ผมกับแฟน(คนปัจจุบัน)รู้จักกันตอนเรียน ม.1-ม.6 โรงเรียนเดียวกันเป็นเพื่อนในห้องเรียนกัน แต่สมัยเรียนมัธยมไม่ได้คิดอะไรกัน ไม่ได้คบหากันเลย ตามประสาเด็กผู้ชายติดเพื่อน แอบไปชอบสาวๆรุ่นน้อง อกหัก อะไรประมาณนี้
เมื่อ ม.5 ปี 2548 ผมมีแฟนคนที่ 1 (โทรและแชทคุยกันอยากเดียว) แฟนคนที่ 1 ก็รู้จักแฟนปัจจุบันแต่ไม่สนิท นานๆที่ผมจะโทรไปหาเพื่อนผู้หญิงตอน ม.1-ม.6 (แฟนปัจจุบัน)เฉลี่ยปีละ 2 ครั้งได้
พอเข้ามหาลัยผมกับแฟนคนที่ 1 (ไม่ได้อยู่ด้วยกันเจอกัน 2 เดือน ครั้ง1 2-3 วัน) คบมาจนถึงสิ้นปี 2555 มีเหตุอยู่ว่าผมทราบความจริง(สักระยะ 1 แต่ไม่แน่ใจ เนื่องจากสามีของเธอโทรกล่าวหาว่าผมไปทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก ผมก็งง?) แฟนคนที่ 1 ของผมเค้าแต่งงานแล้วแต่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งที่ก่อนหน้าจะคบกันถามว่าโสดจริงอะไรจริง
และแล้วความจริงพร้อมหลักฐานก็ประจักษ์เมื่อวันหนึ่งผมไปบ้านแฟนคนที่ 1 เห็นที่บ้านเธอเอาผ้าไปคลุมอะไรไม่รู้ที่แขวนบนผนังผมแอบสงสัยเลยอาศัยช่วงเวลาเธอไปเข้าห้องน้ำ จึงแอบเปิดออกดูก็เจอรูปแต่งงานของแฟนคนที่ 1กับสามีเธอ(โดนสตั๊น 3 วิ)
ผมจึงปรึกษาเพื่อนและตัดใจเลิกความสัมพันธ์กับแฟนคนที่ 1 เมื่อสิ้นปี 30 ธันวาคม 2555 แม้ว่าจะเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายแต่มันจะดีกว่าที่ผมไม่ได้ไปทำร้ายครอบครัวคนอื่น เธอพยายามยื้อผมแต่ผมรับไม่ได้จริงๆไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะผิดศีลข้อ 3 โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมจะบอกเธอกับเธอไป(ผมแค่ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้อง)
เหตุการณ์ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เมื่อคืน 31 ธันวาคม 2555 เพื่อนผู้หญิง(แฟนปัจจุบัน)ตอนเรียน ม.1-ม.6 ก็มาบ้านผมทุกปีเพราะเราจะนัด Meeting กินเลี้ยงกันตามประสาเพื่อนพ้องกัน
ผมจึงตัดสินใจบอกกคบเพื่อนผู้หญิง(แฟนปัจจุบัน) เรียน ม.1-ม.6 (ผมเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากลองคบๆไปดูถ้าไม่ใช่ก็เลิก) ด้วยความที่ผมกับเธอโสดความโสดนั้นทำให้คนเราเหงา เราจึงคบกันโดยที่พ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้
หลังจากนั้นแฟนคนที่ 1 รู้ว่าแฟนปัจจุบันผมเป็นใคร่ง(ซึ่งเธอก้รู้จัก)จึงโทรมาด่าทอ ข่มขู่ว่าจะมาทำร้ายร่างกายแฟนคนปัจจุบันถึงที่ทำงาน และส่งรูปอดีตที่นอนกอดกันมาให้แฟนผมดู(คนปัจจุบัน)
ผมไม่ได้นิ่งนอนใจกินไม่ได้นอนไม่หลับโทรไปเจรจาขอสงบศึกดีๆ ปกป้องแฟนคนปัจจุบันผม ปกป้องทุกอย่างที่เป็นความเท็จ และอธิบายทุกอยากให้แฟนผมดู(คนปัจจุบัน)รับรู้ จนกระทั้งเรื่องแดงขึ้นเพื่อนผู้หญิงของแฟนผม(คนปัจจุบัน)ไปฟ้องแม่ผมถึงบ้าน
