เกร๊ดสามก๊ก ๘ ก.ย.๕๖

กระทู้สนทนา
เกร็ดสามก๊ก

ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ

ตอนที่ ๖ ศึกแซ่เดียวกัน

เล่าเซี่ยงชุน

ขณะเมื่อ อ้วนเสี้ยว เจ้าเมืองกิจิ๋ว ผู้เป็นใหญ่ในดินแดนภาคเหนือของจีนในยุคสามก๊ก ได้สิ้นชีวิตลงนั้น โจโฉเพื่อนเก่าคู่รักคู่แค้น ได้ยาตรากองทัพอันใหญ่โต ในฐานะมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ มาประชิดอยู่ริมแม่น้ำฮองโห ตั้งแต่เดือนสาม ข้างขึ้น หวังว่าจะกำจัดอ้วนเสี้ยวให้เด็ดขาดลงไป หลังจากที่ได้เคยทำศึกกันมาสองครั้งแล้ว แต่อ้วนเสี้ยวบุญน้อยกำลังป่วยอยู่ พอได้ข่าวว่า อ้วนซง บุตรชายคนเล็กซึ่งยกทหารออกไปปะทะกับ เตียวเลี้ยว นายทหารกองหน้าของโจโฉแล้วแตกพ่ายกลับมา อาการก็กำเริบถึงแก่อาเจียนเป็นโลหิต สิ้นชีวิตลงโดยไม่ทันได้สั่งเสีย

นางเล่าซือ ภรรยารองที่เป็นมารดาของอ้วนซงก็เลยสมคบกับ สิมโพย ฮองกี๋ ที่ปรึกษาของอ้วนเสี้ยว จัดการจะยกอ้วนซงขึ้นเป็นเจ้าเมืองกิจิ๋วแทนบิดา พร้อมกันนั้น นางเล่าซือก็ให้เอาตัวภรรยาน้อยของอ้วนเสี้ยวห้าคน มาฆ่าเสียอย่างทารุณ

ข้างอ้วนซงก็เกรงว่า ญาติพี่น้องของหญิงทั้งห้านั้น จะมีใจพยาบาทแก่มารดาและตนเอง เลยช่วยให้ทหารไปจับเอาญาติของหญิงเหล่านั้น มาฆ่าเสียจนหมดทั้งโคตรไปด้วย

ฝ่าย อ้วนถำ บุตรชายคนโตของอ้วนเสี้ยว ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเซียงจิ๋ว ยกทหารมาจะช่วยบิดารบกับโจโฉ ได้ข่าวว่าบิดาตายเสียแล้ว จึงพักทหารอยู่นอกเมือง ให้ กัวเต๋า ที่ปรึกษา เข้าไปดูลาดเลาในเมืองกิจิ๋วก่อน เมื่อพบว่าอ้วนซงตั้งตัวเป็นใหญ่แทนอ้วนเสี้ยวก็แจ้งว่า อ้วนถำพี่ชายได้ยกกองทัพมาแล้ว แต่ขณะนี้ป่วยจึงให้ตนมาส่งข่าวแทน อ้วนซงก็บอกว่าบิดาได้สั่งไว้ก่อนตายให้ตนเป็นเจ้าเมืองกิจิ๋ว ส่วนอ้วนถำนั้นให้เป็นเจ้าเมืองเซียงจิ๋วซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองกิจิ๋ว ดังนั้นจึงให้อ้วนถำยกทหารเป็นกองหน้า เข้ารบกับโจโฉก่อน แล้วตนจะยกทัพหลวงไปช่วย

กัวเต๋าก็ออกอุบายว่าอ้วนถำไม่มีที่ปรึกษาชั้นดี จะขอตัวสิมโพยกับฮองกี๋ไปช่วยในกองทัพด้วย อ้วนซงก็ว่าในกองทัพของตน ก็ต้องปรึกษากับสองคนนี้อยู่เหมือนกันจะให้ไปไม่ได้ กัวเต๋าก็ว่าไม่ได้สองคนให้คนเดียวก็ยังดี อ้วนซงก็เลยให้ที่ปรึกษาทั้งสองจับฉลากว่าใครจะไปอยู่กับอ้วนถำ ปรากฏว่าเป็นฮองกี๋ จึงจำใจต้องไปตามคำสั่งอ้วนซง

