ฝรั่งเขาคิดกับไทยอย่างนี้เองเหรอ!??!

เรื่องนี้เป็นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปีที่เเล้วครับในเทศกาลลอยกระทง
ก่อนอื่นต้องขอย้อนความนิดหนึ่งก่อนนะครับ
ผมเป็นเด็กจากชุมชน ชนบทเเห่งหนึ่งในเมืองกาญจน์ อยู่ในอำเภอเล็กๆ
ได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ พอช่วงเทศกาลเเต่ละครั้งผมก็จะได้กลับมาเที่ยวบ้าน
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมกลับมาบ้านเเล้วผมได้ข่าวว่าคนในหมู่บ้าน เธอไปได้สามีฝรั่งมา
ปลูกบ้านใหญ่โต อลังการงานสร้างเชียว ผ่านมาอีกในหลายๆเทศกาลผมก็จะเห็นฝรั่งคนนี้
มาหาภรรยาเขาอยู่บ่อยๆ เเต่เวลาที่ฝรั่งกลับไปทำงานที่ต่างประเทศผมจะเห็นว่าภรรยาเขา
ก็มีชายอีกคนไปรับไปส่ง อยู่กินกันอย่างเปิดเผยโดยไม่ได้ปิดบังตอชาวบ้านคนอื่น
เเต่จะปิดเป็นความลับเมื่อฝรั่งมา เเล้วอยู่ๆมาไม่นานฝรั่งคนนี้ก็กลับมาหาภรรยาเขา
ด้วยความหึงหวงของชายอีกคนเลยทำให้ภรรยาฝรั่งคนนี้เเกตัดสินใจเลิกกับฝรั่งกลางคัน
โดยวิธีการของเขาก็คือ ให้ฝรั่งไปบวชที่วัดเเห่งหนึ่ง ฝรั่งก็ไปโดยเขาไม่คิดอะไร เพราะ
การบวชเป็นความต้องการของเขา (เขาอยากบวชมานานเเล้ว) พอไปบวชเป็นเณรได้สาม-สี่วัน
ภรรยาเขาก็เก็บเสื้อผ้าฝรั่งใส่กระเป๋าเเล้วฝาคนขับรถตู้ของวัดไปให้ เเล้วบอกกับฝรั่งว่า "เธอมีคนใหม่เเล้ว"



จุดเริ่มตนของผมกับฝรั่งคนนี้ เริ่มจากผมได้ทราบข่าวมากมาย ของเขาเเละภรรยา ผมรู้สึกสงสาร
ผมรู้สึกว่าเขาต้องอยู่ตัวคนเดียว มันคงจะเเย่น่าดู ตอนนั้นวัดที่เขาบวชมีงานปิดทอง ประมาณ 10 กว่าวัน
ผมจะเห็นเขานั่งหลังกุฎิ จะมี่บ่อน้ำเเละอีกฟากของบ่อน้ำก็จะมีหนังกลางเเปลงฉาย ผมจะเห็นเขานั่งดูหนังอยู่คนเดียวตลอด
ข้างๆบ่อน้ำ (ตอนนั้นในใจคิดว่า ยิ้มเอ๊ยย!! กระโดดลงไปละข่าวหน้าหนึ่งเลยนะนั่นอ๊ะ!!)
ผมไปกี่ทีก็จะเห็นอย่เหมือนเดิม แต่ผมไม่กล้าคุย ก็อย่างว่า เราเกลียดการเรียนอังกฤษในคาบเรียนซะไม่มี
ตกก็เคย เกรด 0 ก็ได้มาเเล้ว เจออาจารย์ฝรั่งให้ ฟักก็เคยได้มาเเล้ว(ได้มาตอนม.ปลาย เเบบว่าสมควร 555)
เราเลยไม่กล้า เเต่ในใจก็อยากคุยกะเขา อยากให้กำลังใจ ผ่านไปสาม-สี่ครั้งก็เเล้ว ก็ยังไม่กล้า
งานผ่านมาประมาณ6-7 วัน ผมก็คิดได้ว่า "เอาว่ะ....ถ้ามันจะเเย่ถ้ามันจะผิด ดีเหมือนกันเอาให้ฮากันไปเลย!!"
ผมพกดิกชันนารี่ไปเล่มหนึ่ง เเล้วเห็นเขาอยู่ที่เดิมเวลาเดิมเป๊ะๆ ผมคว้าเกาอี้เเล้วฟาดไปที่ฝรั่ง!!
ไม่ใชและ!!...ผมคว้าเก้าอี้ได้เเล้วหยิบไปวางเเล้วนั่งข้างๆเขา เเล้วเอ่ยประโยคเเรกขึ้นมาว่า "ฮายยยยยยยย"
ฝรั่งงงเล็กน้อย ผมไม่เปิดโอกาศให้ตั้งตัวถามต่อไปด้วยประโยคเทพๆอีกหนึ่งประโยค "ฮาว อาฮ์ ยูวว, ไอ แอม ...."
ฝรั่งได้ยินถึงกับลุกเดินหนีไปทางกุฎิของตัวเอง ในใจผมตอนนั้นเหมือนเป็นเเผลลึก เหมือนมีซาตานบินรอบๆหัว
เเล้วตะโกนว่า "ไอ๊ห่วยยย" บอบช้ำมากก เเต่สักพักผมเห็นฝรั่งเดินออกมาจากกุฎิ ผมเกิดคำถามในใจว่า "วิ่งหนี ดีไหมวะ!!
หรือกระโดดลงน้ำไปเลย หรือหารอยเเยกของแผ่นดินเเล้วเอาตัวเเทรกลงไปดี!!" แต่ในมือของฝรั่งมีหนังสือมาเล่มหนึ่ง
ประมาณว่าดิกชันนารี่ ไทย-เยอรมัน เขาเอ๋ยคำเเรกว่า "สวัสดี ผมชื่อเรเน่" ผมก็หายกังวลไปเลย คืนนั้นเราคุยกันมากมาย
ในภาษามือบ้างเปิดดิกชันนารี่บ้าง เขาเล่าความรู้สึกของเขาที่โดนทิ้งให้ฟัง เเละเป็นครั้งเเรกที่ผมรู้สึกว่า
ผมฟังภาอังกฤษเข้าใจนิ ถึงจะพูดไม่ได้เเต่รับรู้เขาว่าเขาพูดอะไร สื่อถึงอะไร อารมณ์เเบบไหน

