มาเกาะ สถาณการณ์ เรื่องยางแถวบ้าน ตั้งแต่วันพุธ
มีผู้คน ต่างถี่นเข้ามา ผมใช้ภาษาตรง ๆ เลยว่ายุยง
ให้เข้าไป ร่วม ประท้วง ชาวยาง แถว บ้านเลยต้องอาศัย
การบริการจากผม
มีการ เอาเรื่องต้นทุน ความยากลำบาก มาอธิบาย ถึงเหตุ
ที่ต้อง ไป ประท้วง พอพูด ถึง ไอ้ราคาต้นทุน 65 บาท
ผม เลย ออกไปขัดคอ
ต้นทุน การทำยาง ที่บอกว่า 65 บาท ต่อกิโล นั้นมันไม่ใช่
เพราะที่ดิน ขนาด 10 ไร่ หรือกว่านั้นเล็กน้อย ถ้าคิด ด้วยแล้ว ที่ดิน ไร่ละ
1 ล้านบาท 10 ไร่ ก็ 10 ล้านเข้าไปแล้ว เอามาปลูกยาง ต้องลงทุน
รวม เฉพาะ การปลูก ปาเข้าไป ต้นละ 450 บาท ถ้าคิดเป็นต้นทุน แบบข้าว
มันสูงกว่ามาก
ครับ ผมกางต้นทุน ของผม ออกให้เขาดู ที่ดินที่ใช้ปลูก มันต้นละ
1 หมื่นบาท เพราะฉนั้น อย่ามา พูดเรื่องต้นทุน และยางเป็นต้นไม้ยืนต้น
อายุ ถ้าไม่โค่นที้ง เอาไปปลูก จำปาดะแทน มันกว่า 25 ปี ถ้าคิดกันแบบนี้
เราคงกินทุเรียน ลูก ละ 5 พัน เงาะ 3 พัน ถ้าเอาเทียบกับ ที่ดิน ที่เอามาทำเป็นคอนโด
ใน กทม ยางต้นเดียว กินกัน ชั้นลูก ชั้นหลาน
ว่าแล้ว ก็ บรรยาย เรื่องการเก็บยาง แถวบ้านให้ ไอ้พวก ปลุกระดมฟัง
เพราะที่นี่ เขาแฮปปี้ กับ ราคาปัจจุบัน อยู่แล้ว อันที่จริงเรื่องยาง นี่ถ้ารัฐ
หาความจริงในการซื้อการขาย ของ ต่างประเทศมาให้ ชาวยาง รับฟัง
เป็นประจำ ก็จะทำให้ และสำคัญ ยางมันไม่ใช่ข้าว ที่ต้องลงทุนกันทุกปี
ทำครั้งเดียว เก็บเกี่ยวไปชั่วลูกหลาน ปัญหาของยาง ก็คือ มันเคยขึ้นไป
กิโลละ 160 กว่าบาท ชาวบ้าน ได้ราคานี้ ก็ยกฐานะ ตนเอง เช่น ต้องมี
รถใหม่ มีบ้านใหม่ ลูก เรียน มหาลัย เอกชน ความฟุ่มเฟือย ต่าง ๆเข้ามา
นกกรงหัวจุก ตัวละ 2 ล้าน ก็ต้องซื้อมาฟังเสียงกันแล้ว
พอราคายางตก เงินที่จะใช้ ตอนราคายาง 160 บาทมันหายไป ถ้าเรียกกัน
แบบผม เขาเรียก มันจมไม่ลง แล้วทำไง
ไอ้ต้นทุน 65 บาทอย่างที่ นักปลุกระดม มาพูด มันฟังไม่ได้ เพราะต้นทุน
ที่แท้จริง มันไม่ใช่อยู่ที่ 65 มันอยู่ที่ ต้องส่งเงินให้ลูก ต้องผ่อน บ้าน
ชาวบ้านฟังวผม แล้วก็ หันไปถาม นักปลุก ฯ ว่า เอาไง ใบ้ครับ เพราะพวกนี้
ไม่ใช่ ชาวยางอย่างพวกเรา
วันนี้ ไอ้พวกปลุกระดม กลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ ผมกับชาวยาง
