ตอนนี้อยู่อเมริกาเลยมีโอกาสได้ดูเรื่องนี้ในโรง(สาธุ...ขอให้ค่ายไหนก็ได้ซื้อไปฉายในโรงที่ไทยด้วยเถอะ!)
หนังสนุกโคตรๆ เป็นการปิดไตรภาคไอศกรีมสามรส (Three Flavours Cornetto trilogy) อันประกอบไปด้วย Shaun of the Dead (ล้อหนังซอมบี้), Hot Fuzz (ล้อหนังตำรวจคู่หู)และก็เรื่องนี้(ล้อหนัง Sci-Fi) ของผกก. Edgar Wright ได้อย่างงดงาม
สิ่งที่ The World’s End กินหนังสองภาคก่อนในไตรภาคนี้ได้แบบกินขาดเลยก็คือฉากแอ็คชั่นของหนังที่โหด,มัน,ฮาแบบนอนสต็อป(แนวๆเดียวกับฉากแอ็คชั่นในผลงานเรื่องก่อนของผกก. Wright อย่าง Scott Pilgrim vs. the World นั่นแหละ)ชนิดที่ว่าหนังซัมเมอร์เรื่องอื่นๆประจำปีนี้อย่าง Iron Man 3, Star Trek Into Darkness ต้องเรียกพ่อ
ส่วนดีกรีความฮาของหนังภาคนี้ก็ฮาไม่หยุดไม่หย่อนชนิดให้ขำตายกันไปข้างหนึ่งไม่แพ้หนังสองภาคก่อนเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ต้องยกเครดิตให้ทีมนักแสดงของหนังที่ร่วมใจกันมายิง,รับ,ส่ง,ตบมุกกันได้อย่างโคตรพีคไปเลยเต็มๆ โดยมีคู่หูดูโอคู่บุญของผกก. Wright อย่าง Simon Pegg และ Nick Frost (ที่เรื่องนี้เหมือนสลับแนวกันเล่น โดย Pegg รับบทเป็นไอ้ตัวบ้าประจำก๊วนแทน Frost ส่วน Frost เล่นเป็นคนปกติแทน Pegg) เป็นไฮไลท์ของทีมตามระเบียบ ถึงแม้ว่าอารมณ์ขันในหนังภาคนี้จะเน้นการให้ตัวละครยิงมุกโฉ่งฉ่างออกแนวแก๊งสามช่าบ้านเรามากกว่าที่จะเน้นอารมณ์ขันนิ่งๆแฝงความร้ายลึกตามสไตล์ผู้ดีอังกฤษแบบหนังสองภาคก่อนก็ตาม
และเหมือนหนังสองภาคที่แล้ว The World’s End ยังไม่ลืมที่จะให้ข้อคิดเล็กๆน้อยๆกับคนดูเกี่ยวกับมิตรภาคสไตล์ bromance ของเพื่อนฝูงที่จะไม่ละทิ้งกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และการที่คนเราควรก้าวเดินจากอดีต – ไม่ว่ามันจะเป็นอดีตที่หอมหวานแค่ไหน – แล้วใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด ดูแล้วก็ซึ้งดี
เอาไปเลย ตำแหน่งหนังที่เจ๋งที่สุดส่งท้ายซัมเมอร์นี้!
ป.ล. โปรโมท! ล่าสุดผมเพิ่งลองเปิดเพจบนเฟสบุ๊คดูครับ ใช้ชื่อว่าเพจว่า“แอปเปิ้ล๑๐๑” เป็นเพจคุย(บ่น)เรื่องหนัง+เพลงแบบตามใจฉัน ทุกๆท่านลองเข้าไปชม+กดไลค์กันได้ตามสะดวกเลยนะครับ ตามลิ้งก์นี้เลยครับ >>>
https://www.facebook.com/pages/แอปเปิ้ล๑๐๑/574750432571474?fref=ts
[CR] The World's End (2013) ...ดูในโรงที่อเมริกาแล้วมารีวิวให้อ่านกันกับหนังปิดไตรภาคไอกรีมสามรสของผกก. Edgar Wright!
