{สอนดูดวงไพ่ยิปซี By Draconyz } ตอน บทที่ 1 : ทำความรู้จักกับ สำรับไพ่ และ หลักการใช้งานเบื้องต้น

กระทู้สนทนา

ดูดวง

*** ข้อความทั้งหมดในกระทู้นี้ หากผู้ใดจะนำไปแปะในเว็บอื่น กรุณาให้ CR กับผู้เขียนด้วย
*** ข้อความทั้งหมดในกระทู้นี้ เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนศึกษาด้วยตัวเอง จึงควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
*** ข้อความทั้งหมดในกระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการแสวงหาผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 1 : ทำความรู้จักกับ สำรับไพ่ และ หลักการใช้งานเบื้องต้น

ในไพ่ยิปซี 1 สำรับ มีอะไรบ้าง ?

สำหรับอุปกรณ์สำคัญที่เปรียบเสมือนอาวุธคู่กายของเราที่ทุกคนต้องมีก็คือ “ไพ่ยิปซี 1 สำรับ” ซึ่งโดยมาตรฐานแล้วไพ่ 1 สำรับจะประกอบไปด้วยไพ่ทั้งหมด 78 ใบ โดยแยกเป็น “ไพ่ชุดหลัก” (Major Arcana) จำนวน 22 ใบ และ “ไพ่ชุดรอง” (Minor Arcana) จำนวน 56 ใบ ซึ่งเราจะได้พูดถึงวิธีการใช้ไพ่ในการทำนายกันในบทต่อๆไป

เมื่อไพ่ยิปซีมีหลายลวดลาย … ??

ในปัจจุบัน เราสามารถพบเห็นไพ่ยิปซีได้ทั่วไปซึ่งมักจะวางขายตามร้านหนังสือต่างๆ และเมื่อสังเกตดูจะพบว่า ไพ่ยิปซีที่วางขายอยู่ในปัจจุบันนั้นมีหลายลวดลาย และภาพที่ปรากฏอยู่บนไพ่นั้นก็ล้วนถูกรังสรรค์โดยศิลปินจากทั่วโลก ส่วนใหญ่ในแต่ละ Collection ก็มักจะถูกออกแบบให้ทั้ง 78 ใบนั้นอยู่ Theme เดียวกัน จึงอาจเกิดคำถามว่า “แล้วไพ่ยิปซีแต่ละลวดลายที่เห็นนั้น มีการใช้งานที่แตกต่างกันหรือไม่ ?” ซึ่งคำตอบก็คือ ไม่แตกต่าง ครับ ต่างกันแค่ว่าใครจะชอบลายแบบไหนเท่านั้น แต่ลายบนไพ่ยิปซีที่ถือว่า Classic ที่สุดนั้น ก็เห็นจะเป็นชุด Rider Waite Tarot โดยผู้เขียนรูปก็คือ Pamela Colman Smith พิมพ์ในปี 1909 ซึ่งนับว่าเป็นไพ่ชุดที่เราเห็นกันบ่อยที่สุดจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของไพ่ยิปซีไปในที่สุด

ภาพประกอบ ไพ่ชุด Raider Waite Tarot (ซ้าย) และ Pamela Colman Smith (ขวา)

หลักการใช้งานไพ่เบื้องต้น

1.ก่อนจะใช้งานไพ่ทุกครั้ง ควรตรวจดูความเรียบร้อยของไพ่เสียก่อน เช็คดูว่าไพ่ที่หยิบออกมาถึงบนมือมีครบทั้ง 78 ใบหรือไม่ และทุกใบต้องไม่ตกอยู่ในสภาพ เสียหาย (เช่น เปียกน้ำ มีรอยฉีกขาด ถูกพับ) หรือ สกปรก (เช่น มีรอยเปื้อนที่เกิดจากเครื่องเขียน คราบเหงื่อจากมือของคนที่สัมผัสไพ่ คราบสกปรกบริเวณขอบไพ่)

