มิเชลล์จ้องเข้าไปในดวงตาของชารีฟ สายตามิเชลล์แน่วแน่มั่นคง ชารีฟตระหนักชัด รู้ว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจหล่อนได้
ชารีฟครางเบาๆ สายตาปวดร้าว “มิเชลล์”
“ท่านคือนายพลตรีนายแพทย์ชารีฟ อัลฟารัซ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฮิลฟารา อย่าลืมสิคะ”
ชารีฟนิ่งอึ้ง
“ท่านมีหน้าที่ต่อฮิลฟารา ต่อประชาชนทั้งประเทศ ต่อองค์อาหเม็ด และต่อตัวท่านเอง”
ชารีฟกัดกรามแทบจะแหลกลงไป มิเชลล์หันหลังกลับ
“หน้าที่ของฉันต่อเธอ หน้าที่ของเธอต่อฉันล่ะ มิเชลล์เราเป็นสามีภรรยากันนะ เราไม่มีหน้าที่ต่อกันหรือ”
มิเชลล์นิ่งอยู่อึด สีหน้าชอกช้ำลึกๆ
“ว่าไงมิเชลล์ หน้าที่ของเราทั้งสองที่มีต่อกัน เธอเอามันไปทิ้งเสียที่ไหน”
มิเชลล์เปลี่ยนสีหน้าแววตาเป็นมิเชลล์คนเดิม อ่อนโยน นุ่มนวลภายนอกแม้ภายในจะน้ำตาตก
“ชารีฟคะ ฉันจะไม่มีวันลืมเวลาที่เราร่อนเร่อยู่ในทะเลทราย อ้างว้างมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากทราย นอกจากฟ้า ทุกวันมองเห็นแต่ฟ้าจรดทราย” นัยน์ตามิเชลล์จดจำลึกถึงวันเวลาที่แสนหวาน มีความสุข ระบายยิ้มบางๆ กระจายทั่วใบหน้า “เราสองคนเป็นอิสระ ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าที่สกุลเดอลาโรนีล์ที่เก่าแก่ มีเกียรติ ไม่พึงปรารถนา เติบโตมาอย่างไร้ญาติขาดมิตรกับแม่ชีในคอนแวนต์ และคุณก็ไม่ใช่บุรุษที่ทรงเกียรติของประเทศนี้ เป็นนายทหาร เป็นนายแพทย์ เป็นรัฐมนตรี และยังสืบสายโลหิตจากราชวงศ์”
ถึงตรงนี้มิเชลล์ยิ้มออกมากขึ้นทั้งๆ ที่น้ำตาเต็มตา
“เวลานั้นๆ ทุกอย่างรอบตัวเป็นไปตามกฎธรรมชาติไม่เหมือนเวลานี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎสังคม เวลานี้ วันนี้ และต่อๆ ไป”
ชารีฟฟังอย่างใจหาย รู้ดีว่าต้องจบอย่างไร
“เวลานั้นคุณปกป้องคุ้มครองรักษาชีวิตของฉัน ฉันเชื่อฟังคุณ เพื่อให้เรารอดชีวิต...ทั้งสองคน ไม่ใช่คนเดียว”
“มิเชลล์...หยุดพูดเถอะ”
“คุณกับฉันมีหน้าที่ต่อกัน แต่เวลานี้อย่างที่ฉันบอกนะคะชารีฟ คุณมีหน้าที่ต่อ...สิ่งอื่นๆ”
“มิเชลล์”
“ส่วนฉัน...ฉันมีหน้าที่ต่อคุณ” มิเชลล์แน่วแน่ มั่นคง จ้องหน้าชารีฟตลอด “เพื่อให้คุณทำหน้าที่ต่อประเทศของคุณให้สมบูรณ์ที่สุด”
สองคนมองหน้ากัน ความรัก ความอาลัยอาวรณ์ เต็มหัวใจสองดวง
มารู้ตัวอีกที ก็ตกอยู่ในอ้อมกอดซึ่งกันและกันไปแล้ว
*********************************************************************
ความเดิมต่อจากคราวที่แล้ว เนื่องจากพื้นที่หน้าจำกัด และ สัมภาษณ์ exclusive ครั้งนี้มีขนาดค่อนข้างยาว ในครั้งนี้เลือกบทสัมภาษณ์ต่อเนื่องกับคราวที่แล้ว ซึ่งท่านผู้อ่านคงจะรู้สึกได้ถึงความหวานชื่นเหมือน ๆ กับ RT ในวันนี้หวานกันอย่างต่อเนื่องด้วยเรื่องราว "สะกดใจ" ในแดนทราย รวมถึงอุปสรรคขวากหนามที่ต้องเผชิญหลังหนีรอดจากแดนมรณะ โปรดติดตามต่อเนื่องด้วยใจระทึกโดยพลัน
RT : เดิมความหวานกันตลอด "รักครั้งนี้เป็นนิรันดร์" บอกเหตุผลหน่อยได้หรือไม่ ทำไมเลือกให้นิยามเช่นนี้ ?