ตอนนี้อยู่อเมริกาเลยมีโอกาสได้ดูเรื่องนี้ในโรง(สาธุ...ขอให้ค่ายไหนก็ได้ซื้อไปฉายในโรงที่ไทยด้วยเถอะ!)
หนังสนุกโคตรๆ เป็นการปิดไตรภาคไอศกรีมสามรส (Three Flavours Cornetto trilogy) อันประกอบไปด้วย Shaun of the Dead (ล้อหนังซอมบี้), Hot Fuzz (ล้อหนังตำรวจคู่หู)และก็เรื่องนี้(ล้อหนัง Sci-Fi) ของผกก. Edgar Wright ได้อย่างงดงาม
สิ่งที่ The World’s End กินหนังสองภาคก่อนในไตรภาคนี้ได้แบบกินขาดเลยก็คือฉากแอ็คชั่นของหนังที่โหด,มัน,ฮาแบบนอนสต็อป(แนวๆเดียวกับฉากแอ็คชั่นในผลงานเรื่องก่อนของผกก. Wright อย่าง Scott Pilgrim vs. the World นั่นแหละ)ชนิดที่ว่าหนังซัมเมอร์เรื่องอื่นๆประจำปีนี้อย่าง Iron Man 3, Star Trek Into Darkness ต้องเรียกพ่อ
ส่วนดีกรีความฮาของหนังภาคนี้ก็ฮาไม่หยุดไม่หย่อนชนิดให้ขำตายกันไปข้างหนึ่งไม่แพ้หนังสองภาคก่อนเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ต้องยกเครดิตให้ทีมนักแสดงของหนังที่ร่วมใจกันมายิง,รับ,ส่ง,ตบมุกกันได้อย่างโคตรพีคไปเลยเต็มๆ โดยมีคู่หูดูโอคู่บุญของผกก. Wright อย่าง Simon Pegg และ Nick Frost (ที่เรื่องนี้เหมือนสลับแนวกันเล่น โดย Pegg รับบทเป็นไอ้ตัวบ้าประจำก๊วนแทน Frost ส่วน Frost เล่นเป็นคนปกติแทน Pegg) เป็นไฮไลท์ของทีมตามระเบียบ ถึงแม้ว่าอารมณ์ขันในหนังภาคนี้จะเน้นการให้ตัวละครยิงมุกโฉ่งฉ่างออกแนวแก๊งสามช่าบ้านเรามากกว่าที่จะเน้นอารมณ์ขันนิ่งๆแฝงความร้ายลึกตามสไตล์ผู้ดีอังกฤษแบบหนังสองภาคก่อนก็ตาม
และเหมือนหนังสองภาคที่แล้ว The World’s End ยังไม่ลืมที่จะให้ข้อคิดเล็กๆน้อยๆกับคนดูเกี่ยวกับมิตรภาคสไตล์ bromance ของเพื่อนฝูงที่จะไม่ละทิ้งกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และการที่คนเราควรก้าวเดินจากอดีต – ไม่ว่ามันจะเป็นอดีตที่หอมหวานแค่ไหน – แล้วใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด ดูแล้วก็ซึ้งดี
เอาไปเลย ตำแหน่งหนังที่เจ๋งที่สุดส่งท้ายซัมเมอร์นี้!
ป.ล. โปรโมท! ล่าสุดผมเพิ่งลองเปิดเพจบนเฟสบุ๊คดูครับ ใช้ชื่อว่าเพจว่า“แอปเปิ้ล๑๐๑” เป็นเพจคุย(บ่น)เรื่องหนัง+เพลงแบบตามใจฉัน ทุกๆท่านลองเข้าไปชม+กดไลค์กันได้ตามสะดวกเลยนะครับ ตามลิ้งก์นี้เลยครับ >>> https://www.facebook.com/pages/แอปเปิ้ล๑๐๑/574750432571474?fref=ts