ภูนั้นชื่อบรรทัด!

กระทู้สนทนา
เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2556 "เอียด เส้งเอียด" ปรากฏตัวที่โรงแรมเดอะสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) ถ.ศรีอยุธยา

เพื่อร่วมแถลงข่าวกับ "สหายช่วง" ธงชัย สุวรรณวิหค เรื่อง "แนวทางการปฏิวัติประชาชนโดยสันติ และแนวทาง 9 ปฏิวัติ เพื่อความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชน" ไม่เป็นข่าวในสื่อกระแสหลัก ยกเว้นสำนักข่าวทีนิวส์

มาวันนี้ "เอียด เส้งเอียด" อดีตขุนโจรแห่งเทือกเขาบรรทัด ได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลักและกระแสรองมากมาย

บรรดานักรบหน้าจอฝ่ายตรงข้ามกับพรรคฝ่ายค้าน ดาหน้ามาเปิดประเด็น "โจรนำม็อบยาง" กันอึกทึก ซึ่ง "เอียด" มิได้ปฏิเสธ "วิถีโจร" ในอดีต แต่ปัจจุบัน เขาคือ "ผู้พิทักษ์ป่า" แห่งเทือกเขาบรรทัด

หากสนใจศึกษาประวัติศาสตร์วัฒนธรรมชุมชนรอบเทือกเขาบรรทัด ก็จะทราบว่า "เอียด" ชาวป่าพะยอม จ.พัทลุง เติบโตมาในสังคมที่ชาวบ้านต่างให้ความหมายว่า "วิถีโจร" คือวิถีวัฒนธรรม และเป็นทางหาเลี้ยงชีพของลูกผู้ชาย ด้วยเหตุผลว่า "ไม่ลักจ่ายไหร"

หรือมีคำกล่าวกันติดปากทั่วไปว่า "ถ้าปล้นไม่เป็น ไม่ยกลูกสาวให้" ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการถูกเรียกขานว่า "นาย" ก็เร่งทำการปราบปรามโจรผู้ร้าย จนเกิดการกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชน ทั้งที่เป็นคนธรรมดาและโจร

แถวถิ่นพัทลุง นับแต่ปี 2500 เป็นต้นมา ทางการได้ส่งตำรวจตำบลเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย ถึงในตำบลและหมู่บ้านต่างๆ

หากว่า "นาย" มาถึงเรือนชานบ้านใด เจ้าบ้านจะต้องให้การดูแลอย่างดีที่สุด เช่น การหามะพร้าวอ่อนมาต้อนรับ และหากถึงมื้ออาหาร ก็จับเป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้มาทำแกงให้ "นาย" กิน ตามด้วยการเลี้ยงเหล้า

จึงมีคำกล่าวให้ได้ยินเสมอๆ ว่า "นายเมา นายก็ถีบเรา เราเมา นายก็ถีบเรา"

จนกระทั่งปี 2505 แนวคิดเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ ค่อยๆ แพร่เข้ามาในชุมชนชาวนาบ้านเขาเจียก และบ้านสังแกระ อ.เมืองพัทลุง อาศัยแกนนำที่เป็นชาวบ้านจากบ้านเขาเจียกกลุ่มหนึ่ง ออกไปเผยแพร่แนวความคิดสู่ชุมชนเชิงเทือกเขาบรรทัด

"ขนำในไร่" กลายเป็นแหล่งโฆษณาแนวความคิดลัทธิมารกซ์-เลนิน และความคิดเหมาเจ๋อตง ให้แก่ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่แถวเทือกเขาบรรทัด

แม้ลัทธิมาร์กซ-เลนิน จะเข้าสู่สยามประเทศครั้งแรกที่ อ.กันตัง จ.ตรัง แต่กองกำลังติดอาวุธของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในภาคใต้ ก็สามารถจัดตั้งที่พัทลุงเป็นแห่งแรก ก่อนเมืองตรังเสียด้วยซ้ำไป

สาเหตุหนึ่งมาจาก "วัฒนธรรมการรบนาย" ชาวนาพัทลุงเป็นคนที่มีใจนักเลง ไม่ยอมให้ใครกดขี่ข่มเหง ฉะนั้นคนที่เกลียดชังนาย และด่านายได้เสียงดังกว่าก็คือคนพัทลุง

ฉะนั้น เนื้อหาที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ ใช้ในการสร้างแนวร่วมที่เป็นชาวบ้านอย่างได้ผลที่สุดก็คือ "ปลุกระดมให้คนเกลียดนาย"

ปี 2507 จึงเกิดเหตุการณ์เสียงปืนแตกครั้งแรก ที่บ้านควนปลง หมู่บ้านชาวนาใกล้ตัวเมืองพัทลุง เกิดขึ้นมาจากกลุ่ม "ลักเลง" หรือนักเลงที่เป็นแนวร่วมของคอมมิวนิสต์ ตัดสินใจ "ยิงนายเอาปืน" ก่อนหลบหนีขึ้นสู่เทือกเขาบรรทัด

จะเห็นได้ว่า คนพัทลุงที่เข้าร่วมกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ชุดแรกๆ จะเป็นโจรที่มีอิทธิพลในท้องถิ่น หรือคนที่มีความขัดแย้งกับ "นาย" หรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน

วลีที่ว่า "ไม่รบนาย ไม่หายจน" ถูกเปล่งขึ้นมา และถูกขานรับไปทั่วเทือกเขาบรรทัด จากการต่อต้าน "นาย" ก็กลายเป็นการต่อสู้เพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐ จนเป็นสงครามประชาชน ซึ่งกินเวลายาวนานกว่าสองทศวรรษ

ก่อนจะเป็นโจรเรียกค่าไถ่ "เอียด เส้งเอียด" ก็เคยเข้าป่าจับปืน เป็นทหารดาวแดงแห่งเทือกเขาบรรทัด หลังเหตุการณ์ป่าแตก "นาย" รังแกพี่น้องเส้งเอียด ทำให้เขาต้องจับปืนอีกครั้ง

วันนี้ พี่น้องเส้งเอียดแห่งป่าพะยอม ต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน ก็เพราะ "นาย" ออกข่มเหงชาวบ้าน มองว่าม็อบสวนยางเป็น "ม็อบการเมือง"

ถ้าไม่แก้ปัญหาราคายาง แถมยังรังแกชาวบ้านไม่หยุด อาจถึงขั้นต้องจับปืน เอียดไม่ได้ขู่ใคร แต่ "วัฒนธรรมการรบนาย" ของคนเทือกเขาบรรทัด มันฝังลึกมานานกว่า 5 ทศวรรษแล้ว

ที่มา:http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/pracha/20130906/527874/ภูนั้นชื่อบรรทัด.html

ปล.รัฐบาลปู ทำให้เกิด คนที่จะต่อสู้กับนาย ขึ้นมาอีกเพียบเลยตอนนี้...มันคงไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดชายแดนแล้วหล่ะครับ...เอิ๊ก ๆ ๆ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่