2.เมื่อตรวจดูว่าไพ่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว ก่อนเริ่มการทำนาย ให้ถาม อายุของผู้ถูกทำนาย เพื่อนำมาเป็น จำนวนในการสลับไพ่ (ต่อไปจะเรียกว่าการ “สับไพ่” ) ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพราะ เพื่อให้การทำนายทุกครั้งของเราเกิดมาตรฐาน ทำให้จำง่าย ไม่ต้องมากังวลเวลามีคำถามจากผู้ถูกทำนายว่า “ต้องสับไพ่กี่ครั้ง” อีกอย่าง ก็เพื่อทำให้ผู้ถูกทำนายเกิดสมาธิในระหว่างการทำนาย เพราะจะทำให้เขาจดจ่ออยู่กับการนับจำนวนครั้งในการสับไพ่ ถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการตรึงผู้ถูกทำนายให้มีสมาธิอยู่กับเราจนจบการทำนาย

อนึ่ง โดยปกติแล้ว ในกรณีที่เราทำการทำนายต่อหน้าผู้ถูกทำนาย (ต่อไปจะเรียกว่าการ “ทำนายสด” ) ให้เรายื่นไพ่ให้ผู้ถูกทำนาย และบอกให้เขาสับไพ่ในจำนวนที่เท่ากับอายุของเขา แต่ถ้าเป็นในกรณีที่เราทำนายผ่านสื่อกลาง (เช่น โทรศัพท์ facebook LINE Skype ฯลฯ ) ให้เราถามอายุของเขา แล้วทำการสับไพ่แทนด้วยจำนวนเท่ากับอายุของผู้ถูกทำนาย (จะกล่าวถึงโดยละเอียดในบทต่อๆไป)

3.หลังจากทำการสับไพ่เรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มถามผู้ถูกทำนายว่า “ต้องการให้ทำนายแบบไหน” โดยผมจะแบ่งการทำนายในแบบของผมออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่

3.1 การทำนายแบบ 10 ใบ เป็นการทำนายแบบมาตรฐานที่สุด ใช้ทำนายเพื่อตรวจดูดวงชะตาของผู้ถูกทำนายแบบเหมารวม คือ ดูในทุกเรื่องแบบรวมๆ โดยอ้างอิงความหมายตามหน้าไพ่ที่ปรากฏ และ ตำแหน่งที่ไพ่นั้นวางอยู่ ซึ่งการทำนายแบบ 10 ใบนี้ เราจะใช้การวางไพ่แบบมาตรฐานที่เรียกว่า “Celtic Cross” (จะกล่าวถึง ความหมายของหน้าไพ่ และ ความหมายของตำแหน่งไพ่ ในบทต่อๆไป) โดยจะเลือกใช้ การวางไพ่ 10 แบบโบราณ หรือ การวางไพ่ 10 แบบประยุกต์ ก็ได้ (แล้วแต่ความถนัด) แต่สำหรับการสอนของผมในบทต่อๆไปจะยึด การวางไพ่ 10 แบบประยุกต์ เป็นหลักในการสอน

ภาพประกอบ การวางไพ่ 10 แบบโบราณ (ซ้าย) และ การวางไพ่ 10 แบบประยุกต์ (ขวา)

