สวัสดีเพื่อนๆทุกคน
เรา ชื่อว่า ทรายนะ เราเรียนอยู่มหาลัย ปี4 จะจบเเล้วเย้ ^^
เราเคยคิดนะว่าการที่เราเรียนมหาลัยก็เหมือน
การหาเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ คิดว่าทุกอย่างจะไปได้สวย
เปล่าเลย ไม่ใช่เลย
ปี1
เราเคยอยู่หอ กับเพื่อนที่เรียนปรับพื้นฐานด้วยกัน เด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน ก็คิดว่า
เราจะสร้าง มิตรภาพที่ดี แต่ไม่เลย เพื่อนคนนั้น แบนเรา เพียงเพราะว่า
เราเลิกกับเเฟนเราทำให้เเฟนเก่าเราไม่มาเรียน(ซึ่งแฟนเก่าเป็นเพื่อนในกลุ่ม)
เลยทำให้เพื่อนในกลุ่ม แบนเราไปด้วย
ซึ่งไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพียงเหตุผลเเค่นี้
ทำให้ เพื่อนๆในคณะไม่ชอบเรา ( ส่วนมาก จะไม่ชอบ ก็ไม่รู้ทำไม )
แต่....มันก็ทำให้เราได้รู้ว่า เพื่อนแบบนั้น เค้าทำแบบนี้กับเรา ก็จงจำไว้ว่า ดีเเล้วละที่โดนแบน
และก็ทำให้รู้ว่า มีมือน้อยๆ สองคน คนนึงเป้นรุ่นพี่ซิ้วมา กับอีกคนคือเพื่อนในห้องซึ้งปัจจุบันยังเป็นเพื่อนกันอยุ่ เข้ามาในช่วงเวลาที่รู้สึกไม่มีใคร ทำให้รู้สึกอยากมาเรียน
พอเริ่ม ปี 2
เพื่อนคนที่แบนเรา มาขอโทษเรา...และขอมาเรียนห้องเดียวกับเรา
ตอนเเรกเราคิดในใจจะดีหรอกับคนแบบนี้ แต่พอมาคิดดูแล้ว
ตอนที่เราโดนแบน ถ้าเพื่อนอีกห้องไม่รับเราเราจะรูสึกอย่างไร
จะรู้สึกอยู่คนเดียว หรือ รู้สึกไม่อยากมาเรียน
เราเลยปรึกษาหัวหน้าห้อง เขาก็โอเค เราก็โอเค ที่จะให้มาเรียนห้องเดียวกัน
เเละปรับความเข้าใจกัน เเละเป็นเพื่อนกัน....ต่อมา
พอเริ่มปี 2 เทอม 2
เรามีแฟนใหม่ 55 มันมีความสุขมากเลยแหละ ชีวิตมหาลัยมีแฟน
แล้วต้องมาเจอกันแต่เช้า(เพราะเราไปกลับอยุธยาไม่อยู่หอเเล้ว)
กินข้าวด้วยกัน เรียนด้วยกัน ไปส่งเรากลับอยุธยา ดูมีความสุขใช่ไหม แต่พอมาวันนึง
เกิดเรื่องไม่คาดคิด...เพื่อนที่เเบนเรา เพื่อนที่เราให้อภัย เอาคำพูดความลับ
(ในตอนที่อยู่หอด้วยกัน) มาพูดก็คือ
>>> เพื่อนเราคนนึง เคยทำแท้ง และกลัวว่าทางบ้านจะรู้เรื่องรายละเอียด เลยนำใบ
เอกสารมาฝากไว้ที่หอ และเพื่อนนั้นก็มาเห็นพอดี เราเลยคิดว่าการจะลองใจคน
หรือเพื่อนก็คือการพูดความลับ เพราะความลับมันไม่มีในโลก ถึงจะมีอยู่จริง
ก็เเสดงว่า เพื่อนคนนี้คบได้ ( แต่ไม่คิดไงว่ามันจะไม่เป็นความลับ เราผิดเอง )
เราลองใจเพื่อน ว่าเราไปทำแท้งมา เพื่อนคนนั้นก็ตกใจ แล้วปรอบใจเรา
(หึหึ แต่หารู้ไม่เรื่องเราลองใจ มันไม่ใช่ความลับละสิ ทั้งคณะอีกแล้วสินะ )
และนั้นก็คือ บทเรียน ในชีวิตว่า ไม่ควรพูดความลับหรือลองใจ กับใคร เพราะว่ามัน