ผมไม่เป็นอันทำงานเลยพ่อแม่ก็บอกให้ผมเลิกคุยกับแฟนคนที่ 1 ด้วยการบล็อกการโทรและ Chat จาก FB (แฟนคนที่โพสว่าผมเป็นคนอย่างนู้นอย่างนี้ กล่าวหาแฟนคนปัจจุบันผมว่าไปแย่งผมจากเธอมา) รวมไปถึงเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วย และเหตุการณ์ร้ายๆก็ผ่านไป
ผมเริ่มคบกับแฟนผม(คนปัจจุบัน)เป็นการเป็นงานกำลังไปได้สวย แต่มีเหตุการณ์เกิดอีกเมื่อแฟนคนที่ 1 ติดต่อกลับมาบอกว่า ปจด. ไม่มา ร้องไห้โทรมาคุยกับผมและบอกว่าท้องแน่ๆ
ผมเครียดอีกรอบแฟนคนที่ 1 บอกให้ผมไปหาที่ กทม. ไปตรวจด้วยกันที่โรงพยาบาลและบอกผมห้ามบอกพ่อแม่เด็ดขาดไม่งั้นจะบอกแฟนคนปัจจุบัน
วันนั้นผมจึงอธิบายความจริงกับพ่อแม่และแฟนของผม(คนปัจจุบัน) ว่าแฟนคนที่ 1 ปจด. ไม่มาไม่รู้ท้องหรือป่าว(ผมเองโดนกดดันสารพัดจากรอบด้านโดนด่าสมแล้วกับสิ่งที่ผมทำลงไป) แล้วเพื่อนผู้หญิงของแฟนผม(คนปัจจุบัน)ที่สนิทกับแฟนคนที่ 1 บอกให้ผมเลิกคบกับแฟน(คนปัจจุบัน) ผมบอกปฏิเสธไม่ทำตามโดยเด็ดขาด เพื่อนผู้หญิงของแฟนผม(คนปัจจุบัน)จึงบอกเลิกคบเป็นเพื่อนกับผมทันที(เธอก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของผมและแฟนสมัย ม.1-ม.6 ด้วย)
ผมจึงโทรไปเจรจากับแฟนคนที่ 1 โดยมีเงื่อนไขว่าซื้อที่ตรวจมาตรวจและจะยอมคบหาแบบเพื่อนพี่น้องแต่เธอไม่ยอม(แฟนคนที่1 ไม่รู้ว่าผมเล่าความจริงทุกอย่างให้กับทุกคนรับทราบแล้ว) แฟนคนที่ 1 บอกกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้น(เพื่อนร่วมห้องของผมและแฟนสมัย ม.1-ม.6 ด้วย) ว่าเธอเคยมีแฟนแต่เลิกกันแล้วก่อนมาคบกับผม เรื่องกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างผู้เข้าข้างตัวเอง
รูปแต่งงานของแฟนคนที่ 1 กับสามีที่ผมเห็นเป็นหลักฐานไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ด้วยก็ยากที่จะใช้ยืนยันได้ ผมจึงบอกแฟนคนที่ 1ไปว่าเดี่ยวผมจะไปอำเภอทำเรื่องขอตรวจสอบทะเบียนสมรสเอามายืนยันว่าเธอแต่งงานแล้ว(เธอพยายามชักชวนให้ผมไปตรวจกับเธอที่ กทม. ให้ได้ เธอขู่ว่ามิฉะนั้นจะตามมาอาละวาดที่ทำงานผม และของแฟนคนปัจจุบัน)
ผมจึงขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่มีแฟนเป็นพยาบาลและเภสัชกรเรื่อง ปจด. (ช่วงเวลาไข่ตกและหน้า7หลัง7ก็ได้เรียนรู้ก็คราวนี้แหละครับ) เค้าสรุปให้ผมฟังว่าเนื่องจากแฟนคนที่ 1 กินยาคุมมานานหลายปีก่อนจะมาคบกับผม มดลูกคงแห้งน่ามีปัญหาตั้งท้องยากด้วย ผมกังวลอยู่ 2 อาทิตย์ เรื่องท้องไม่ท้องแต่ก็เตรียมทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว
ผมจึงขอคำปรึกษาพ่อเป็นการส่วนตัว พ่อได้พูดว่า"เลิกคุยกับแฟนคนที่ 1 เลย มันจะท้องมันก็ท้องกับผัวมันเอง อย่าคิดมากเราทำหน้าที่ของเราให้ดีท่สุดพอ" ผมจึงทำการบล็อกเบอร์โทรแฟนคนที่ 1 สุดท้ายเมื่อถึงขีดสุดแฟนคนที่ 1 ก็ส่งรูปอุปกรณ์ตรวจครรภ์มาให้ดูขึ้น 1 ขีด(ถ้าเธอโกหกผมเธอไม่ตรวจก็ได้ปล่อยให้เรื่อยจบไป แต่ไม่รู้เธอตรวจส่งรูปมาให้ผมดูเพื่อให้เพื่อนของผมเชื่อสนิทใจมั้ง?)