SR : เราต่างคนต่างมีหน้าที่ และ หน้าที่บางครั้งอาจทำให้กายห่าง แต่ใจนั้นจะอยู่ด้วยกันเป็นนิรันดร์เสมอ
MC : (น้ำตาหยด)
RT : คำตอบกระทบใจหรือมาดมัวแซล ?
SR : เกือบจะมีเหตุทำให้เป็นเช่นนั้น (เช็ดน้ำตาให้คนข้าง ๆ)
MC : ในความต่างบางทีเป็นผลให้ต้องฝืนใจเช่นกัน ท่านราชองครักษ์ท่านมีหน้าที่ของท่านที่รออยู่ ดิฉันเองก็สำนึกว่ามีหน้าที่ต่อท่านเช่นกัน
RT : อธิบายหน่อยได้หรือไม่ หากไม่ลำบากจนเกินไป
MC : ในความรักทำให้คนเราทำอะไรได้ทุกอย่าง ต่อให้เชือดใจตัวเองเป็นริ้วก็ตาม น้ำเน่าเนอะ (หัวเราะทั้งน้ำตา)
SR : (กุมมือคนข้างตัวไว้แน่น)
RT : แล้วท่านราชองครักษ์รู้สึกอย่างไร ?
SR : (เงียบ)
MC : กระทบใจของจริงแล้วทีนี้ (ยิ้ม)
RT : เช่นนั้นหรือท่าน ?
SR : ไม่รู้จะบอกยังไง (อึกอัก)
MC : น้อยใจก็บอกเค้าไปเหอะ (ยิ้ม) ธรรมดาของคน ...
SR : แก่ ... ไม่ต้องชงเองตบเองนะ เล่นให้
MC : เห็นไหมคะ ... งอน (หัวเราะ)
RT : จุ๊กจิ๊กน่ารักจริง ในทะเลทรายเป็นแบบนี้หรือ ?
MC : อู๊ยยยยย ตวาดนะ ช่างประชดด้วย
SR : ก็ผู้หญิง .... โกรธแล้วสวยนี่
MC : อ้อ (หน้าตึง)
SR : เฉพาะมาดมัวแซลคนเดียวนะ (รีบพูด) โกรธแล้วสวย เห็นไหม ตึง ๆ แบบนี้ก็ยังสวย
RT : สัมภาษณ์ท่านหลายครั้งไม่ยักทราบว่ามีมุมนี้ด้วย
SR : ก็เพิ่งทราบเหมือนกัน ... หลังเจอมาดมัวแซล
MC : หัวเราะ
RT : แหม รีบทำคะแนน
SR : ไม่ได้สิปูนนี้แล้ว (หัวเราะ)
RT : ความแตกต่างเรื่องวัยมีผลบ้างไหม ?
SR : พูดก่อนสิ
MC : บอกไม่ถูก บางทีก็เหมือนรับมือกับเด็ก
SR : อ้าว !!
MC : บทจะรั้นขึ้นมาก็เอาไม่อยู่
RT : ยกตัวอย่างได้ไหม ?
MC : ก็แบบตอนนี้ ... แต่ละเรื่อง ไม่มีอาย
SR : จ้า ๆ จะสงบเสงี่ยมขึ้น OK !
RT : เอาอยู่นะมาดมัวแซล
SR : รักครั้งนี้สะกดใจ เลี่ยนเนาะ (หัวเราะ)
MC : ยังคิดว่าเอาอยู่อีกไหมคะ (หัวเราะ) ไม่ได้เชื่อกันเล้ย
RT : แรงต่อต้านจากสังคมเป็นอย่างไร ?
SR : ก่อนหน้านั้นยังไม่จริงจัง หลัง ๆ หนาหูขึ้นมาก ข่าวลือเยอะไปหมด
RT : มาดมัวแซลคิดอย่างไร ?
MC : ยอมรับความต่าง "เป็นคนของท่านราชองครักษ์ต้องอดทน"
SR : ยังงี้ฉันรักมากเลย (หัวเราะ) เห็นรึยังสะกดใจอย่างไร
RT : ดูมาดมัวแซลไม่ค่อยกังวลแล้ว ?
