ดวงยิหวาแห่งราชันต์ ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 2...
พระสหายที่รัก

“เป็นอะไรไป อาซีรามัน” คงเพราะเห็นพระพักบึ้งตึงของโอรสจึงทำให้กษัตริย์แห่งขันตะระ วิถีต้องตรัสถามด้วยความสงสัย

“ลูกแค่รู้สึกไม่ดี” เจ้าชายอาซีรามันตอบ ในใจกำลังคิดหาทางขัดขวางเพื่อไม่ให้กษัตริย์อัสมันแห่งเมืองบันนาตุกะได้ดอกบัวแรกแย้มไปเป็นพระชายา

“ไปเมืองบันนาตุกะคราวนี้ มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นหรือ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ลูกแค่ได้รับข่าวที่ไม่ค่อยดีกับตัวลูกเอง” วรกายหนาใหญ่ลุกจากแท่นประทับก่อนจะเดินมาทอดมองอะไรไปเรื่อยบนอาณาจักรที่กว้างขวางของขันตะระ วิถี

“ข่าวอันใดหรือ” พระบิดาเสด็จตามมายืนเทียบข้างโอรส “กษัตริย์อัสมันแห่งบันนาตุกะจะทรงราชาอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแห่งเซนารักพ่ะย่ะค่ะ”

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นไปได้ กษัตริย์แห่งเซนารักยอมยกธิดาให้อภิเษกกับกษัตริย์แห่งบันนาตุกะจริงหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นเท่ากับว่าเซนารักทรยศเราเพราะมันไม่ได้อยู่ในแผนการที่วางไว้”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ แต่โปรดวางพระทัยได้การอภิเษกสมรสของสองเมืองจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่”

“เหตุใดถึงได้มั่นใจถึงเพียงนั้น” เจ้าชายหนุ่มมีพระพักตร์ขรึมจัด“เพราะลูกจะไม่มีวันยอมปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นได้เพื่อรักษาหัวใจของลูกไม่ให้ถูกทำลายไปมากกว่านี้”

“อาซีรามัน นี่เจ้าคงไม่ได้” พระราชาราเชนทรงมีพระพักตร์หวั่นใจ “ถูกต้องแล้วเสด็จพ่อ เพราะลูกก็ตกหลุมรักเจ้าหญิงแห่งเซนารักเช่นกัน ฉะนั้น ลูกจะต้องทำการสักอย่างเพื่อล้มเลิกงานราชาอภิเษกนี้ให้ได้” เจ้าชายอาซีรามันเอ่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจังไม่มีแววหยอกล้อพระชนก ทุกอย่างที่พระองค์พูดกลั่นกรองมาจากข้างในหัวใจที่ไม่เคยระบายให้ผู้ใดได้ล่วงรู้แต่คราวนี้มันหนักหนาสาหัสและเจ็บปวดมาก

“เจ้าหญิงแอนนาริตา จะต้องเป็นของลูกแต่เพียงผู้เดียว” เจ้าชายอาซีรามันย้ำกับพระชนก


    “ทรงพาน้องมาทอดพระเนตรลาดพระบาททำไมกันเพคะ” เจ้าหญิงแอนนาริตาตรัสถาม ยามนี้ดอกบัวแรกแย้มดอกนี้กำลังเบิกบานให้ความหลงใหลแก่ผู้พบเห็น ดวงพระเนตรกลมสีน้ำตาลเข้มกำลังทอดมองพระพักตร์ของพระเชษฐาอย่างนึกสงสัย ร้อยวันพันปีไม่เคยเลยที่พระองค์จะพานางมาทอดพระเนตรอะไรเช่นนี้นอกจากพาประพาสป่าหรือท้ายิงพระขันธนู

“พี่ไม่ได้ให้น้องมาดูลาดพระบาทนี้หรอก แต่อยากให้ดูคนที่กำลังจะเสด็จมาต่างหากเล่า” ทรงแย้มพระสรวลอย่างคนเจ้าเล่ห์ก่อนที่เจ้าหญิงแอนนาริตาจะทรงละสายตาจากพระเชษฐาแล้วมองไปยังขบวนรถม้าที่กำลังวิ่งมายังลาดพระบาทด้วยความรู้สึกแปลกพระทัยไม่น้อย