และแล้วเหตุกาณ์อันเลวร้ายที่สุดในวัยเบญจเพสของผมก็ผ่านไป ผมกันแฟน(คนปัจจุบัน)ก็คบหากันแบบเปิดเผยพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้ไม่มีใครห้ามใดๆ เพียงแต่พ่อแม่ทั้ง2 ฝ่าย บอกว่า "ถ้าจะรักกันแพงกันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อย่ามาหลอกลวงกัน"
เวลาผ่านมาเข้าสู่เดือนที่ 9 ความสัมพันธ์ก็เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลา ผมจึงแอบทราบว่าเธอชอบเสื้อตั้วหนึ่งจากร้านขายเสื้อผ้าที่เป็นเพื่อนของเราเอง(เธอเล่าให้ฟัง) ผมจึงแอบเซอร์ไพร์โทรไปสั่งซื้อกับเพื่อนให้แฟน แล้วบอกเพื่อนว่าถ้าแฟนสอบถามซื้อเสื้อให้บอกว่ามีคนมาซื้อไปแล้วนะ
สุดท้ายเธอดีใจมากที่ได้ใส่เสื้อสุดโปรดแบบเซอร์ไพร์ อยากจะขอบคุณแฟนคนนี้ที่เป็นแม่พระแม้ว่าผมจะไม่ได้เพอเฟ็ค ผมจะรักแฟนคนๆนี้ให้มากๆมากกว่าแฟนคนเก่าๆที่คบมาก และผมอโหสิกรรมแก่แฟนคนที่ 1 ทั้งหมดให้เลิกแล้วต่อกัน (มารยาร้อยเล่มเกวียนขอแฟนคนที่ 1 เนี่ยอันตรายจริงๆ)
ผมเป็นผู้ชายที่เลวและแย่ไหม
เรื่องเล่า"ชีวิตไม่ได้มีอะไรร้ายๆเสมอไป"
เมื่อ ม.5 ปี 2548 ผมมีแฟนคนที่ 1 (โทรและแชทคุยกันอยากเดียว) แฟนคนที่ 1 ก็รู้จักแฟนปัจจุบันแต่ไม่สนิท นานๆที่ผมจะโทรไปหาเพื่อนผู้หญิงตอน ม.1-ม.6 (แฟนปัจจุบัน)เฉลี่ยปีละ 2 ครั้งได้
พอเข้ามหาลัยผมกับแฟนคนที่ 1 (ไม่ได้อยู่ด้วยกันเจอกัน 2 เดือน ครั้ง1 2-3 วัน) คบมาจนถึงสิ้นปี 2555 มีเหตุอยู่ว่าผมทราบความจริง(สักระยะ 1 แต่ไม่แน่ใจ เนื่องจากสามีของเธอโทรกล่าวหาว่าผมไปทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก ผมก็งง?) แฟนคนที่ 1 ของผมเค้าแต่งงานแล้วแต่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งที่ก่อนหน้าจะคบกันถามว่าโสดจริงอะไรจริง
และแล้วความจริงพร้อมหลักฐานก็ประจักษ์เมื่อวันหนึ่งผมไปบ้านแฟนคนที่ 1 เห็นที่บ้านเธอเอาผ้าไปคลุมอะไรไม่รู้ที่แขวนบนผนังผมแอบสงสัยเลยอาศัยช่วงเวลาเธอไปเข้าห้องน้ำ จึงแอบเปิดออกดูก็เจอรูปแต่งงานของแฟนคนที่ 1กับสามีเธอ(โดนสตั๊น 3 วิ)
ผมจึงปรึกษาเพื่อนและตัดใจเลิกความสัมพันธ์กับแฟนคนที่ 1 เมื่อสิ้นปี 30 ธันวาคม 2555 แม้ว่าจะเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายแต่มันจะดีกว่าที่ผมไม่ได้ไปทำร้ายครอบครัวคนอื่น เธอพยายามยื้อผมแต่ผมรับไม่ได้จริงๆไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะผิดศีลข้อ 3 โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมจะบอกเธอกับเธอไป(ผมแค่ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้อง)