SR : มาดมัวแซลใจแข็ง และ ค่อนข้างนิ่ง
MC : ประสบการณ์สอนให้ดิฉันใจเย็น (ยิ้ม)
RT : แล้วท่านราชองครักษ์ล่ะ ?
SR : พยายามไม่กังวล
RT : ไหงกลับกัน ?
SR : ความใจแข็งของมาดมัวแซลน่ะน่ากลัว
MC : (อมยิ้ม)
RT : เคยเจอแล้วหรือ ?
SR : เพิ่งไม่นานมานี้ ยื่นคำขาดมาที ไม่เห็นใจกันบ้าง ขอแชร์นะ ... น้ำตาจะไหล
MC : (หัวเราะดัง)
RT : ขำซะอีกแน่ะ ?
SR : โอ ตอนนั้นจะขาดใจจริง ๆ นะ อยากดิ้นลงไปกับพื้น
MC : หมดกัน !! ไม่ต้องพูดหมดก็ได้มั้ง ออกตัวแรงจริง
SR : ก็จะได้รู้ไว้ไง ทีหลังจะได้ไม่ทำอีก
RT : มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะท่าน ?
SR : ตามสภาพ ถ้าเป็นเรื่องงานจะเปลี่ยนโหมด (ยิ้ม)
MC : อยู่กลางทะเลทรายก็เป็นแบบนี้ เอาทุกจังหวะ
RT : ถ้าจะบอกว่า "หลง" มาดมัวแซล ?
SR : เกินคำว่าหลงไปไกลแล้ว
RT : ขาดไม่ได้ชีวิตนี้ ?
SR : ถามคนนั้นดีกว่าเป็นเหมือนกันไหม
MC : Be the first and the last.
SR : ชื่นใจ ....
RT : ไม่บันบะบันยัง ณ จุดนี้
SR : ไม่ทราบจะปิดไปทำไม ใจบอกว่าใช่ ...
MC : (ขำ)
RT : สาว ๆ อกหักทั่วเมือง ?
SR : จิ้นได้แต่หัวใจไม่ว่างแล้ว
MC : (ตีคนข้าง ๆ ดังผัวะ)

********************************************************************
กลางดึกวันนี้ กวีบุกกระโจม
ฟ้าจรดทราย : รักสะกดใจในแดนทรายจรดฟ้า (ต่อจากฉบับที่แล้ว) สปอยด์ตอน 11
ชารีฟครางเบาๆ สายตาปวดร้าว “มิเชลล์”
“ท่านคือนายพลตรีนายแพทย์ชารีฟ อัลฟารัซ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฮิลฟารา อย่าลืมสิคะ”
ชารีฟนิ่งอึ้ง
“ท่านมีหน้าที่ต่อฮิลฟารา ต่อประชาชนทั้งประเทศ ต่อองค์อาหเม็ด และต่อตัวท่านเอง”
ชารีฟกัดกรามแทบจะแหลกลงไป มิเชลล์หันหลังกลับ
“หน้าที่ของฉันต่อเธอ หน้าที่ของเธอต่อฉันล่ะ มิเชลล์เราเป็นสามีภรรยากันนะ เราไม่มีหน้าที่ต่อกันหรือ”
มิเชลล์นิ่งอยู่อึด สีหน้าชอกช้ำลึกๆ
“ว่าไงมิเชลล์ หน้าที่ของเราทั้งสองที่มีต่อกัน เธอเอามันไปทิ้งเสียที่ไหน”
มิเชลล์เปลี่ยนสีหน้าแววตาเป็นมิเชลล์คนเดิม อ่อนโยน นุ่มนวลภายนอกแม้ภายในจะน้ำตาตก
“ชารีฟคะ ฉันจะไม่มีวันลืมเวลาที่เราร่อนเร่อยู่ในทะเลทราย อ้างว้างมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากทราย นอกจากฟ้า ทุกวันมองเห็นแต่ฟ้าจรดทราย” นัยน์ตามิเชลล์จดจำลึกถึงวันเวลาที่แสนหวาน มีความสุข ระบายยิ้มบางๆ กระจายทั่วใบหน้า “เราสองคนเป็นอิสระ ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าที่สกุลเดอลาโรนีล์ที่เก่าแก่ มีเกียรติ ไม่พึงปรารถนา เติบโตมาอย่างไร้ญาติขาดมิตรกับแม่ชีในคอนแวนต์ และคุณก็ไม่ใช่บุรุษที่ทรงเกียรติของประเทศนี้ เป็นนายทหาร เป็นนายแพทย์ เป็นรัฐมนตรี และยังสืบสายโลหิตจากราชวงศ์”