พออ้วนถำเห็นหน้าฮองกี๋ก็แทบอยากจะฆ่าเสีย เพราะเป็นผู้ร่วมมือช่วยให้อ้วนซงเป็นใหญ่แทนบิดา โดยไม่คิดถึงอาวุโส แต่กัวเต๋าขอเอาไว้ใช้ราชการก่อน ถ้าเมื่อใดรบชนะโจโฉแล้ว จึงค่อยหาทางจัดการในภายหลัง อ้วนถำจึงยกกำลังเข้ารบกับโจโฉ

ครั้งแรกนายทหารกองหน้าก็ถูกทหารเอกของโจโฉฆ่าตาย ต้องแตกถอยเข้าค่าย
แล้วแจ้งให้อ้วนซงรีบยกทหารมาช่วย อ้วนซงก็จัดทหารให้ยกไปช่วยเพียงห้าพันคนเท่านั้น

พอโจโฉรู้ข่าว ก็ให้นายทหารเอกอีกสองนาย คุมพลไปดักซุ่มโจมตีและฆ่าตายหมดทั้งกอง โดยยังมาไม่ถึงค่ายอ้วนถำเลย อ้วนถำก็โกรธจัดไม่รู้จะทำอย่างไร ก็หันไปด่าฮองกี๋แทน ฮองกี๋ก็รับอาสาว่าจะเขียนหนังสือให้อ้วนซงยกทหารมาช่วยใหม่

คราวนี้อ้วนซงปรึกษากับสิมโพยแล้วเห็นว่าอย่าช่วยเลย ปล่อยให้โจโฉตีอ้วนถำจนแตกพ่ายไปเลยดีกว่า จึงมีใบบอกว่าจะส่งทหารมาช่วยไม่ได้ เพราะจะต้องเอาไว้รักษาเมืองกิจิ๋ว อ้วนถำผิดหวังครั้งนี้ก็เลยให้เอาตัวฮองกี๋ที่ปรึกษาเก่าแก่ของบิดาไปฆ่าเสียให้หายแค้น แล้วก็ปรึกษาหารือกับกัวเต๋า และ ซินเบ้ง ว่า ขืนรบต่อไปก็คงไม่ไหว ควรจะเข้าไปนอบน้อมกับโจโฉดีกว่า

พอข่าวนี้รู้ไปถึงอ้วนซง ก็ตกใจรีบยกทหารหลายหมื่นออกจากเมือง มาตั้งค่ายใกล้กับค่ายของอ้วนถำ เพื่อช่วยกันรบกับโจโฉ ฝ่าย อ้วนฮี บุตรชายคนกลางของอ้วนเสี้ยวซึ่งเป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว กับ โกกัน เจ้าเมืองเป๊งจิ๋ว ซึ่งเป็นหลานของอ้วนเสี้ยวต่างก็ยกทหารของตนมาถึง และตั้งค่ายติดต่อกันไป อ้วนถำก็ยินดีเลยเลิกคิดที่จะไปเข้ากับโจโฉ แต่ก็คอยดูอยู่ว่าน้องทั้งสามจะรบกับโจโฉได้ผลเป็นอย่างไร

อ้วนซงกับอ้วนฮีและโกกัน ก็คุมทหารเข้ารบกับกองทัพของโจโฉ ถึงสิบเจ็ดสิบแปดครั้ง ก็เสียทีแก่โจโฉทุกครั้ง ทหารต้องบาดเจ็บล้มตายไปเป็นอันมาก โจโฉจึงให้แบ่งทหารออกเป็นสี่กอง เข้าตีค่ายของทั้งสี่พี่น้องแตกหมดทุกค่าย อ้วนถำกับอ้วนซงหนีเข้าเมืองกิจิ๋วได้ ส่วนอ้วนฮีกับโกกันคุมทหารที่เหลือ ตั้งค่ายอยู่หน้าเมือง โจโฉเข้าตีหลายครั้งก็ไม่แตก

กุยแก ที่ปรึกษาหนุ่มของโจโฉ จึงแนะนำว่า ไม่ต้องรบให้เปลืองกำลัง บุตรของอ้วนเสี้ยวทั้งสามคนต่างก็แย่งกันเป็นใหญ่ เมื่อมีศึกภายนอกก็จะเข้ารวมเป็นพวกเดียวกัน ถ้าว่างศึกก็จะรบพุ่งกันเอง ขอให้ยกทัพไปจัดการกับ เล่าเปียว และเล่าปี่ ที่เมืองเกงจิ๋วให้เรียบร้อยเสียก่อนดีกว่า ปล่อยให้พี่น้องฟัดกันให้หมดแรง แล้วค่อยกลับมาคิดบัญชีกันใหม่