ไม่รู้ จะดี หรือ ร้าย กับคนที่เล่า มากกว่าคนเอาไปเล่าต่อ ฝันร้ายมาเยือนอีกครั้ง
ทำให้แฟนเรา รับไม่ได้ และทะเลาะกันจะเลิกกัน แต่พอเราเล่าความจริงว่าเราลองใจ และอธิบาย
เขาก็เข้าใจเรา และไม่เลิกกับเรา ตอนนี้จากเหตุการณ์เราก็คบมา 1 ปี กับอีก 8 เดือน
ปี 3 เทอม1
เราเริ่มลงทะเบียนเรียนกัน แต่กับลงทะเบียนห้องตัวเองไม่ได้
อีกแล้วหรอ เพื่อนคนนั้นคนที่แบนเรา คนที่เอาความลองใจเราไปพูด
คนที่มาขอมาห้องเดียวกับเรา ตั้งตัวเป็นหัวหน้าห้องแทนเพื่อนเรา และ
ไล่เพื่อนเเละเรา 10 คน ออกจากห้อง เพียงเพราะว่าอยากให้เพื่อนสนิทมาเรียนในห้องนี้
( คืออะไรอีกเนี๊ย บ้าไปแล้ว นางคนนี้อีกแล้วหรอ เป็นเจ้ากรรมนายเวรฉันใช่ไหม TT )
แค่ฉันคนเดียวไม่พอหรือไง ทำไมเพื่อนฉันต้องติดรากแหมาด้วย ฉันยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม
ทำอะไรไม่ได้
พอจะไปปรึกษาอาจารย์ เรื่องย้ายห้องคุณรู้ไหมคำพูดอาจารย์วันนั้นฉันจำได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม
ฉัน สวัสดีค่ะอาจารย์ หนุมีเรื่องจะมาปรึกษาอาจารย์ค่ะ
อาจารย์ เรื่องอะไรหรอ เจ้า......(ชื่อฉัน)
ฉัน พอดี หนูกับเพื่อนๆ ไม่มีห้องเรียนค่ะ และบางห้องก็เต็มหนูควรทำอย่างไรดีค่ะ
อาจารย์ แกอ่า เป็นสัมพเวสี ไม่มีห้องเรียน ...ฉันจำประโยคนี้ได้ประโยคเดียวคือฉันอึ้งมากไม่คิดว่า
อาจารย์ที่ปรึกษาชั้นปีจะพูดแบบนั้น
ฉัน ยิ้มและไม่พูดอะไรนอกจากคำว่า ขอโทษนะค่ะอาจารย์ และเดินออกไป น้ำตาแทบจะไหล
ที่พึ่งสุดท้าย กลับใช้คำพูดแบบนี้ ฉันพูดไม่ออกจริงๆ ถ้าได้อยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
จะรู้เลยว่า เสียความรู้สึกมาก
แต่สุดท้ายก็ ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะมีอาจารย์อีกท่านมาช่วยทำให้ได้ เกิดใหม่อีกครั้ง เพื่อนห้องใหม่
นิสัยดีมาก และทำให้ฉันได้มีเพื่อนใหม่ๆเพิ่มขึ้น และคุณรู้ไหม ปีสามของฉันมันช่างมีความสุขมากๆ
ไม่มีเหตุการณ์อะไรเลย เรียนก็โอเค บรรยากาศในห้องเรียนมีความสุข และคิดว่าพอใจมากกับ
ความรู้สึกแบบนี้ ห้าๆๆ จนจบปีสาม
พอขึ้น ปี 4
ฉันมีวันเรียน เเค่สองวัน คือ อังคารกับพุธ สบายมากปีสี่แล้วสินะ ห้าๆจะจบแล้ว
เรื่องร้ายๆก็ไม่มีเเล้ว(จริงหรอ)
งานคณะมาถึงอาจารย์แบ่งหน้าที่แต่ละห้องให้จัดทำงานนิทรรศการ
ฉันได้รับมอบหมายทำขนมไทยขายในตลาด ฉันมีความสุขมากและชอบที่จะทำมัน
เพราะที่บ้านฉันขายขนมไทย และฉันก็ทำมันได้ เรื่องมันเกิดที่ว่า
อาจารย์ให้ฉันเเละเพื่อนในกลุ่มอีก 4 คน ไปช่วยกันทำขนมมาให้ชิมก่อนที่จะนำไปขาย
ฉันเลยไปทำขนม แต่ทำแค่คนเดียว เพราะเพื่อน สามคนไม่มีใครว่างเลย