ถึงตรงนี้มิเชลล์ยิ้มออกมากขึ้นทั้งๆ ที่น้ำตาเต็มตา
“เวลานั้นๆ ทุกอย่างรอบตัวเป็นไปตามกฎธรรมชาติไม่เหมือนเวลานี้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎสังคม เวลานี้ วันนี้ และต่อๆ ไป”
ชารีฟฟังอย่างใจหาย รู้ดีว่าต้องจบอย่างไร
“เวลานั้นคุณปกป้องคุ้มครองรักษาชีวิตของฉัน ฉันเชื่อฟังคุณ เพื่อให้เรารอดชีวิต...ทั้งสองคน ไม่ใช่คนเดียว”
“มิเชลล์...หยุดพูดเถอะ”
“คุณกับฉันมีหน้าที่ต่อกัน แต่เวลานี้อย่างที่ฉันบอกนะคะชารีฟ คุณมีหน้าที่ต่อ...สิ่งอื่นๆ”
“มิเชลล์”
“ส่วนฉัน...ฉันมีหน้าที่ต่อคุณ” มิเชลล์แน่วแน่ มั่นคง จ้องหน้าชารีฟตลอด “เพื่อให้คุณทำหน้าที่ต่อประเทศของคุณให้สมบูรณ์ที่สุด”
สองคนมองหน้ากัน ความรัก ความอาลัยอาวรณ์ เต็มหัวใจสองดวง
มารู้ตัวอีกที ก็ตกอยู่ในอ้อมกอดซึ่งกันและกันไปแล้ว
*********************************************************************
ความเดิมต่อจากคราวที่แล้ว เนื่องจากพื้นที่หน้าจำกัด และ สัมภาษณ์ exclusive ครั้งนี้มีขนาดค่อนข้างยาว ในครั้งนี้เลือกบทสัมภาษณ์ต่อเนื่องกับคราวที่แล้ว ซึ่งท่านผู้อ่านคงจะรู้สึกได้ถึงความหวานชื่นเหมือน ๆ กับ RT ในวันนี้หวานกันอย่างต่อเนื่องด้วยเรื่องราว "สะกดใจ" ในแดนทราย รวมถึงอุปสรรคขวากหนามที่ต้องเผชิญหลังหนีรอดจากแดนมรณะ โปรดติดตามต่อเนื่องด้วยใจระทึกโดยพลัน
RT : เดิมความหวานกันตลอด "รักครั้งนี้เป็นนิรันดร์" บอกเหตุผลหน่อยได้หรือไม่ ทำไมเลือกให้นิยามเช่นนี้ ?
SR : เราต่างคนต่างมีหน้าที่ และ หน้าที่บางครั้งอาจทำให้กายห่าง แต่ใจนั้นจะอยู่ด้วยกันเป็นนิรันดร์เสมอ
MC : (น้ำตาหยด)
RT : คำตอบกระทบใจหรือมาดมัวแซล ?
SR : เกือบจะมีเหตุทำให้เป็นเช่นนั้น (เช็ดน้ำตาให้คนข้าง ๆ)
MC : ในความต่างบางทีเป็นผลให้ต้องฝืนใจเช่นกัน ท่านราชองครักษ์ท่านมีหน้าที่ของท่านที่รออยู่ ดิฉันเองก็สำนึกว่ามีหน้าที่ต่อท่านเช่นกัน
RT : อธิบายหน่อยได้หรือไม่ หากไม่ลำบากจนเกินไป
MC : ในความรักทำให้คนเราทำอะไรได้ทุกอย่าง ต่อให้เชือดใจตัวเองเป็นริ้วก็ตาม น้ำเน่าเนอะ (หัวเราะทั้งน้ำตา)
SR : (กุมมือคนข้างตัวไว้แน่น)
RT : แล้วท่านราชองครักษ์รู้สึกอย่างไร ?
SR : (เงียบ)
MC : กระทบใจของจริงแล้วทีนี้ (ยิ้ม)
RT : เช่นนั้นหรือท่าน ?
SR : ไม่รู้จะบอกยังไง (อึกอัก)
MC : น้อยใจก็บอกเค้าไปเหอะ (ยิ้ม) ธรรมดาของคน ...
SR : แก่ ... ไม่ต้องชงเองตบเองนะ เล่นให้
MC : เห็นไหมคะ ... งอน (หัวเราะ)
RT : จุ๊กจิ๊กน่ารักจริง ในทะเลทรายเป็นแบบนี้หรือ ?