ก็ รอฟัง ผลพวงอานิสสงค์ อยู่กับ บ้าน เพราะ เท่าที่ตามดู ราคาที่รัฐให้
80 บาทเป็นยางแผ่นดิบ ไม่ใช่น้ำยางอย่างที่ผมมี ส่วนขี้ยาง นี่ ก็ ขาย
ตามเปอร์เซนต์ ความสะอาด เช่นเดียวกับ น้ำยาง
วันนี้ ผมมีข้อเสนอแนะเรื่องยาง ให้กับ รัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง หรือก็ ก.บรรหาร
ให้รับฟังหน่อย ครับ นายก มาฟังด้วยก็ดี
ท่านคงจำเรื่อง เกษตรอุตสาหกรรม ได้นะครับ ที่ คุณสมัคร เคย พูดเอาไว้
พืชเกษตรของเรา มีมากมายหลายอย่าง ทำขึ้นมา แล้วก้ขายเป็น พืชดิบ ทั้งหมด
ท่านเคยคุยให้ฟังว่า ถ้าเราเอา พืชเหล่านั้นมาแปรรูป เพื่อ ทำให้มูลค่า มันเพิ่มขึ้น
แล้วส่งออก ก็จะทำให้ การเกษตรของ ชาวสวนชาวไร่ ลืมตาอ้าปากกันได้
ไม่ต้องพูดถึง อ้อย และ มันสำปะหลัง ที่เขา แปรรูป อยู่แล้ว บางส่วนก็เอามาทำเป็นเชื้อเพลิง
นี่เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
ยางของเรา ที่ขายกัน 90 % เป็นยางดิบ ยางแผ่นรมควัน ทั้งหมด เอามาแปรรูป เป็นถุงมือ รองเท้า
ก็ส่วนน้อย เท่าที่ดู เครื่องมือเครื่องใช้ ในครัวเรือน เกือบทุกอย่าง ทำจาก พล่าสติก ทั้งหมด
เราต้องพัฒนา ทำชี้นส่วนเหล่านี้ มาจาก ยางดิบ ให้ได้ งานวิจัย เรื่องเหล่านี้ ต้องส่งเสริม
กันอย่างจริงจัง ถ้าเราทำได้ ยาง 3.5 ล้านตัน ที่ขาย กิโลละ ไม่ถึงร้อย จะเพิ่มเป็น สี่หรือ ห้าเท่า
ของ ราคาเดิม อย่างถุงมือยาง ที่ใช้ในการแพทย์ ใช้ยางคู่ละ แค่ 30 กรัมเท่านั้น ราคาไปถึง
30 บาทต่อคู่ หรือที่คิดจะเอาไป ปูถนน หรือเป็นส่วนผสม ของ แอลฟัสต์ ก็เป็นเรื่องดีมาก
บางทียาง 3.5 ล้านตันของเราไม่ต้อง ขายต่างประเทศ คอยฟังแต่ราคาต่างประเทศ เท่านั้น
ทำเถอะครับ คิดเถอะครับ เพราะ ก. เกษตร ไหน ๆก็ผูกขาด สำหรับ คุณบรรหารอยู่แล้ว
รัฐบาลไม่กล้าเข้าไป แตะต้อง กับ คนโตตัวเล็กคนนี้ แต่อยากให้คิดหน่อยว่า กระทรวง ๆ นี้
ไม่ใช่ ของ ใครทั้งสี้น แล้วไอ้ที่อยู่กันจน รากงอก ใครแตะต้องไม่ได้ ถามว่า ชาวบ้านได้
อะไร จากการผูกขาด เป็นเจ้าของกระทรวง นี้ ไปแบบถาวร ลองนึกดู ว่า ตั้งแต่ กระทรวงนี้ มี
เจ้าของคนเดียว ชาวไร่ขาวนา มีความสุข ทั่วกันทั้งประเทศหรือไม่
เริ่มต้นคุยเรื่องยาง เรื่องม้อบ ลงท้าย ไม่วายต้องไล่ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง กันอีกรอบ