คุณรู้ไหมการทำงานคนเดียวมันไม่ง่ายเลยนะ
กว่าฉันจะไปซื้อของ เดินถือของ นั่งวินกลับบ้าน มานั่งทำขนม นึ่งขนม บรรจุขนม แบกกลับมา
จากอยุธยา มากรุงเทพ พอถึงหอก็ รีบเอาไปที่มหาลัย เพราะว่าวันจันทร์ฉันไม่มีเรียน และเพื่อนที่
อยู่ที่มหาลัยมีเรียนวันจันทร์ก็จะวานให้เพื่อนเอาไปให้อาจารย์ และ เพื่อนๆในห้องชิม
เรื่องร้ายๆมันจะเกิดที่ตรงนี้แหละค่ะ
ฉันทำขนมตามอัตราส่วน ขนม มีทั้งหมด 4 อย่าง ขนมมัน ขนมตาล ขนมฟักทอง ขนมกล้วย
แต่วัตถุดิบแต่ละอย่างก็ไม่ได้ถูก อย่างที่คิด เพราะเราเป็นคนไปซื้อเอง
ขนมที่เอาไปให้เพื่อน ทั้งหมด เสีย เสียหมดเลยค่ะ ฉันก็งงๆ ว่าทำไมเสีย
เพราะว่าที่บ้านฉันถ้าเอาเข้าตู้เย็น ขนมก็ไม่เสีย เเละอยุ่ได้หลายวัน (และฉันก็ใส่สารกันบูดไปด้วย ขนมละ
2 ช้อนโต๊ะ) ฉันก็เอะใจ เลยถามไป เพื่อนเลยบอกว่า ขนมเสียตั้งแต่เมื่อวาน ฉันงงมาก
มันเป็นไปไม่ได้ ขนมที่ฉันเอามา ฉันเเบ่งเก็บไว้นิดนึงแช่ตู้เย็นที่ห้อง มันยังไม่เสียเลย
ฉันรู้สึกแย่มาก และรู้สึกเสียดายเวลา อดหลับอดนอน ในการทำขนมมาก
ถึงกับต้องติดแผ่นกันปวดหลัง เพราะว่ายืนทำขนม รอขนมนึ่ง ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน แถมยังต้องรีบไป
กรุงเทพอีก
แต่มันก็ไม่เสียดายเท่ากับ เรื่องเงิน
เรื่องเงินเนี๊ย มันไม่เข้าใครออกใครหรอกค่ะ ฉันรู้ดี
แต่คุณรุ้ไหมมันแย่ กว่าตอน เพื่อนที่แบนทำกับฉันอีก
ถึงเวลาที่ฉันควรเก็บเงินคืนเพราะผ่านมาเป็นเดือนเเล้วเพื่อนๆในห้องก็ยังไม่แจกจ่ายเงินคืนฉัน
ค่าอุปกรณ์ วัสดุ ค่ารถ ค่าวัตถุดิบ ค่าผ้า ค่าแก๊ส ทุกอย่าง หมดไป1953 บาท มันเยอะมาก แต่ถ้าใครไม่ได้
มาทำก็ไม่รู้หรอกว่า มัน จำนวนนั้นจริงๆ ฉันเลยแจกหัวหน้าห้องไป ก็คือเพื่อนในกลุ่ม
แต่ สุดท้าย คุณรู้ไหมเพื่อนตกลงยังไงกัน
สรุปมาว่า จะไม่เอาเงินให้ฉันเลยซักบาท เพราะว่าฉันทำขนมเสีย (ห่ะ ฉันทำขนมเสียหรอ โอเค)
แต่มีเพื่อน คนเดียว คนเดียวเท่านั้นที่บอกว่า ให้เพื่อนไปเถอะ เพื่อนอุส่าห์ ทำมา คุณรู้ไหม
ฉันงงไปหมด พวกคุณไปสรุปกันตอนไหน เวลาประชุมก็ควรจะมีฉันเข้าไปคุยด้วยสิไม่ใช่คุยกัน
แค่ 10 กว่าคน จาก 67 คน แล้วมาบอกว่าเป็นส่วนรวม มันเรียกว่าส่วนรวมเหรอ
แฟนฉัน ให้ฉันไปเรียกเพื่อนทุกคนมาคุย และฉันก็ไปกับเพื่อนๆในกลุ่ม
ทุกคนเดินมา และมาประชุม
เพื่อนคนที่เอาขนมไป พูดมาว่า ที่ไม่ให้เงิน เพราะว่า ฉันทำเสีย
ฉัน ฉันเลยบอกไปว่า ฉันใส่สารกันบูดเอา เข้าตู้เย็น ยังไม่เสียเลย
เพื่อนคนที่เอาขนมไป เพื่อนคนนั้นบอกว่า เขาได้บอกฉันเเล้วว่าบ้านเขาไม่มีตู้เย็น