เหตุการณ์ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เมื่อคืน 31 ธันวาคม 2555 เพื่อนผู้หญิง(แฟนปัจจุบัน)ตอนเรียน ม.1-ม.6 ก็มาบ้านผมทุกปีเพราะเราจะนัด Meeting กินเลี้ยงกันตามประสาเพื่อนพ้องกัน
ผมจึงตัดสินใจบอกกคบเพื่อนผู้หญิง(แฟนปัจจุบัน) เรียน ม.1-ม.6 (ผมเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากลองคบๆไปดูถ้าไม่ใช่ก็เลิก) ด้วยความที่ผมกับเธอโสดความโสดนั้นทำให้คนเราเหงา เราจึงคบกันโดยที่พ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้
หลังจากนั้นแฟนคนที่ 1 รู้ว่าแฟนปัจจุบันผมเป็นใคร่ง(ซึ่งเธอก้รู้จัก)จึงโทรมาด่าทอ ข่มขู่ว่าจะมาทำร้ายร่างกายแฟนคนปัจจุบันถึงที่ทำงาน และส่งรูปอดีตที่นอนกอดกันมาให้แฟนผมดู(คนปัจจุบัน)
ผมไม่ได้นิ่งนอนใจกินไม่ได้นอนไม่หลับโทรไปเจรจาขอสงบศึกดีๆ ปกป้องแฟนคนปัจจุบันผม ปกป้องทุกอย่างที่เป็นความเท็จ และอธิบายทุกอยากให้แฟนผมดู(คนปัจจุบัน)รับรู้ จนกระทั้งเรื่องแดงขึ้นเพื่อนผู้หญิงของแฟนผม(คนปัจจุบัน)ไปฟ้องแม่ผมถึงบ้าน
ผมไม่เป็นอันทำงานเลยพ่อแม่ก็บอกให้ผมเลิกคุยกับแฟนคนที่ 1 ด้วยการบล็อกการโทรและ Chat จาก FB (แฟนคนที่โพสว่าผมเป็นคนอย่างนู้นอย่างนี้ กล่าวหาแฟนคนปัจจุบันผมว่าไปแย่งผมจากเธอมา) รวมไปถึงเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วย และเหตุการณ์ร้ายๆก็ผ่านไป
ผมเริ่มคบกับแฟนผม(คนปัจจุบัน)เป็นการเป็นงานกำลังไปได้สวย แต่มีเหตุการณ์เกิดอีกเมื่อแฟนคนที่ 1 ติดต่อกลับมาบอกว่า ปจด. ไม่มา ร้องไห้โทรมาคุยกับผมและบอกว่าท้องแน่ๆ
ผมเครียดอีกรอบแฟนคนที่ 1 บอกให้ผมไปหาที่ กทม. ไปตรวจด้วยกันที่โรงพยาบาลและบอกผมห้ามบอกพ่อแม่เด็ดขาดไม่งั้นจะบอกแฟนคนปัจจุบัน
วันนั้นผมจึงอธิบายความจริงกับพ่อแม่และแฟนของผม(คนปัจจุบัน) ว่าแฟนคนที่ 1 ปจด. ไม่มาไม่รู้ท้องหรือป่าว(ผมเองโดนกดดันสารพัดจากรอบด้านโดนด่าสมแล้วกับสิ่งที่ผมทำลงไป) แล้วเพื่อนผู้หญิงของแฟนผม(คนปัจจุบัน)ที่สนิทกับแฟนคนที่ 1 บอกให้ผมเลิกคบกับแฟน(คนปัจจุบัน) ผมบอกปฏิเสธไม่ทำตามโดยเด็ดขาด เพื่อนผู้หญิงของแฟนผม(คนปัจจุบัน)จึงบอกเลิกคบเป็นเพื่อนกับผมทันที(เธอก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของผมและแฟนสมัย ม.1-ม.6 ด้วย)
ผมจึงโทรไปเจรจากับแฟนคนที่ 1 โดยมีเงื่อนไขว่าซื้อที่ตรวจมาตรวจและจะยอมคบหาแบบเพื่อนพี่น้องแต่เธอไม่ยอม(แฟนคนที่1 ไม่รู้ว่าผมเล่าความจริงทุกอย่างให้กับทุกคนรับทราบแล้ว) แฟนคนที่ 1 บอกกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้น(เพื่อนร่วมห้องของผมและแฟนสมัย ม.1-ม.6 ด้วย) ว่าเธอเคยมีแฟนแต่เลิกกันแล้วก่อนมาคบกับผม เรื่องกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างผู้เข้าข้างตัวเอง