ยาง บ้านผม
มีผู้คน ต่างถี่นเข้ามา ผมใช้ภาษาตรง ๆ เลยว่ายุยง
ให้เข้าไป ร่วม ประท้วง ชาวยาง แถว บ้านเลยต้องอาศัย
การบริการจากผม
มีการ เอาเรื่องต้นทุน ความยากลำบาก มาอธิบาย ถึงเหตุ
ที่ต้อง ไป ประท้วง พอพูด ถึง ไอ้ราคาต้นทุน 65 บาท
ผม เลย ออกไปขัดคอ
ต้นทุน การทำยาง ที่บอกว่า 65 บาท ต่อกิโล นั้นมันไม่ใช่
เพราะที่ดิน ขนาด 10 ไร่ หรือกว่านั้นเล็กน้อย ถ้าคิด ด้วยแล้ว ที่ดิน ไร่ละ
1 ล้านบาท 10 ไร่ ก็ 10 ล้านเข้าไปแล้ว เอามาปลูกยาง ต้องลงทุน
รวม เฉพาะ การปลูก ปาเข้าไป ต้นละ 450 บาท ถ้าคิดเป็นต้นทุน แบบข้าว
มันสูงกว่ามาก
ครับ ผมกางต้นทุน ของผม ออกให้เขาดู ที่ดินที่ใช้ปลูก มันต้นละ
1 หมื่นบาท เพราะฉนั้น อย่ามา พูดเรื่องต้นทุน และยางเป็นต้นไม้ยืนต้น
อายุ ถ้าไม่โค่นที้ง เอาไปปลูก จำปาดะแทน มันกว่า 25 ปี ถ้าคิดกันแบบนี้
เราคงกินทุเรียน ลูก ละ 5 พัน เงาะ 3 พัน ถ้าเอาเทียบกับ ที่ดิน ที่เอามาทำเป็นคอนโด
ใน กทม ยางต้นเดียว กินกัน ชั้นลูก ชั้นหลาน
ว่าแล้ว ก็ บรรยาย เรื่องการเก็บยาง แถวบ้านให้ ไอ้พวก ปลุกระดมฟัง
เพราะที่นี่ เขาแฮปปี้ กับ ราคาปัจจุบัน อยู่แล้ว อันที่จริงเรื่องยาง นี่ถ้ารัฐ
หาความจริงในการซื้อการขาย ของ ต่างประเทศมาให้ ชาวยาง รับฟัง
เป็นประจำ ก็จะทำให้ และสำคัญ ยางมันไม่ใช่ข้าว ที่ต้องลงทุนกันทุกปี
ทำครั้งเดียว เก็บเกี่ยวไปชั่วลูกหลาน ปัญหาของยาง ก็คือ มันเคยขึ้นไป
กิโลละ 160 กว่าบาท ชาวบ้าน ได้ราคานี้ ก็ยกฐานะ ตนเอง เช่น ต้องมี
รถใหม่ มีบ้านใหม่ ลูก เรียน มหาลัย เอกชน ความฟุ่มเฟือย ต่าง ๆเข้ามา
นกกรงหัวจุก ตัวละ 2 ล้าน ก็ต้องซื้อมาฟังเสียงกันแล้ว
พอราคายางตก เงินที่จะใช้ ตอนราคายาง 160 บาทมันหายไป ถ้าเรียกกัน
แบบผม เขาเรียก มันจมไม่ลง แล้วทำไง
ไอ้ต้นทุน 65 บาทอย่างที่ นักปลุกระดม มาพูด มันฟังไม่ได้ เพราะต้นทุน
ที่แท้จริง มันไม่ใช่อยู่ที่ 65 มันอยู่ที่ ต้องส่งเงินให้ลูก ต้องผ่อน บ้าน
ชาวบ้านฟังวผม แล้วก็ หันไปถาม นักปลุก ฯ ว่า เอาไง ใบ้ครับ เพราะพวกนี้
ไม่ใช่ ชาวยางอย่างพวกเรา
วันนี้ ไอ้พวกปลุกระดม กลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ ผมกับชาวยาง
ก็ รอฟัง ผลพวงอานิสสงค์ อยู่กับ บ้าน เพราะ เท่าที่ตามดู ราคาที่รัฐให้