ฉัน เลยพูดไปว่า โอเค เราจะรับผิดชอบเอง เราทำเสียเราผิดเอง
เพื่อนคนที่เอาขนมไป ช่ายแกผิด
ฉัน วินาทีนั้น (เพื่อนที่สนิท ที่ เดินออกมาจากอีกห้องด้วยกันพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน
กลัวความผิด ที่ตัวเอง ไม่ได้เอาขนมเข้าตู้เย็น ปัดความรับผิดชอบมาที่ฉัน ว่าฉัน
ต่อหน้าทุกคน น้ำตาจะไหล อึ้งมากพูดไม่ออกจริงๆ )
แฟนฉัน ไม่ได้นะ แกจะพูดแบบนี้ไม่ได้ คนเราทำงานเหมือนกัน เหนื่อยเหมือนกัน
เอางี้ไหมของที่แกซื้อมา อันไหนไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องให้เงินแกใช่ไหม (ประชดใส่)
เพื่อนคนที่เอาขนมไป ได้สิ ไม่แคร์ เนี๊ยถ้าคิดเงินจริงๆ ที่ออกไปเองก็เป็นเเสนเเล้ว ( ห่ะเป็นเเสน แค่
ไม้ไผ่ ยี่สิบกว่าลำเนี้ยนะ)
เพื่อนคนที่จะเอาเงินให้ ไม่ได้นะเราต้องเอาเงินให้ เพื่อน เพื่อนทำงานมา เงินนั้นก็เป็นของแม่เพื่อน
ถ้าเราไม่เอาให้ แม่เพื่อนก็ลำบากสิ( ฉันดีใจมาก ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงได้ทำเพื่อฉันขนาดนี้ )
ฉันดีใจมากที่อย่างน้อยก้ยังมีเพื่อนรอบๆตัวฉันอยู่ข้างๆฉันในตอนที่เพื่อนคนอื่นมองฉันไม่ดี
จากนั้นทุกคนก็เข้าใจฉัน และ ก็ผ่านไปจนไม่คิดว่า
ก่อนหน้าที่จะเรียกประชุม มีเพื่อนสนิทผู้หญิงคนนึงในกลุ่มเดียวกัน
เอาข้อความที่ฉันคุยปรึกษา ในไลน์ เรื่องเงิน ว่าทำไมเพื่อนไม่ให้เงินฉัน
เอาข้อความ มาโชว์ ให้เพื่อนในห้องดู และพูดทุกข้อความที่ฉันพิมพ์ ( ทำแบบนั้นเพื่อ ) และเพื่อนคนนี้
แหละที่เป็นคนพูดว่า ไม่ต้องเอาเงินให้ฉัน ( ทั้งๆที่เป็น 1 ใน 4 ที่ต้องไปทำขนมกับฉัน) ซึ้งมากกกกกกค่ะ
นี่ก็คือเรื่องราวที่ฉันเจอ ทั้งหมดที่เรียนมหาลัยมา
คุณคิดว่าฉันเป็นคนแบบกัน
ฉันควรวางตัวอย่างไร
ฉัน...เป็นคนประเภทเเคร์ความรู้สึกคนมากๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนฉันถึงต้องทำกับฉัน แบบนี้
ฉันรู้สึกแย่จริงๆ ในช่วงเวลาที่ฉันกลุ้มเรื่องเพื่อนใส่ร้าย
และไม่มีใครเข้าใจฉัน ฉันก็ไม่รู้จะเอาคำพูดพวกนี้ไปพูดกับใครได้
ฉัน ก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ เกเรบ้าง แต่เรื่องเพื่อนนี้ฉันยอมรับมาก ว่าฉันเป็นคนรักเพื่อนมาก บางครั้งอาจจะทะเลาะกันบ้าง นินทากันบ้าง
แต่เพื่อน...........มันเเย่จริงๆนะฉันรู้สึกว่าอยากให้เพื่อนๆได้รับรู้ว่า อย่างน้อยฉันก็ได้ระบายมันออกมา
ขอบคุณทุกคนมากเลยนะที่มาฟังเรื่องราวความจริงที่ฉัน พิมพ์และ ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
T T เรื่องในมหาลัยไม่ได้ดี เริศ อย่างที่คิด มาช่วยยเราคิดหน่อยนะ ว่าจะทำไงดี?????