“จะมีผู้ใดมาหรือเพคะ เจ้าพี่” ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าชายอานามานัส ริมฝีปากนิ่มอมชมพูเลยเงียบก่อนจะทอดพระเนตรคนที่อยู่ในขบวนรถม้าอีกครั้งมองไปยังบุรุษตรงหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นองครักษ์ประจำพระองค์ที่กำลังเดินไปเปิดประตูรถม้าแล้วก้มคำนับรอจนกว่าคนในรถจะลงมา
พระพักตร์คมเข้มทรงแย้มพระสรวลอย่างน่าเกรงขาม ดวงพระเนตรดำคมกริบกำลังทอดมองมายังร่างอรชรที่กำลังยืนนิ่งอยู่ข้างพระสหาย พระพักตร์รูปไข่อ่อนหวานดวงนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เจ้าหญิงแห่งเซนารัก ผู้ที่พระองค์ทรงคิดถึงและคะนึงหามาตลอด

“ถวายบังคมเจ้าชาย” กษัตริย์อัสมันแย้มพระโอษฐ์เอ่ยทักทายเพื่อนสหายก่อน หากแต่ดวงพระเนตรสีดำขลับกำลังทอดมองพระพักตร์งามตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง งดงามดั่งนางฟ้า งามหยดย้อยไม่มีหญิงใดเปรียบ

“ถวายบังคมฝ่าบาทเช่นกัน” เจ้าชายอานามานัสย่อวรกายลงเล็กน้อยก่อนจะตรัสด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มและเมื่อได้แลเห็นว่าเพื่อนสหายบันนาตุกะกำลังมองพระพักตร์ของพระขนิษฐาอย่างเผลอตัวก็ยิ่งทำให้เจ้าชายอานามานัสถึงกับเดินมาสะกิดถามราชาอัสมัน

“ฝ่าบาท จะทรงมองน้องหญิงแอนนาริตาของหม่อมฉันอีกนานไหม” องค์ชายอานามานัสตรัสถามเล่นๆ เป็นผลให้กษัตริย์หนุ่มแย้มพระโอษฐ์อย่างรู้ทันในขณะที่เจ้าหญิงแอนนาริตากำลังยืนแน่นิ่ง พระพักตร์รูปไข่เรียบเฉยราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำพูดของทั้งสองพระองค์

“หม่อมฉันเอาของจากบันนาตุกะมาถวายให้ด้วย โปรดมิโปรดแล้วแต่จะกรุณา” ยัซซิน องครักษ์ประจำกษัตริย์อัสมันได้นำธารพระกรที่เป็นทองคำแท้และสลักเป็นรูปมังกรงดงามมอบให้เจ้าชายแห่งเซนารัก วรกายสูงใหญ่ยื่นพระหัตถ์มารับสิ่งของจากองค์รักของราชาอัสมันก่อนจะให้องครักษ์ชารีฟซึ่งเป็นองครักษ์ของตนนำไปเก็บ

“ขอบพระทัยฝ่าบาท แล้วนั่นหญิงงามที่ใดกัน” เจ้าชายอานามานัสกระซิบถามเมื่อปรายพระเนตรสีฟ้าเข้มแลเห็นหญิงสาวร่างงามโดดเด่นที่อยู่หลังพระขนององค์ฝ่าบาทแห่งเมืองบันนาตุกะ
    
“พระขนิษฐาของหม่อมฉันเอง ทรงพระนามว่าแอนนี่เชีย” ราชาแห่งบันนาตุกะจับข้อพระหัตถ์บางของพระขนิษฐาก่อนจะมาให้เจ้าชายแห่งเซนารักได้ทอดพระเนตรอย่างเต็มตา

พระวรกายงามงดแม้พระฉวีจะดำคล้ำแต่เมื่อได้ทอดพระเนตรดวงตาสีเข้มก็ให้ความรู้สึกไหวพระทัยได้อย่างไม่น่าเชื่อ“เป็นบุญตาของหม่อมฉันที่ได้ทอดพระเนตรเจ้าหญิงงามแห่งบันนาตุกะ” สายพระเนตรสีฟ้าเข้มยังคงทอดมองร่างบางตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะคิดได้ว่าไม่ควรมองเจ้าหญิงด้วยสายตาเช่นนั้น