3.2 การทำนายแบบ 4 ใบ เป็นการทำนายเพื่อ ตอบคำถามเฉพาะด้าน ที่ผู้ถูกทำนายอยากรู้ เช่น การเงิน การงาน การเรียน ความรัก สุขภาพ ฯลฯ โดยอ้างอิงความหมายตามหน้าไพ่ที่ปรากฏ และ ตำแหน่งที่ไพ่นั้นวางอยู่ (จะกล่าวถึง ความหมายของหน้าไพ่ และ ความหมายของตำแหน่งไพ่ ในบทต่อๆไป) ซึ่งการทำนายแบบ 4 ใบนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ แบบตอบความคำถามเฉพาะด้าน ใช้เพื่อตอบคำถามเฉพาะที่ผู้ถูกทำนายอยากรู้เป็นพิเศษนอกเหนือผลจากการทำนายแบบ 10 ใบ ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เพียง 4 ใบ ในการตอบ 1 คำถาม แต่ในกรณีที่ผู้ถูกทำนาย อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำถามนั้น ก็สามารถจั่วไพ่เพิ่มได้เป็นใบที่ 5 ที่6 ไปเรื่อยๆ (ไม่ควรให้จั่วเพิ่มเยอะ เพราะเดี๋ยวความหมายจะซ้อนกัน ทำให้ยิ่งงงไปกันใหญ่) และ แบบตอบความสัมพันธ์ ใช้เพื่อทำนายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล 2 คน ซึ่งไม่สามารถจั่วไพ่เพิ่มได้ (แค่ 2 คนเท่านั้น คือระหว่าง บุคคลที่ 1 ได้แก่ผู้ถูกทำนาย กับ บุคคลที่ 2 ได้แก่ ผู้ที่เป็นคำถาม ไม่สามารถทำนายเหตุการณ์ซึ่งเกิดกับบุคคลที่ 3 หรือ ทำนายเกี่ยวกับการกระทำ ความคิด ความรู้สึก ของบุคคลที่ 3 ซึ่งมีต่อบุคคลที่ 1 หรือ 2 ได้)

ภาพประกอบ การวางไพ่แบบตอบความคำถามเฉพาะด้าน (ซ้าย) และ การวางไพ่แบบตอบความสัมพันธ์(ขวา)

3.3 การทำนายแบบ 1 ใบ เป็นการทำนายที่รวดเร็วและกระชับมากสุด ใช้ทำนายเพื่อตอบคำถามแบบ เน้นฟันธง เหมาะกับคำถามที่มีความเฉพาะเจาะจงมากเป็นพิเศษ สามารถตอบได้ทั้ง คำถามเฉพาะด้าน และ คำถามความสัมพันธ์ ขึ้นอยู่กับการตีความหมายหน้าไพ่ที่ปรากฏ (จะกล่าวถึง ความหมายของหน้าไพ่ และ ความหมายของตำแหน่งไพ่ ในบทต่อๆไป) โดยปกติแล้วจะใช้เพียง 1 ใบ ในการตอบ 1 คำถาม แต่ในกรณีที่ผู้ถูกทำนาย อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำถามนั้น ก็สามารถจั่วไพ่เพิ่มได้เป็นใบที่ 2 ที่ 3 ไปเรื่อยๆ (ไม่ควรให้จั่วเพิ่มเยอะ เพราะเดี๋ยวความหมายจะซ้อนกัน ทำให้ยิ่งงงไปกันใหญ่) ข้อควรระวังสำหรับการทำนายแบบนี้ คือ ต้องการณ์ประสบการณ์ในการตีความหมายไพ่มากกว่าการทำนายแบบอื่น หากยังจำความหมายโดยทั่วไปของไพ่แต่ละใบได้ไม่แม่น ก็ไม่ควรใช้วิธีนี้ในการทำนาย เพราะอาจทำให้คุณ “หน้าแตก” ได้