เรา ชื่อว่า ทรายนะ เราเรียนอยู่มหาลัย ปี4 จะจบเเล้วเย้ ^^
เราเคยคิดนะว่าการที่เราเรียนมหาลัยก็เหมือน
การหาเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ คิดว่าทุกอย่างจะไปได้สวย
เปล่าเลย ไม่ใช่เลย
ปี1
เราเคยอยู่หอ กับเพื่อนที่เรียนปรับพื้นฐานด้วยกัน เด็กต่างจังหวัดเหมือนกัน ก็คิดว่า
เราจะสร้าง มิตรภาพที่ดี แต่ไม่เลย เพื่อนคนนั้น แบนเรา เพียงเพราะว่า
เราเลิกกับเเฟนเราทำให้เเฟนเก่าเราไม่มาเรียน(ซึ่งแฟนเก่าเป็นเพื่อนในกลุ่ม)
เลยทำให้เพื่อนในกลุ่ม แบนเราไปด้วย
ซึ่งไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพียงเหตุผลเเค่นี้
ทำให้ เพื่อนๆในคณะไม่ชอบเรา ( ส่วนมาก จะไม่ชอบ ก็ไม่รู้ทำไม )
แต่....มันก็ทำให้เราได้รู้ว่า เพื่อนแบบนั้น เค้าทำแบบนี้กับเรา ก็จงจำไว้ว่า ดีเเล้วละที่โดนแบน
และก็ทำให้รู้ว่า มีมือน้อยๆ สองคน คนนึงเป้นรุ่นพี่ซิ้วมา กับอีกคนคือเพื่อนในห้องซึ้งปัจจุบันยังเป็นเพื่อนกันอยุ่ เข้ามาในช่วงเวลาที่รู้สึกไม่มีใคร ทำให้รู้สึกอยากมาเรียน
พอเริ่ม ปี 2
เพื่อนคนที่แบนเรา มาขอโทษเรา...และขอมาเรียนห้องเดียวกับเรา
ตอนเเรกเราคิดในใจจะดีหรอกับคนแบบนี้ แต่พอมาคิดดูแล้ว
ตอนที่เราโดนแบน ถ้าเพื่อนอีกห้องไม่รับเราเราจะรูสึกอย่างไร
จะรู้สึกอยู่คนเดียว หรือ รู้สึกไม่อยากมาเรียน
เราเลยปรึกษาหัวหน้าห้อง เขาก็โอเค เราก็โอเค ที่จะให้มาเรียนห้องเดียวกัน
เเละปรับความเข้าใจกัน เเละเป็นเพื่อนกัน....ต่อมา
พอเริ่มปี 2 เทอม 2
เรามีแฟนใหม่ 55 มันมีความสุขมากเลยแหละ ชีวิตมหาลัยมีแฟน
แล้วต้องมาเจอกันแต่เช้า(เพราะเราไปกลับอยุธยาไม่อยู่หอเเล้ว)
กินข้าวด้วยกัน เรียนด้วยกัน ไปส่งเรากลับอยุธยา ดูมีความสุขใช่ไหม แต่พอมาวันนึง
เกิดเรื่องไม่คาดคิด...เพื่อนที่เเบนเรา เพื่อนที่เราให้อภัย เอาคำพูดความลับ
(ในตอนที่อยู่หอด้วยกัน) มาพูดก็คือ
>>> เพื่อนเราคนนึง เคยทำแท้ง และกลัวว่าทางบ้านจะรู้เรื่องรายละเอียด เลยนำใบ
เอกสารมาฝากไว้ที่หอ และเพื่อนนั้นก็มาเห็นพอดี เราเลยคิดว่าการจะลองใจคน
หรือเพื่อนก็คือการพูดความลับ เพราะความลับมันไม่มีในโลก ถึงจะมีอยู่จริง
ก็เเสดงว่า เพื่อนคนนี้คบได้ ( แต่ไม่คิดไงว่ามันจะไม่เป็นความลับ เราผิดเอง )
เราลองใจเพื่อน ว่าเราไปทำแท้งมา เพื่อนคนนั้นก็ตกใจ แล้วปรอบใจเรา
(หึหึ แต่หารู้ไม่เรื่องเราลองใจ มันไม่ใช่ความลับละสิ ทั้งคณะอีกแล้วสินะ )
และนั้นก็คือ บทเรียน ในชีวิตว่า ไม่ควรพูดความลับหรือลองใจ กับใคร เพราะว่ามัน
