จากปากลูกชาวนา(คนหนึ่ง)

เนื่องจากผมได้ติดตามห้องราชดำเนินมาระยะหนึ่ง(ไม่นานมานี้) เห็นการสนธนาตั้งกระทู้หลากหลายประเด็นซึ่งมีทั้งผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นด้วยนั้นในความเป็นจริงอาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องก็เป็นได้ ขอออกตัวเลยว่าผมสนับสนุนพรรคเพื่อไทย จะเป็นเสื้อแดงหรือเปล่าไม่รู้ เพราะผมไม่เคยไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มเสื้อแดงแม้แต่ครั้งเดียว แต่ผมเคยทำงานเป็นผู้ประสานงานของพรรคเพื่อไทยในท้องถิ่นของผม ซึ่งน่าจะพอเดาออกว่าท้องถิ่นของผมพรรคไหนได้เสียงเข้าไปในสภา(ดูจากชื่อผมละกันครับ)

ประเด็นที่ผมตั้งกระทู้ขึ้นมาวันนี้ก็เพียงจะแสดงความคิดเห็น(ข้อเท็จจริงของผม)เท่านั้น

ผมถือว่าเป็นลูกชาวนา 100% เพราะว่าทั้งครอบครัวตั้งแต่บรรพบุรุษก็ทำนามาทุกช่วงทุกสมัย เห็นหลายคนในห้องนี้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องการจำนำข้าวก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์บ้างหน่ะครับ การที่ช่วงนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมชาวสวนยางรวมตัวกันประท้วงรัฐบาล หลายท่านในที่นี้ก็ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมช่วยชาวนาได้ทำไมถึงไม่ช่วยชาวสวนยางบ้าง อันนี้ผมก็พอติดตามอยู่บ้างว่ารัฐบาลก็ได้พูดคุยกับชาวสวนอย่างแล้วในระดับหนึ่ง มีทั้งกลุ่มที่พอใจและยังไม่พอใจซึ่งตรงนี้ผมไม่อาจจะคาดเดาสถาณการณ์เหมือนเซียนๆบางท่านได้

แต่ประเด็นของผมก็คือทำไมต้องเอาชาวนามาเปรียบเทียบจนถึงขั้นจะแบ่งข้างกัน เพราะไม่มีข้าวชาวสวนยางจะอยู่ได้หรือและถ้าไม่มีชาวสวนยางชาวนาจะยกระดับมาตรฐานชีวิตขึ้นได้หรือ หลายคนเปรียบว่าชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติข้อนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ลำพังกระดูกสัญหลังของชาติจะพาชาติเดินหน้าไปได้อย่างไร

ตอนที่ท่านขายยางได้กิโลเป็นร้อยสองร้อยไม่มีชาวนาคนไหนไปชุมนุมกดดันให้เอาราคายางมาทดแทนให้กับข้าวเลยนะครับ ครอบครัวผมก็เช่นกันมีญาติห่างๆทำสวนยางพอยางกรีดขายได้ก็ซื้อบ้านซื้อรถมีหน้ามีตาในสังคม(แถวบ้านผมคนจะเรียกกันว่าพ่อเลี้ยง) ซึ่งบ้านผมก็เรียกเขาเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พ่อแม่ผมก็ไม่เคยอิจฉาหรือนินทราเขาเหล่านั้นเลย กลับกันกลายเป็นฝ่ายพวกเขาต่างหากที่คอยดูถูกกระแนะกระแหนต่างๆนาๆ บางครั้งก็เจาะจงมาที่ผมว่าให้ไปหางานเมืองนอกเถอะยอมลำบากเก็บเงินเก็บทองพ่อแม่จะได้สบายไม่ต้องมาตายเป็นโรคคนจน ซึ่งตอนนั้น(เ7-8 ปีก่อน)ผมรู้สึกแย่มาก จะว่าโกรธก็ไม่เชิงมันรู้สึกระอายใจมากกว่า ซึ่งนี้พ่อผมไม่รู้เรื่องเลยผมเคยคิดที่จะบอกให้พ่อขายที่นาแล้วส่งไปอยู่เมืองนอกเหมือนกันแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้า(กลัวพ่อผิดหวัง) จากนั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนเอ็นทรานซ์ติด(ผมเอ็นทรานซ์รุ่นสุดท้ายนะครับ) คะแนนของผมถือว่าใช้ได้สามารถเทียบเข้าเรียนมหาลัยดังๆได้(ผมสอบ 5 วิชาสายศิลป์ เต็ม460คะแนน ผมสอบได้ 355) แต่สุดท้ายผมก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเนื่องจากปีนั้นน้ำท่วมนาผม พ่อผมต้องเป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบจนไม่สามารถส่งผมเรียนได้ ผมจึงตัดสินใจเรียนราชภัฏ หลักสูตรตอนนั้น 3 ปีครึ่ง แต่ผมเรียน 5 ปีครึ่งเพราะผมต้องทำงานกลางคืนเป็นค่าใช้จ่ายบางส่วนด้วย และอีกส่วนก็น่ามาจากความเกเรของตัวเองด้วยแต่จนแล้วจนรอดผมก็ได้เป็นบัณฑิต และวันนี้ผมก็ได้ไปเมืองนอกอย่างที่เคยมีคนส่งเสริม(รึเปล่า)จนได้ แต่ผมไปในฐานะมัคคุเทศก์หรือเรียกจริงๆก็คือ Tour Leader. ครับ

บทความของผมเพียงต้องการจะสื่อถึงว่าชาวนาเป็นอาชีพที่ไม่เคยต้องการความสงสารพวกเรามีศักดิ์ศรี เพียงแต่ยามเรายากลำบากมีใครที่ยังเห็นค่าเราช่วยเหลือเราบ้าง ก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้ว ส่วนม็อบชาวนาไรปิดถนนนั้นส่วนตัวผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะช่องทางที่จะร้องเรียนมันก็มีแต่บางคนไม่เลือก ยิ่งจะทำให้คนที่เคยเห็นใจเรากลับมาอึดอัดจนกลายเป็นเกลียดไปเลยเพราะทำให้เค้าเดือดร้อนนั่นเอง

ปล.เรื่องราวของผมไม่ใช่มาตรฐานของชาวนาทุกคนนะครับ แต่เพียงมองผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกสิกรไทยเท่านั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่