ภาพประกอบ  การวางไพ่โดยการทำนายแบบ 1 ใบ

4.หลังจากที่ถามความต้องการของผู้ถูกทำนาย ว่าต้องการให้ทำนายแบบใดแล้ว ก็ให้ทำนายตามนั้นไป แต่ถ้าผู้ทำนายเกิดอาการงงๆ ไม่เข้าใจว่าแต่ละแบบต่างกันยังไง ให้เรายึดหลัก การทำนายแบบ “10 - 4 - 1” คือ ทำนายแบบ 10 ใบก่อน เพื่ออ่านดวงชะตาโดยรวมของผู้ถูกทำนาย จากนั้นจึงถามเขาต่อว่าต้องการรู้เรื่องใดเพิ่มอีกหรือไม่ ถ้าหากว่ามี ก็ให้ทำนายต่อด้วยการทำนายแบบ 4 ใบ หรือแบบ 1 ใบ ก็ได้ แต่ให้เลือกทำแบบ 4 ใบก่อน หากไม่จำเป็นหรือยังไม่คล่องจริงๆ ควรหลีกเลี่ยงการทำนายแบบ 1 ใบ เอาไว้ก่อน (เพราะ ยิ่งออกหน้าไพ่ได้มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีข้อมูลในการทำนายมากขึ้นเท่านั้น)

5.วิธีการทำนายที่ถูกต้อง คือ อ่านความหมายโดยทั่วไปของหน้าไพ่ก่อน แล้วจึงวิเคราะห์เพิ่มว่า หน้าไพ่แบบนั้นเมื่อมาตกอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว จะมีความหมายของตำแหน่งนั้นเช่นไร  จากนั้นจึงวิเคราะห์ข้อมูลที่เราได้จากการ Checkform เพิ่มเข้าไปอีก (ทั้งหมดนี้ อ่านแล้ว เก็บไว้ในใจก่อน) (เรื่องการ Checkform จะถูกกล่าวถึงในบทต่อๆไป) เมื่อเราประมวลผลข้อมูลทั้ง 3 อย่างให้เชื่อมโยงกันได้แล้ว จึงค่อยพูดออกไป โดยเริ่มจากชี้นิ้วไปที่ไพ่ เรียงตามลำดับการวาง แล้วอธิบายความโดยทั่วไปของไพ่ใบนั้นก่อน จากนั้นตามด้วยความหมายของไพ่ใบนั้นบนตำแหน่งนั้น (ตรงนี้จุดนี้สามารถเอาข้อมูลที่ได้จากการ Checkform มาเสริมได้)แล้วต่อด้วยการเชื่อมความหมายของไพ่แต่ละใบ (มี 10 ใบ เชื่อม 10 ใบ มี 4 ใบ เชื่อม 4 ใบ) (เรื่องการ เชื่อมความหมายของไพ่แต่ละใบ จะถูกกล่าวถึงในบทต่อๆไป) ปิดท้ายด้วย วิธีการแก้ไขปัญหา ซึ่งมักได้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ทำนาย ประกอบกับ ประสบการณ์ของผู้เขียนหนังสือที่เราใช้อ้างอิง(เรื่อง การบอกวิธีการแก้ไขปัญหา จะถูกกล่าวถึงในบทต่อๆไป)

6.เมื่อทำนายจนเสร็จสิ้นแล้ว (ไม่มีคำถามเพิ่มเติม) ก็ให้ทำความเคารพผู้ถูกทำนาย และเก็บไพ่เข้าซองเก็บให้เรียบร้อย (ตรวจนับอีกครั้งว่าเก็บมาครบ 78 ใบหรือไม่) เป็นอันเสร็จพิธี

และนี่ก็คือสิ่งที่ผมคิดว่า ผู้ทำนายมือใหม่ ควรรู้และยึดถือปฏิบัติ ซึ่งผมได้ผ่านมาแล้วและลองผิดลองถูกมาหลายวิธี จนสามารถสรุปเป็นข้อๆได้อย่างที่เห็น หากขาดตกบกพร่องประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และผมจะนำข้อตกหล่นมาเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป

... พบกันใหม่ อาทิตย์หน้า ...

... สวัสดี ...

ข้อมูลอ้างอิงของบทนี้

จุฑามาศ ณ สงขลา. ไพ่ทาโรต์ : ศาสตร์แห่งการพยากรณ์  พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ สถาพรบุ๊คส์, 2550

ธนกร สินเกษม. ไพ่ยิปซี Tarot  พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ดวงเศรษฐี