80 บาทเป็นยางแผ่นดิบ ไม่ใช่น้ำยางอย่างที่ผมมี ส่วนขี้ยาง นี่ ก็ ขาย
ตามเปอร์เซนต์ ความสะอาด เช่นเดียวกับ น้ำยาง
วันนี้ ผมมีข้อเสนอแนะเรื่องยาง ให้กับ รัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง หรือก็ ก.บรรหาร
ให้รับฟังหน่อย ครับ นายก มาฟังด้วยก็ดี
ท่านคงจำเรื่อง เกษตรอุตสาหกรรม ได้นะครับ ที่ คุณสมัคร เคย พูดเอาไว้
พืชเกษตรของเรา มีมากมายหลายอย่าง ทำขึ้นมา แล้วก้ขายเป็น พืชดิบ ทั้งหมด
ท่านเคยคุยให้ฟังว่า ถ้าเราเอา พืชเหล่านั้นมาแปรรูป เพื่อ ทำให้มูลค่า มันเพิ่มขึ้น
แล้วส่งออก ก็จะทำให้ การเกษตรของ ชาวสวนชาวไร่ ลืมตาอ้าปากกันได้
ไม่ต้องพูดถึง อ้อย และ มันสำปะหลัง ที่เขา แปรรูป อยู่แล้ว บางส่วนก็เอามาทำเป็นเชื้อเพลิง
นี่เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
ยางของเรา ที่ขายกัน 90 % เป็นยางดิบ ยางแผ่นรมควัน ทั้งหมด เอามาแปรรูป เป็นถุงมือ รองเท้า
ก็ส่วนน้อย เท่าที่ดู เครื่องมือเครื่องใช้ ในครัวเรือน เกือบทุกอย่าง ทำจาก พล่าสติก ทั้งหมด
เราต้องพัฒนา ทำชี้นส่วนเหล่านี้ มาจาก ยางดิบ ให้ได้ งานวิจัย เรื่องเหล่านี้ ต้องส่งเสริม
กันอย่างจริงจัง ถ้าเราทำได้ ยาง 3.5 ล้านตัน ที่ขาย กิโลละ ไม่ถึงร้อย จะเพิ่มเป็น สี่หรือ ห้าเท่า
ของ ราคาเดิม อย่างถุงมือยาง ที่ใช้ในการแพทย์ ใช้ยางคู่ละ แค่ 30 กรัมเท่านั้น ราคาไปถึง
30 บาทต่อคู่ หรือที่คิดจะเอาไป ปูถนน หรือเป็นส่วนผสม ของ แอลฟัสต์ ก็เป็นเรื่องดีมาก
บางทียาง 3.5 ล้านตันของเราไม่ต้อง ขายต่างประเทศ คอยฟังแต่ราคาต่างประเทศ เท่านั้น
ทำเถอะครับ คิดเถอะครับ เพราะ ก. เกษตร ไหน ๆก็ผูกขาด สำหรับ คุณบรรหารอยู่แล้ว
รัฐบาลไม่กล้าเข้าไป แตะต้อง กับ คนโตตัวเล็กคนนี้ แต่อยากให้คิดหน่อยว่า กระทรวง ๆ นี้
ไม่ใช่ ของ ใครทั้งสี้น แล้วไอ้ที่อยู่กันจน รากงอก ใครแตะต้องไม่ได้ ถามว่า ชาวบ้านได้
อะไร จากการผูกขาด เป็นเจ้าของกระทรวง นี้ ไปแบบถาวร ลองนึกดู ว่า ตั้งแต่ กระทรวงนี้ มี
เจ้าของคนเดียว ชาวไร่ขาวนา มีความสุข ทั่วกันทั้งประเทศหรือไม่
เริ่มต้นคุยเรื่องยาง เรื่องม้อบ ลงท้าย ไม่วายต้องไล่ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง กันอีกรอบ