โจโฉก็เห็นด้วย จึงสั่งเลิกทัพจากเมืองกิจิ๋วไป ให้ กาเซี่ยง ตั้งขัดตาทัพอยู่ที่ตำบลลิหยง ให้ โจหอง ขัดตาทัพไว้ที่ริมแม่น้ำฮองโหตามเดิม ส่วนตนเองยกกองทัพลงทางใต้ ไปตีเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว

ทางเมืองกิจิ๋วก็ดีใจที่เลิกรบกันเสียที อ้วนฮีกับโกกันก็ยกทหารของตนกลับไปเมืองอิจิ๋วและเป๊งจิ๋วตามเดิม แต่อ้วนถำยังคงอยู่ในเมืองกิจิ๋ว ก็ปรึกษากับกัวเต๋าและซินเบ้งว่า

".....ตัวเราเป็นบุตรใหญ่ อ้วนซงนั้นเป็นบุตรภรรยาน้อย ทั้งอายุก็อ่อนกว่าเรา ซึ่งจะเป็นใหญ่ในเมืองกิจิ๋วนี้เราไม่ยอม....."

กัวเต๋าจึงแนะให้ยกกองทหารออกไปตั้งนอกเมือง และเชิญอ้วนซง กับสิมโพยออกไปกินโต๊ะ เป็นทีว่าจะขอลากลับคืนไปเมืองเซียงจิ๋ว แล้วก็ล้อมจับฆ่าเสียทั้งคู่ พอดีขณะนั้น อองสิว ที่ปรึกษาคนหนึ่งของอ้วนถำรู้เรื่องก็ออกความเห็นว่า

"....อันธรรมดาพี่น้องกันนั้น อุปมาเหมือนหนึ่งแขนซ้ายแขนขวา เหตุใดท่านมาคิดใจเบาตัดแขนซ้ายขวาเสียนั้นไม่ควร เมื่อท่านทำร้ายและตัดพี่น้องเสียได้นั้น ข้าพเจ้าเห็นจะไม่มีความสบาย และท่านจะเอาผู้อื่นมาแทนพี่น้อง เขายังจะมีใจเจ็บร้อนด้วยท่านหรือ ซึ่งท่านฟังคำคนสอพลอยุยงนั้นไม่ควร ด้วยเขาเป็นคนคิดสั้นจะเอาบำเหน็จปากแต่ครู่หนึ่งยามหนึ่งเท่านั้น....."

อ้วนถำได้ฟังความเห็นที่ไม่ตรงกับใจของตนก็โกรธ จึงไล่อองสิวออกไปเสีย แล้วก็ดำเนินการตามแผนเดิมของตนต่อไป อ้วนซงกับสิมโพยก็พอจะรู้เท่าทัน อ้วนถำ จึงยกทหารห้าหมื่นจัดเป็นกองทัพออกไปหาอ้วนถำ

พออ้วนถำเห็นว่าอ้วนซงไม่หลงกลอุบายของตน ก็ใส่เกราะถือทวนขึ้นม้าพาทหารออกจากค่าย ไปประจันหน้ากับน้องชาย แล้วด่าว่า

".....ตัวเอ็งคิดคดเอายาพิษให้บิดากูกินจนถึงแก่ความตาย แล้วตั้งตัวเป็นเจ้าเมืองใหญ่ จะบังคับบัญชากูซึ่งเป็นพี่นั้น เห็นชอบอยู่แล้วหรือ....."

อ้วนซงก็โกรธไม่เถียงว่าอะไรขับม้าเข้ารบกับพี่ชายเป็นสามารถ อ้วนถำสู้ฝีมือน้องไม่ได้ก็ต้องถอย อ้วนซงก็ไล่ฆ่าฟันทหารของพี่ชายตายไปเยอะแยะแล้วก็ยก พวกกลับเข้าเมือง อ้วนถำนั้นพอตั้งตัวติดก็พาทหารย้อนกลับมาแก้มืออีก อ้วนซงก็ออกจากเมืองมาสู้กันใหม่ ลิกอง ทหารเอกของอ้วนซงรบกับ เงียมเพ็ก ทหารเอกของ อ้วนถำได้ห้าเพลงก็เอาทวนแทงเงียมเพ็กตกม้าตาย คราวนี้อ้วนถำเลยต้องถอยไปถึงเมืองเพงงวนก้วน แล้วรักษาเชิงเทินให้มั่นคงไว้

