หลังจากที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ได้จุดประเด็นเรียกร้องให้ปฏิรูปพรรค ตั้งแต่ประมาณ เดือนพฤษภาคม
แต่ดูเหมือนคณะกรรมการ บริหารพรรคส่วนใหญ่จะเฉยเมย หลายเดือน
ผ่านไปจึงได้ฤกษ์วางแผนปรับปรุงโครง สร้างพรรค รวมทั้งปรับปรุง
กฎระเบียบและข้อบังคับ ให้สอดคล้องกันและมีความยืดหยุ่น
คล้ายกับว่าจะเน้นการปรับปรุงโครงสร้าง และกฎระเบียบต่างๆเป็นเรื่อง ใหญ่
ไม่ทราบว่าจะไปไกลเหมือนข้อเสนอของนายอลงกรณ์หรือไม่? นายอลงกรณ์
เสนอให้ปรับปรุงพรรคให้เป็นสถาบันการเมือง ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
และต่อต้านเผด็จการ ปรับปรุงให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า
เปิดกว้างให้ประชาชนเป็นเจ้าของ รวมทั้งปฏิรูปวัฒนธรรม
แต่เป้าหมายของการปฏิรูปที่สำคัญประการแรก ถึงแม้จะไม่ถึงกับประกาศว่า
จะเอาชนะในการเลือกตั้งคราวหน้า แต่ ก็ระบุว่าจะเพิ่มจำนวน ส.ส.และเสริมสร้าง
ศรัทธาของประชาชน หลังจากที่แพ้เลือกตั้งใหญ่ติดต่อกัน 4 ครั้ง เริ่มตั้งแต่แพ้
พรรคไทยรักไทย ในปี 2544 และ 2548 แพ้พรรคพลังประชาชนในปี 2550 และ
แพ้พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง 2554
แต่ถึงพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้พรรคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง
แต่ยังไม่ถึงกับเป็นยุคตกต่ำสุด ของพรรค เพราะเคยตกต่ำมาแล้วหลายครั้ง ชัดเจน
ที่สุดคือในการเลือกตั้ง 2522 ได้ ส.ส. ทั้งประเทศเพียง 30 กว่าคน และในการเลือกตั้ง
ครั้งล่าสุด ในปี 2554 ก็แพ้พรรคเพื่อไทยเพียง 11.4 ล้านต่อ 15.7 ล้านคะแนน
พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบ พรรคอื่นๆในแง่ที่ว่าเป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด
มีอายุถึง 67 ปี และมีความเป็นประชาธิปไตยในพรรคมากที่สุด ไม่ใช่
พรรคของนายทุนคนใดคนหนึ่ง มีฐานคะแนนสำคัญอยู่ที่ ภาคกลาง
บางส่วน และ กทม. ผลการสำรวจความเห็นประชาชนเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า
มีคะแนนนิยมนำพรรคเพื่อไทย ทั้งในด้านความซื่อสัตย์และอื่นๆ
แต่จากการติดตามความเคลื่อน ไหวทางการเมือง ของพรรคประชาธิปัตย์
ในหลายเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมีอาการหงุดหงิดและลังเลใจ
หลังจากที่ต้องประสบความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ทั้งในและนอกสภา
ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะยึดหลักต่อสู้ในสภา หรือนอกสภา เมื่อต้องต่อสู้กับ
พรรคคู่แข่ง ผู้กุมอำนาจในสภา และมีมวลชนเสื้อแดงนับล้านหนุนหลังอยู่
นอกสภา
ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์จะ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมขบวนการปฏิรูปประเทศ ของรัฐบาล
แต่ก็จำเป็นต้องปฏิรูปตนเองโดยเร่งด่วน เพราะสรรพสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีอะไรขัดขืนการเปลี่ยน แปลงได้ ยิ่งเป็นพรรคการเมืองก็ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
กาลเวลาจะพิสูจน์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะสามารถสร้างศรัทธาประชาชน
ได้ตามเป้าหมายหรือไม่?