ฝ่ายกษัตริย์อัสมันทรงพระสรวลกับคำตรัสของพระสหายก่อนที่พระองค์จะทรงทอดมองเจ้าหญิงแอนนาริตาที่ยังคงยืนเงียบอยู่ พระพักตร์รูปไข่เรียบเฉยจนไม่อาจเดาใจได้ว่าเวลานี้เจ้าหญิงทรงคิดการอันใดและเจ้าหญิงจะทรงโปรดพระองค์หรือไม่ ซึ่งหากคำตอบออกมาว่าไม่ พระองค์คงรู้สึกเสียพระทัยเป็นแน่

“เป็นบุญตาของหม่อมฉันเช่นกันที่ได้เห็นเจ้าหญิงแห่งเซนารักที่ทรงพระสิริโฉมงามงดหาหญิงใดเปรียบ” กษัตริย์อัสมันตรัส

“เอาเถอะ หม่อมฉันว่าเราเสด็จเข้าไปประทับยังท้องพระโรงก่อนเถอะ หม่อมฉันจะได้สั่งให้นางกำนัลเอาอาหารและน้ำจันท์ที่ขึ้นชื่อของเมืองเซนารักมาถวายให้ฝ่าบาทได้ลิ้มรส โปรดมิโปรดก็แล้วแต่จะกรุณา” เจ้าชายอานามานัสเสด็จนำก่อนตามด้วยเจ้าหญิงแอนนาริตาที่จนถึงเพลานี้นางก็ยังไม่เอ่ยคำใดออกมาจนทำให้กษัตริย์แห่งเมืองบันนาตุกะรู้สึกหวั่นไหวใจ หรือว่านางจะทรงกลัวดอกพิกุลจะร่วงกันแน่ หากเป็นเช่นนั้น พี่ก็ใคร่อยากได้ยินน้องพูดสักครั้ง บางทีพี่อาจจะหลงใหลในตัวน้องมากขึ้นเป็นทวี

เมื่อเสด็จมาถึงท้องพระโรง เจ้าหญิงแห่งเซนารักก็กราบทูลลาบอกว่ามีการด่วนที่ต้องรีบไปทำ ครั้นพระเชษฐาจะทรงคาดคั้นบอกว่าเวลานี้น้องควรถวายการดูแลแขกบ้านแขกเมืองก็เห็นจะไม่เป็นที่พอใจแก่นางซะเปล่าๆ พระองค์เลยปล่อยให้เจ้าหญิงแอนนาริตาได้ในสิ่งที่นางขอก่อนจะหันกลับไปมองพระพักตร์คมเข้มฉายแววกังวลของกษัตริย์อัสมัน

“อย่าทรงเป็นกังวลไปเลย”
“แต่เจ้าหญิงแอนนาริตาอาจจะไม่โปรดหม่อมฉัน”

“เพราะน้องหญิงยังไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงเป็นพระคู่หมายของนางต่างหาก” เจ้าชายอานามานัสตรัสยิ้มแย้ม“ถ้าเป็นเช่นนั้นให้น้องเป็นคนไปบอกเจ้าหญิงแอนนาริตาเอง ดีไหมเพคะ” เจ้าหญิงแอนนี่เชียที่นิ่งฟังการสนทนาระหว่างสองพระองค์อยู่เงียบๆ ตรัสขึ้น

“เหตุใดเล่า น้องถึงอยากไปกราบทูลให้เจ้าหญิงทราบ” พระเชษฐาทรงตรัสถามด้วยความสนพระทัย

“น้องเป็นหญิง หญิงกับหญิงพูดคุยกัน น่าจะเป็นการดีมากกว่า” เจ้าหญิงแอนนี่เชียทรงแจ้งถึงเหตุผล

“ก็ดีนะฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นด้วยที่จะให้ผู้หญิงคุยกัน”