MC : อู๊ยยยยย ตวาดนะ ช่างประชดด้วย
SR : ก็ผู้หญิง .... โกรธแล้วสวยนี่
MC : อ้อ (หน้าตึง)
SR : เฉพาะมาดมัวแซลคนเดียวนะ (รีบพูด) โกรธแล้วสวย เห็นไหม ตึง ๆ แบบนี้ก็ยังสวย
RT : สัมภาษณ์ท่านหลายครั้งไม่ยักทราบว่ามีมุมนี้ด้วย
SR : ก็เพิ่งทราบเหมือนกัน ... หลังเจอมาดมัวแซล
MC : หัวเราะ
RT : แหม รีบทำคะแนน
SR : ไม่ได้สิปูนนี้แล้ว (หัวเราะ)
RT : ความแตกต่างเรื่องวัยมีผลบ้างไหม ?
SR : พูดก่อนสิ
MC : บอกไม่ถูก บางทีก็เหมือนรับมือกับเด็ก
SR : อ้าว !!
MC : บทจะรั้นขึ้นมาก็เอาไม่อยู่
RT : ยกตัวอย่างได้ไหม ?
MC : ก็แบบตอนนี้ ... แต่ละเรื่อง ไม่มีอาย
SR : จ้า ๆ จะสงบเสงี่ยมขึ้น OK !
RT : เอาอยู่นะมาดมัวแซล
SR : รักครั้งนี้สะกดใจ เลี่ยนเนาะ (หัวเราะ)
MC : ยังคิดว่าเอาอยู่อีกไหมคะ (หัวเราะ) ไม่ได้เชื่อกันเล้ย
RT : แรงต่อต้านจากสังคมเป็นอย่างไร ?
SR : ก่อนหน้านั้นยังไม่จริงจัง หลัง ๆ หนาหูขึ้นมาก ข่าวลือเยอะไปหมด
RT : มาดมัวแซลคิดอย่างไร ?
MC : ยอมรับความต่าง "เป็นคนของท่านราชองครักษ์ต้องอดทน"
SR : ยังงี้ฉันรักมากเลย (หัวเราะ) เห็นรึยังสะกดใจอย่างไร
RT : ดูมาดมัวแซลไม่ค่อยกังวลแล้ว ?
SR : มาดมัวแซลใจแข็ง และ ค่อนข้างนิ่ง
MC : ประสบการณ์สอนให้ดิฉันใจเย็น (ยิ้ม)
RT : แล้วท่านราชองครักษ์ล่ะ ?
SR : พยายามไม่กังวล
RT : ไหงกลับกัน ?
SR : ความใจแข็งของมาดมัวแซลน่ะน่ากลัว
MC : (อมยิ้ม)
RT : เคยเจอแล้วหรือ ?
SR : เพิ่งไม่นานมานี้ ยื่นคำขาดมาที ไม่เห็นใจกันบ้าง ขอแชร์นะ ... น้ำตาจะไหล
MC : (หัวเราะดัง)
RT : ขำซะอีกแน่ะ ?
SR : โอ ตอนนั้นจะขาดใจจริง ๆ นะ อยากดิ้นลงไปกับพื้น
MC : หมดกัน !! ไม่ต้องพูดหมดก็ได้มั้ง ออกตัวแรงจริง
SR : ก็จะได้รู้ไว้ไง ทีหลังจะได้ไม่ทำอีก
RT : มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะท่าน ?
SR : ตามสภาพ ถ้าเป็นเรื่องงานจะเปลี่ยนโหมด (ยิ้ม)
MC : อยู่กลางทะเลทรายก็เป็นแบบนี้ เอาทุกจังหวะ
RT : ถ้าจะบอกว่า "หลง" มาดมัวแซล ?
SR : เกินคำว่าหลงไปไกลแล้ว
RT : ขาดไม่ได้ชีวิตนี้ ?
SR : ถามคนนั้นดีกว่าเป็นเหมือนกันไหม
MC : Be the first and the last.
SR : ชื่นใจ ....
RT : ไม่บันบะบันยัง ณ จุดนี้
SR : ไม่ทราบจะปิดไปทำไม ใจบอกว่าใช่ ...
MC : (ขำ)
RT : สาว ๆ อกหักทั่วเมือง ?
SR : จิ้นได้แต่หัวใจไม่ว่างแล้ว
MC : (ตีคนข้าง ๆ ดังผัวะ)
********************************************************************
กลางดึกวันนี้ กวีบุกกระโจม