(อืม!! ผมไม่ใช่คนข้างๆอย่าเข้าใจผิด ถ้าจะมโนภาพผมนี่ต้องใกล้เคียงกับมาริโอ้ไม่มาก็น้อยละ //ถีบเข้าหน้าาา)

ผมได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขาคือเขาชื่อ เรเน่ เป็นชาว เยอรมัน ทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้นักกีฬา เเละทีมฟุตบอลบาเซิล
(เคยเป็นการ์ดให้กับโรเจอร์ เฟ็ดเฟ่!!......//เฟ็ดเดอร์เลอร์ว๊อยยย..ย) ทุกๆวันผมจะไปคุยกับเขาเสมอ จนคนเเถวบ้านถาม
"อยากมีผัวฝรั่งเหรอหนู" เราก็ตอบกลับเเบบสุภาพว่า "ผัวฝรั่งซ่งติงไรคร้าาบบ"  จนถึงวันที่เขาสึกออกจากวัด
ผมก็ไปเยี่ยมเขา เขาพักอยู่ที่บ้านพักตำรวจ เขาบอกว่าเขากำลังจะกลับ เเล้วชวนเราไปเลี้ยงข้าวขอบคุณสักมื้อ
เเต่วันนัดผมไม่ได้ไป ผมติดภารกิจบางอย่างไปไม่ได้ ผมไม่ได้บอกเขาเลย โดยเหลือสิ่งสุดท้ายที่ทิ้งให้กันคือ Facebook
(เอออ...กรูว่ามันจะเข้าพล๊อตเรื่องชายรักชาย เหลืองท่วมจอกันเลยทีเดียว!!)


***เพิ่มเติมครับ***
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ ตอนนี้เรเน่กำลังเอาบทความนี้ไปให้เพื่อนที่เป็นคนไทยในบาเซิลเเปลให้ฟัง
อยากฝากอะไรถึงเรเน่กับคริสโตโฟจัดเต็มเลยครับ หรือพิมพ์เป็นอังกฤษเลยก็ได้
เรื่องภาษาก็ตกหล่นบ้าง พิมพ์ผิด สะกดผิดอย่าว่ากันเลยนะครับ (ผมละฮาบางคำ เเม่สะยาย!! พิมพ์ไปได้!!)//ทำตาปริบๆน้ำตาซึม
มีช่างภาพท่านหนึ่งได้ถ่ายรูปเรเน่กับคริสโตเฟอร์ไว้โดยบังเอิญ คุณ ความรัก เฉกเช่นสายลมแห่งฤดูกาล คห.163 ไปชมกันได้
เเละรูปภาพสุดชิค ของพวกเราเเบบ unsenser ที่ คห.87 ได้เลยครับบบ
ขอบคุณทุกท่านมากครับ!!
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่