ไม่รู้ จะดี หรือ ร้าย กับคนที่เล่า มากกว่าคนเอาไปเล่าต่อ ฝันร้ายมาเยือนอีกครั้ง
ทำให้แฟนเรา รับไม่ได้ และทะเลาะกันจะเลิกกัน แต่พอเราเล่าความจริงว่าเราลองใจ และอธิบาย
เขาก็เข้าใจเรา และไม่เลิกกับเรา ตอนนี้จากเหตุการณ์เราก็คบมา 1 ปี กับอีก 8 เดือน
ปี 3 เทอม1
เราเริ่มลงทะเบียนเรียนกัน แต่กับลงทะเบียนห้องตัวเองไม่ได้
อีกแล้วหรอ เพื่อนคนนั้นคนที่แบนเรา คนที่เอาความลองใจเราไปพูด
คนที่มาขอมาห้องเดียวกับเรา ตั้งตัวเป็นหัวหน้าห้องแทนเพื่อนเรา และ
ไล่เพื่อนเเละเรา 10 คน ออกจากห้อง เพียงเพราะว่าอยากให้เพื่อนสนิทมาเรียนในห้องนี้
( คืออะไรอีกเนี๊ย บ้าไปแล้ว นางคนนี้อีกแล้วหรอ เป็นเจ้ากรรมนายเวรฉันใช่ไหม TT )
แค่ฉันคนเดียวไม่พอหรือไง ทำไมเพื่อนฉันต้องติดรากแหมาด้วย ฉันยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม
ทำอะไรไม่ได้
พอจะไปปรึกษาอาจารย์ เรื่องย้ายห้องคุณรู้ไหมคำพูดอาจารย์วันนั้นฉันจำได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม
ฉัน สวัสดีค่ะอาจารย์ หนุมีเรื่องจะมาปรึกษาอาจารย์ค่ะ
อาจารย์ เรื่องอะไรหรอ เจ้า......(ชื่อฉัน)
ฉัน พอดี หนูกับเพื่อนๆ ไม่มีห้องเรียนค่ะ และบางห้องก็เต็มหนูควรทำอย่างไรดีค่ะ
อาจารย์ แกอ่า เป็นสัมพเวสี ไม่มีห้องเรียน ...ฉันจำประโยคนี้ได้ประโยคเดียวคือฉันอึ้งมากไม่คิดว่า
อาจารย์ที่ปรึกษาชั้นปีจะพูดแบบนั้น
ฉัน ยิ้มและไม่พูดอะไรนอกจากคำว่า ขอโทษนะค่ะอาจารย์ และเดินออกไป น้ำตาแทบจะไหล
ที่พึ่งสุดท้าย กลับใช้คำพูดแบบนี้ ฉันพูดไม่ออกจริงๆ ถ้าได้อยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น
จะรู้เลยว่า เสียความรู้สึกมาก
แต่สุดท้ายก็ ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะมีอาจารย์อีกท่านมาช่วยทำให้ได้ เกิดใหม่อีกครั้ง เพื่อนห้องใหม่
นิสัยดีมาก และทำให้ฉันได้มีเพื่อนใหม่ๆเพิ่มขึ้น และคุณรู้ไหม ปีสามของฉันมันช่างมีความสุขมากๆ
ไม่มีเหตุการณ์อะไรเลย เรียนก็โอเค บรรยากาศในห้องเรียนมีความสุข และคิดว่าพอใจมากกับ
ความรู้สึกแบบนี้ ห้าๆๆ จนจบปีสาม
พอขึ้น ปี 4
ฉันมีวันเรียน เเค่สองวัน คือ อังคารกับพุธ สบายมากปีสี่แล้วสินะ ห้าๆจะจบแล้ว
เรื่องร้ายๆก็ไม่มีเเล้ว(จริงหรอ)
งานคณะมาถึงอาจารย์แบ่งหน้าที่แต่ละห้องให้จัดทำงานนิทรรศการ
ฉันได้รับมอบหมายทำขนมไทยขายในตลาด ฉันมีความสุขมากและชอบที่จะทำมัน
เพราะที่บ้านฉันขายขนมไทย และฉันก็ทำมันได้ เรื่องมันเกิดที่ว่า
อาจารย์ให้ฉันเเละเพื่อนในกลุ่มอีก 4 คน ไปช่วยกันทำขนมมาให้ชิมก่อนที่จะนำไปขาย