เจ้าชายอานามานัสทรงแย้มพระสรวลให้เจ้าหญิงแอนนี่เชียจนพระพักตร์ของนางแดงไปถึงหู  แต่หากพระองค์จะทรงสังเกตเห็นมันก็จะได้รู้ว่านางรู้สึกอายมากเพียงใด

แอนนาริตากำลังหัดยิงธนูกับอิมนูองครักษ์ประจำพระองค์ที่อานาเขตของตำหนักพระปืนก่อนจะทรงหยุดการยิงธนูเมื่อเห็นเจ้าหญิงต่างเมืองเสด็จมา

“ทรงพระปรีชาสามารถมากเพคะ เจ้าหญิงแอนนาริตา หม่อมฉันทึ่งในความเก่งของเจ้าหญิง” เจ้าหญิงแอนนี่เชียทรงชมด้วยความสัตย์จริง

“ขอบพระทัยเพคะ” แย้มพระสรวลเมื่อสักครู่หายไปแทบจะทันทีเมื่อทอดพระเนตรเห็นเจ้าหญิงงามแห่งบันนาตุกะที่กำลังยิ้มอ่อนหวานให้ วรกายอรชรหาได้เลี้ยวแลไม่ พระองค์ยังคงหัดยิงธนูกับองครักษ์ต่ออย่างเพลิดเพลินโดยไม่สนว่าเจ้าหญิงแอนนี่เชียจะทรงคิดเช่นไร
ดวงตาหวานทอดพระเนตรเจ้าหญิงแห่งเซนารักอย่างเงียบๆ ยิ่งทำให้เจ้าหญิงแอนนี่เชียนึกหวั่นเนื่องด้วยตัวเป็นหญิงแต่อาจหาญเหมือนเยี่ยงอย่างชาย เห็นทีเจ้าพี่อัสมันคงต้องเหนื่อยพระทัยแน่แท้

“เสด็จมาหาหม่อมฉันทรงมีธุระอันใดหรือเพคะ” ริมพระโอษฐ์นิ่มสีชมพูขยับไปมาชวนน่ามองอย่างเพลิดเพลินแต่สายพระเนตรกลมโตเด็ดเดี่ยวที่จ้องมองเป้าหมายอยู่เบื้องหน้านั้นดุดันแน่วแน่ สองพระหัตถ์เล็กยกขันธนูขึ้นตั้งฉากกับวรกายที่ยืนสง่าอยู่ตรงหน้าทำให้แลเห็นความตั้งใจและมุ่งมั่นในตัวพระองค์

เจ้าหญิงแอนนาริตาทอดพระเนตรลูกผลมะม่วงที่ทรงวางไว้บนแท่นไม้ด้านหน้าก่อนที่ฝีพระหัตถ์จะใช้พระธนูยิงใส่มะม่วงลูกนั้นจนหล่นลงมาพร้อมกับไม้ธนูประจำพระองค์ที่ปักคาผลมะม่วง
เสียงพระหัตถ์ของเจ้าหญิงแอนนี่เชียดังขึ้นมาอย่างลืมตัว รู้สึกตะลึงงันเมื่อได้เห็นความสามารถของเจ้าหญิงงามแห่งเซนารัก ก่อนจะรับมะม่วงลูกที่มีธนูจากพระหัตถ์ของนาง

“ทรงยังไม่บอกหม่อมฉันเลยนะว่าเสด็จมาหาหม่อมฉันเพื่อการอันใด” เจ้าหญิงแอนนาริตาตรัสถามหลังจากพาร่างบางของเจ้าหญิงแอนนี่เชียมาประทับยังพระอุทยานสวนดอกฟ้างามใกล้ตำหนักพระปืน
แม้อุทยานสวนดอกฟ้างามจะอยู่บริเวณเดียวกับตำหนักพระปืนแต่ทวาความสวยงามของเหล่าพรรณดอกไม้ที่แข่งกันออกดอกส่งกลิ่นหอมอบอวลจนเจ้าหญิงแอนนี่เชียนึกไปถึงพระอุทยานที่อยู่ใกล้กับพระตำหนักบัวงามของเมืองบันนาตุกะของพระองค์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่