรืองรองก็ฉายระยิบระยับจับตาจากหน้าประตูท้องพระโรงแห่งอนันตาเหล่าข้าราชบริพารต่างตื่นตะลึงพรึงเพริดเปิดตาอ้าปากค้างพลางส่งเสียงอื้ออึงอลพร้อมทอดสายตามองกระบวนเสด็จแห่งพระเจ้ากรุงเถมรูอันประดับประดาไปด้วยเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศซึ่งเป็นทองคำและอัญมณีอันหลากหลายส่องประกายไปทั่วท้องพระโรงแห่งนั้น        

เหล่านางในแห่งเถมรูในชุดแต่งกายประจำชาติอันแปลกตาด้วยผ้าสไบหลากสีและผ้านุ่งที่ปล่อยชายให้ยาวระพื้นต่างยุรยาตรอัญเชิญเครื่องบรมราชบรรณนาการอันมากหลายมาถวายแด่องค์ผู้ผ่านพิภพอนันตา        

มโหรีหลวงแห่งราชสำนักประโคมเพลงเถมรูจักราเอกรัฐศิริสวัสดิ์สวรรค์ อันเป็นบทเพลงประจำชาติเถมรูอันเกริกเกียรติเกรียงไกร        

พระเสลี่ยงแห่งพระเจ้ากรุงเถมรูถูกอัญเชิญลง และพระวิสูตรก็ถูกเผยออกโดยนางในผู้หนึ่ง ก่อนที่พระอยู่หัวเจ้าจะทรงพระดำเนินออกจากพระเสลี่ยงองค์นั้น ทรงมุ่งตรงไปยังหน้าบันไดอันทอดขึ้นสู่พระบรมราชบัลลังก์ทองมยุรามหากายีศรีโกมุทสมุทรวิมาน ก่อนจะทรงน้อมคำนับพระเจ้ากรุงอนันตาคราหนึ่ง        

" ถวายบังคมพระทรงชัย "        

จบพระดำรัส ทรงหันมาทางเจ้าฟ้ามูรตี จึ่งตรัส        

" และขออวยชัยแด่มูรตีเจ้า "        

เจ้าฟ้ามูรตีเสด็จลุกขึ้นจากพระราชบัลลังก์รอง พลางโค้งตำนับพระเจ้ากรุงเถมรูคราหนึ่ง        

" ขอจงทรงพระเจริญพระเจ้าค่ะ "        

" ขอบใจ... และครานี้ ฉันมีของกำนัลมาให้แด่เธอ "        

พระเจ้ากรุงเถมรูตรัสจบ ทรงผายพระหัตถาไปยังพระเสลี่ยงอีกองค์หนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่หลังพระเสลี่ยงของพระองค์        
พระเสลี่ยงองค์นั้นมีพระวิสูตรกรองทองกางกั้นไว้เช่นกัน        

ครู่หนึ่ง พระวิสูตรอันงดงามแห่งพระเสลี่ยงองค์นั้นก็พลันเผยออกโดยนางกำนัลสองคน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่