http://www.thairath.co.th/column/pol/editor/367219
ข่าวสด มติชน เขียนถึงหลายรอบ แล้ว คราวนี้ถึงคิว "ไทยรัฐ"
อยากเห็น comment จากกองเชียร์ ปชป. รวมถึงคนที่บอกว่า
วิจารณ์ ทุกฝ่าย แบบ คุณ fado ในกระทู้นี้ จะมาไหม ...เอ่ย
ได้เวลาปฏิรูปตัวเอง บทบรรณาธิการ ไทยรัฐออนไลน์
ได้จุดประเด็นเรียกร้องให้ปฏิรูปพรรค ตั้งแต่ประมาณ เดือนพฤษภาคม
แต่ดูเหมือนคณะกรรมการ บริหารพรรคส่วนใหญ่จะเฉยเมย หลายเดือน
ผ่านไปจึงได้ฤกษ์วางแผนปรับปรุงโครง สร้างพรรค รวมทั้งปรับปรุง
กฎระเบียบและข้อบังคับ ให้สอดคล้องกันและมีความยืดหยุ่น
คล้ายกับว่าจะเน้นการปรับปรุงโครงสร้าง และกฎระเบียบต่างๆเป็นเรื่อง ใหญ่
ไม่ทราบว่าจะไปไกลเหมือนข้อเสนอของนายอลงกรณ์หรือไม่? นายอลงกรณ์
เสนอให้ปรับปรุงพรรคให้เป็นสถาบันการเมือง ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
และต่อต้านเผด็จการ ปรับปรุงให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า
เปิดกว้างให้ประชาชนเป็นเจ้าของ รวมทั้งปฏิรูปวัฒนธรรม
แต่เป้าหมายของการปฏิรูปที่สำคัญประการแรก ถึงแม้จะไม่ถึงกับประกาศว่า
จะเอาชนะในการเลือกตั้งคราวหน้า แต่ ก็ระบุว่าจะเพิ่มจำนวน ส.ส.และเสริมสร้าง
ศรัทธาของประชาชน หลังจากที่แพ้เลือกตั้งใหญ่ติดต่อกัน 4 ครั้ง เริ่มตั้งแต่แพ้
พรรคไทยรักไทย ในปี 2544 และ 2548 แพ้พรรคพลังประชาชนในปี 2550 และ
แพ้พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง 2554
แต่ถึงพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้พรรคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง
แต่ยังไม่ถึงกับเป็นยุคตกต่ำสุด ของพรรค เพราะเคยตกต่ำมาแล้วหลายครั้ง ชัดเจน
ที่สุดคือในการเลือกตั้ง 2522 ได้ ส.ส. ทั้งประเทศเพียง 30 กว่าคน และในการเลือกตั้ง
ครั้งล่าสุด ในปี 2554 ก็แพ้พรรคเพื่อไทยเพียง 11.4 ล้านต่อ 15.7 ล้านคะแนน
พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบ พรรคอื่นๆในแง่ที่ว่าเป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด
มีอายุถึง 67 ปี และมีความเป็นประชาธิปไตยในพรรคมากที่สุด ไม่ใช่
พรรคของนายทุนคนใดคนหนึ่ง มีฐานคะแนนสำคัญอยู่ที่ ภาคกลาง
บางส่วน และ กทม. ผลการสำรวจความเห็นประชาชนเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า
มีคะแนนนิยมนำพรรคเพื่อไทย ทั้งในด้านความซื่อสัตย์และอื่นๆ
แต่จากการติดตามความเคลื่อน ไหวทางการเมือง ของพรรคประชาธิปัตย์
ในหลายเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมีอาการหงุดหงิดและลังเลใจ
หลังจากที่ต้องประสบความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ทั้งในและนอกสภา
ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะยึดหลักต่อสู้ในสภา หรือนอกสภา เมื่อต้องต่อสู้กับ
พรรคคู่แข่ง ผู้กุมอำนาจในสภา และมีมวลชนเสื้อแดงนับล้านหนุนหลังอยู่
นอกสภา
ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์จะ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมขบวนการปฏิรูปประเทศ ของรัฐบาล
แต่ก็จำเป็นต้องปฏิรูปตนเองโดยเร่งด่วน เพราะสรรพสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีอะไรขัดขืนการเปลี่ยน แปลงได้ ยิ่งเป็นพรรคการเมืองก็ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
กาลเวลาจะพิสูจน์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะสามารถสร้างศรัทธาประชาชน
ได้ตามเป้าหมายหรือไม่?
http://www.thairath.co.th/column/pol/editor/367219
ข่าวสด มติชน เขียนถึงหลายรอบ แล้ว คราวนี้ถึงคิว "ไทยรัฐ"
อยากเห็น comment จากกองเชียร์ ปชป. รวมถึงคนที่บอกว่า
วิจารณ์ ทุกฝ่าย แบบ คุณ fado ในกระทู้นี้ จะมาไหม ...เอ่ย