อ้วนซงก็ยกทหารตามไปล้อมเมืองไว้ทั้งสามด้าน กัวเต๋าแนะให้อ้วนถำ มีหนังสือไปอ่อนน้อมต่อโจโฉ ให้ยกกองทัพไปตีเมืองกิจิ๋ว อ้วนซงจะได้ถอนทหารกลับโดยเร็ว อ้วนถำก็ให้ ซินผี เจ้าเมืองเพงกวนง้วน ซึ่งเป็นน้องของซินเบ้งที่ปรึกษา เป็นผู้ถือหนังสือไปหาโจโฉ

ขณะนั้นโจโฉกำลังจัดขบวนทัพอยู่ที่เมืองเซเปงก๋วน เพื่อจะเข้าตีเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียวอยู่ พอได้รับหนังสือจากซินผี ก็หารือกับที่ปรึกษาทั้งปวง ฝ่ายหนึ่งให้ความเห็นว่าไม่ควรจะละทิ้งเมืองเกงจิ๋วไปตีเมืองกิจิ๋ว

แต่ซุนฮิว ที่ปรึกษาชั้นผู้ใหญ่แย้งว่า

".....อันอ้วนเสี้ยวถึงตัวจะตายแล้วก็ดี แต่ลูกหลานหว่านเครือยังมีอยู่เป็นอันมาก เมืองใหญ่ก็มีอยู่ถึงสี่หัวเมือง....ทั้งทหารก็มีอยู่ประมาณร้อยหมื่นเศษ ถ้าลูกหลานพี่น้องอ้วนเสี้ยวปกติอยู่กัน เห็นผู้อื่นจะไม่ไปย่ำยีได้บัดนี้อ้วนถำกับอ้วนซงผิดกัน อ้วนถำให้มาอ่อนน้อมต่อท่าน ถึงจะคิดกลประการใดก็เห็นจะได้ทีเรา ขอให้ยกกองทัพไปเป็นทีช่วยอ้วนถำกำจัดอ้วนซงเสีย แล้วจึงคิดอ่านรบเอาอ้วนถำ ก็จะได้โดยง่าย....."

โจโฉก็เห็นชอบด้วย จึงเชิญซินผีมากินโต๊ะแล้วถามว่า ซึ่งอ้วนถำให้ถือหนังสือมานี้ เป็นการสุจริตหรือมีกลอุบายอย่างไร ซินผีก็ว่าที่ถามมานี้ตอบไม่ได้ แต่กลับอธิบายเสียยืดยาวว่า

".....อันอ้วนเสี้ยวนั้นทำสงครามก็พ่ายแพ้แก่ท่านหลายครั้ง แล้ว อ้วนเสี้ยวมิได้เชื่อที่ปรึกษา กลับเอาโทษถึงตายบ้างถอดออกเสียจากที่บ้าง ที่ปรึกษาและทหารทั้งปวงอิดโรยย่อท้อการศึกจึงเสียไป จนตัวอ้วนเสี้ยวก็ถึงแก่ความตาย บัดนี้อ้วนถำ กับอ้วนซงชิงกันเป็นใหญ่....แซ่อ้วนครั้งนี้อุปมาเหมือนใบไม้ อันหล่นเกลื่อนเมื่อเทศกาลแล้ง ตัวท่านดังเพลิงป่าอันต้องลม ก็จะไหม้ใบไม้ทั้งนั้นเป็นจุณไป......"

โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบยกกองทัพไปตีเมืองกิจิ๋ว ส่วนทางเมืองเกงจิ๋วสงสัยว่าจะเป็นกลอุบาย ก็เลยไม่ได้ติดตาม ทั้งเล่าเปียวและเล่าปี่ ก็โล่งอกไปได้พักหนึ่ง

แต่เมืองกิจิ๋วซึ่งมีแสนยานุภาพมากมาย ดังที่ปรึกษาของโจโฉว่านั้น จะสามารถรับมือกับกองทัพของโจโฉได้แค่ไหน ในเมื่อท่านฑูตผู้ถือสารเองก็เล็งเห็นแล้ว่าแซ่อ้วนนั้นถึงคราวร่วงหล่น เหมือนใบไม้แห้งรอไฟป่า

ก็คงจะรู้กันได้ในไม่ช้านี้.

##########

วางเมื่อ ๘ ก.ย.๕๖ เวลา ๐๙.๐๒
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่