ฉันเลยไปทำขนม แต่ทำแค่คนเดียว เพราะเพื่อน สามคนไม่มีใครว่างเลย
คุณรู้ไหมการทำงานคนเดียวมันไม่ง่ายเลยนะ
กว่าฉันจะไปซื้อของ เดินถือของ นั่งวินกลับบ้าน มานั่งทำขนม นึ่งขนม บรรจุขนม แบกกลับมา
จากอยุธยา มากรุงเทพ พอถึงหอก็ รีบเอาไปที่มหาลัย เพราะว่าวันจันทร์ฉันไม่มีเรียน และเพื่อนที่
อยู่ที่มหาลัยมีเรียนวันจันทร์ก็จะวานให้เพื่อนเอาไปให้อาจารย์ และ เพื่อนๆในห้องชิม
เรื่องร้ายๆมันจะเกิดที่ตรงนี้แหละค่ะ
ฉันทำขนมตามอัตราส่วน ขนม มีทั้งหมด 4 อย่าง ขนมมัน ขนมตาล ขนมฟักทอง ขนมกล้วย
แต่วัตถุดิบแต่ละอย่างก็ไม่ได้ถูก อย่างที่คิด เพราะเราเป็นคนไปซื้อเอง
ขนมที่เอาไปให้เพื่อน ทั้งหมด เสีย เสียหมดเลยค่ะ ฉันก็งงๆ ว่าทำไมเสีย
เพราะว่าที่บ้านฉันถ้าเอาเข้าตู้เย็น ขนมก็ไม่เสีย เเละอยุ่ได้หลายวัน (และฉันก็ใส่สารกันบูดไปด้วย ขนมละ
2 ช้อนโต๊ะ) ฉันก็เอะใจ เลยถามไป เพื่อนเลยบอกว่า ขนมเสียตั้งแต่เมื่อวาน ฉันงงมาก
มันเป็นไปไม่ได้ ขนมที่ฉันเอามา ฉันเเบ่งเก็บไว้นิดนึงแช่ตู้เย็นที่ห้อง มันยังไม่เสียเลย
ฉันรู้สึกแย่มาก และรู้สึกเสียดายเวลา อดหลับอดนอน ในการทำขนมมาก
ถึงกับต้องติดแผ่นกันปวดหลัง เพราะว่ายืนทำขนม รอขนมนึ่ง ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน แถมยังต้องรีบไป
กรุงเทพอีก
แต่มันก็ไม่เสียดายเท่ากับ เรื่องเงิน
เรื่องเงินเนี๊ย มันไม่เข้าใครออกใครหรอกค่ะ ฉันรู้ดี
แต่คุณรุ้ไหมมันแย่ กว่าตอน เพื่อนที่แบนทำกับฉันอีก
ถึงเวลาที่ฉันควรเก็บเงินคืนเพราะผ่านมาเป็นเดือนเเล้วเพื่อนๆในห้องก็ยังไม่แจกจ่ายเงินคืนฉัน
ค่าอุปกรณ์ วัสดุ ค่ารถ ค่าวัตถุดิบ ค่าผ้า ค่าแก๊ส ทุกอย่าง หมดไป1953 บาท มันเยอะมาก แต่ถ้าใครไม่ได้
มาทำก็ไม่รู้หรอกว่า มัน จำนวนนั้นจริงๆ ฉันเลยแจกหัวหน้าห้องไป ก็คือเพื่อนในกลุ่ม
แต่ สุดท้าย คุณรู้ไหมเพื่อนตกลงยังไงกัน
สรุปมาว่า จะไม่เอาเงินให้ฉันเลยซักบาท เพราะว่าฉันทำขนมเสีย (ห่ะ ฉันทำขนมเสียหรอ โอเค)
แต่มีเพื่อน คนเดียว คนเดียวเท่านั้นที่บอกว่า ให้เพื่อนไปเถอะ เพื่อนอุส่าห์ ทำมา คุณรู้ไหม
ฉันงงไปหมด พวกคุณไปสรุปกันตอนไหน เวลาประชุมก็ควรจะมีฉันเข้าไปคุยด้วยสิไม่ใช่คุยกัน
แค่ 10 กว่าคน จาก 67 คน แล้วมาบอกว่าเป็นส่วนรวม มันเรียกว่าส่วนรวมเหรอ
แฟนฉัน ให้ฉันไปเรียกเพื่อนทุกคนมาคุย และฉันก็ไปกับเพื่อนๆในกลุ่ม
ทุกคนเดินมา และมาประชุม
เพื่อนคนที่เอาขนมไป พูดมาว่า ที่ไม่ให้เงิน เพราะว่า ฉันทำเสีย
ฉัน ฉันเลยบอกไปว่า ฉันใส่สารกันบูดเอา เข้าตู้เย็น ยังไม่เสียเลย
เพื่อนคนที่เอาขนมไป เพื่อนคนนั้นบอกว่า เขาได้บอกฉันเเล้วว่าบ้านเขาไม่มีตู้เย็น