รูปแต่งงานของแฟนคนที่ 1 กับสามีที่ผมเห็นเป็นหลักฐานไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ด้วยก็ยากที่จะใช้ยืนยันได้ ผมจึงบอกแฟนคนที่ 1ไปว่าเดี่ยวผมจะไปอำเภอทำเรื่องขอตรวจสอบทะเบียนสมรสเอามายืนยันว่าเธอแต่งงานแล้ว(เธอพยายามชักชวนให้ผมไปตรวจกับเธอที่ กทม. ให้ได้ เธอขู่ว่ามิฉะนั้นจะตามมาอาละวาดที่ทำงานผม และของแฟนคนปัจจุบัน)
ผมจึงขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่มีแฟนเป็นพยาบาลและเภสัชกรเรื่อง ปจด. (ช่วงเวลาไข่ตกและหน้า7หลัง7ก็ได้เรียนรู้ก็คราวนี้แหละครับ) เค้าสรุปให้ผมฟังว่าเนื่องจากแฟนคนที่ 1 กินยาคุมมานานหลายปีก่อนจะมาคบกับผม มดลูกคงแห้งน่ามีปัญหาตั้งท้องยากด้วย ผมกังวลอยู่ 2 อาทิตย์ เรื่องท้องไม่ท้องแต่ก็เตรียมทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว
ผมจึงขอคำปรึกษาพ่อเป็นการส่วนตัว พ่อได้พูดว่า"เลิกคุยกับแฟนคนที่ 1 เลย มันจะท้องมันก็ท้องกับผัวมันเอง อย่าคิดมากเราทำหน้าที่ของเราให้ดีท่สุดพอ" ผมจึงทำการบล็อกเบอร์โทรแฟนคนที่ 1 สุดท้ายเมื่อถึงขีดสุดแฟนคนที่ 1 ก็ส่งรูปอุปกรณ์ตรวจครรภ์มาให้ดูขึ้น 1 ขีด(ถ้าเธอโกหกผมเธอไม่ตรวจก็ได้ปล่อยให้เรื่อยจบไป แต่ไม่รู้เธอตรวจส่งรูปมาให้ผมดูเพื่อให้เพื่อนของผมเชื่อสนิทใจมั้ง?)
และแล้วเหตุกาณ์อันเลวร้ายที่สุดในวัยเบญจเพสของผมก็ผ่านไป ผมกันแฟน(คนปัจจุบัน)ก็คบหากันแบบเปิดเผยพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้ไม่มีใครห้ามใดๆ เพียงแต่พ่อแม่ทั้ง2 ฝ่าย บอกว่า "ถ้าจะรักกันแพงกันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อย่ามาหลอกลวงกัน"
เวลาผ่านมาเข้าสู่เดือนที่ 9 ความสัมพันธ์ก็เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลา ผมจึงแอบทราบว่าเธอชอบเสื้อตั้วหนึ่งจากร้านขายเสื้อผ้าที่เป็นเพื่อนของเราเอง(เธอเล่าให้ฟัง) ผมจึงแอบเซอร์ไพร์โทรไปสั่งซื้อกับเพื่อนให้แฟน แล้วบอกเพื่อนว่าถ้าแฟนสอบถามซื้อเสื้อให้บอกว่ามีคนมาซื้อไปแล้วนะ
สุดท้ายเธอดีใจมากที่ได้ใส่เสื้อสุดโปรดแบบเซอร์ไพร์ อยากจะขอบคุณแฟนคนนี้ที่เป็นแม่พระแม้ว่าผมจะไม่ได้เพอเฟ็ค ผมจะรักแฟนคนๆนี้ให้มากๆมากกว่าแฟนคนเก่าๆที่คบมาก และผมอโหสิกรรมแก่แฟนคนที่ 1 ทั้งหมดให้เลิกแล้วต่อกัน (มารยาร้อยเล่มเกวียนขอแฟนคนที่ 1 เนี่ยอันตรายจริงๆ)
ผมเป็นผู้ชายที่เลวและแย่ไหม