ฉัน เลยพูดไปว่า โอเค เราจะรับผิดชอบเอง เราทำเสียเราผิดเอง
เพื่อนคนที่เอาขนมไป ช่ายแกผิด
ฉัน วินาทีนั้น (เพื่อนที่สนิท ที่ เดินออกมาจากอีกห้องด้วยกันพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน
กลัวความผิด ที่ตัวเอง ไม่ได้เอาขนมเข้าตู้เย็น ปัดความรับผิดชอบมาที่ฉัน ว่าฉัน
ต่อหน้าทุกคน น้ำตาจะไหล อึ้งมากพูดไม่ออกจริงๆ )
แฟนฉัน ไม่ได้นะ แกจะพูดแบบนี้ไม่ได้ คนเราทำงานเหมือนกัน เหนื่อยเหมือนกัน
เอางี้ไหมของที่แกซื้อมา อันไหนไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องให้เงินแกใช่ไหม (ประชดใส่)
เพื่อนคนที่เอาขนมไป ได้สิ ไม่แคร์ เนี๊ยถ้าคิดเงินจริงๆ ที่ออกไปเองก็เป็นเเสนเเล้ว ( ห่ะเป็นเเสน แค่
ไม้ไผ่ ยี่สิบกว่าลำเนี้ยนะ)
เพื่อนคนที่จะเอาเงินให้ ไม่ได้นะเราต้องเอาเงินให้ เพื่อน เพื่อนทำงานมา เงินนั้นก็เป็นของแม่เพื่อน
ถ้าเราไม่เอาให้ แม่เพื่อนก็ลำบากสิ( ฉันดีใจมาก ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงได้ทำเพื่อฉันขนาดนี้ )
ฉันดีใจมากที่อย่างน้อยก้ยังมีเพื่อนรอบๆตัวฉันอยู่ข้างๆฉันในตอนที่เพื่อนคนอื่นมองฉันไม่ดี
จากนั้นทุกคนก็เข้าใจฉัน และ ก็ผ่านไปจนไม่คิดว่า
ก่อนหน้าที่จะเรียกประชุม มีเพื่อนสนิทผู้หญิงคนนึงในกลุ่มเดียวกัน
เอาข้อความที่ฉันคุยปรึกษา ในไลน์ เรื่องเงิน ว่าทำไมเพื่อนไม่ให้เงินฉัน
เอาข้อความ มาโชว์ ให้เพื่อนในห้องดู และพูดทุกข้อความที่ฉันพิมพ์ ( ทำแบบนั้นเพื่อ ) และเพื่อนคนนี้
แหละที่เป็นคนพูดว่า ไม่ต้องเอาเงินให้ฉัน ( ทั้งๆที่เป็น 1 ใน 4 ที่ต้องไปทำขนมกับฉัน) ซึ้งมากกกกกกค่ะ
นี่ก็คือเรื่องราวที่ฉันเจอ ทั้งหมดที่เรียนมหาลัยมา
คุณคิดว่าฉันเป็นคนแบบกัน
ฉันควรวางตัวอย่างไร
ฉัน...เป็นคนประเภทเเคร์ความรู้สึกคนมากๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนฉันถึงต้องทำกับฉัน แบบนี้
ฉันรู้สึกแย่จริงๆ ในช่วงเวลาที่ฉันกลุ้มเรื่องเพื่อนใส่ร้าย
และไม่มีใครเข้าใจฉัน ฉันก็ไม่รู้จะเอาคำพูดพวกนี้ไปพูดกับใครได้
ฉัน ก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ เกเรบ้าง แต่เรื่องเพื่อนนี้ฉันยอมรับมาก ว่าฉันเป็นคนรักเพื่อนมาก บางครั้งอาจจะทะเลาะกันบ้าง นินทากันบ้าง
แต่เพื่อน...........มันเเย่จริงๆนะฉันรู้สึกว่าอยากให้เพื่อนๆได้รับรู้ว่า อย่างน้อยฉันก็ได้ระบายมันออกมา
ขอบคุณทุกคนมากเลยนะที่มาฟังเรื่องราวความจริงที่ฉัน พิมพ์และ ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