ต้องการความช่วยเหลือค่ะ ต้องป่วยขนาดไหน ถึงได้คุยกะนักบำบัดคะ

กระทู้คำถาม
ติดต่อขอพบนักจิตบำบัดมาหลายปี จิตแพทย์บอกว่า หมอไม่ว่างเลย คิวไม่ได้ โรงบาลรัฐค่ะ อยากพบนักจิตมา4ปีแล้ว
หรืออาการแบบเรา เดี๋ยวมันก็หายเอง

คือตอนเด็กคุณพ่อเผด็จการมาก ชอบดุด้วยคำพูดแรงๆ และให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้องตามความคิดเค้าทั้งหมด  อย่างเช่น  ตอนเด็กเราชอบวาดรูปมาก พ่อขอให้เราวาดรูปนก เด็ก12ขวบ ก็วาดรูปนกจากตัวการ์ตูนที่เคยเห็น เราก็โดนพ่อว่าเสียๆหายๆ บอกว่าให้วาดรูปนก (ของจริง) เราวาดไม่ได้ท่านก็ด่าเรา ท่านขอให้วาดรูปเสือ  ยิ่งหนักเข้าไปอีก เสือวาดไงล่ะคะ  ท่านลงทุนเสือโปสเตอร์สัตว์ของจริงแปะไว้ในห้องท่าน และเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ท่านขอให้วาดรูป วาดไม่เหมือนท่านก็จะด่า หาว่าไร้ค่าภาพแบบนี้เอาไปทำอะไรไม่ได้หรอก  ตอนเด็กๆเคยยกถังน้ำใบใหญ่ แล้ววางไม่ดีหลุดมือ ถังแตก ท่านก็สั่งไม่ให้เราจับถังน้ำอีก พอเราอยู่คนเดียวแล้วทำ ท่านมาเห็นท่านก็จะด่า  ทุกอย่างต้องเป๊ะ

เราวาดรูปคนเดียวพอวาดได้ แต่จะรู้สึกไม่ดีตลอดเวลา ยิ่งต้องวาดส่งงาน วาดให้คนอื่นยิ่งรู้สึกแย่ตลอดเวลา เราเผ็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่11จนมาถึงอายุ22ปี ที่เปลี่ยนไปเป็นไบโพลาร์ แต่หนักไปทางซึมเศร้าซะมากๆ เรารู้สึกตัวเองแย่เหมือนที่พ่อแม่พูดตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งไม่ดีพอ ไม่มีความมั่นใจเลย ตอนเรียนมหาลัย เราเรียนไปด้วยรับจ็อบนอกไปด้วย พวกท่านก็ดูถูกว่าตลอดเวลา เจอหน้ากันก็ด่า ชอบทิ้งท้ายว่า เดี๋ยวก็งามหน้าหรอก  เราพบจิตแพทย์โดยที่ไม่บอกครอบครัวมาตลอด  พออาการแย่สุดๆ เราบอกพวกท่านก็ดูเหมือนพวกท่านจะรับไม่ได้ เรื่องเรียนเราบังพอประคับประคองเพราะไม่อยากดรอป  พอจบมาอาการก็แย่ลงมาก ทำงานไปด้วย พวกท่านก็ด่าเราตลอด พอเราลาออก พวกท่านก็คิดว่า เราไปทำเรื่องเสียหายจนโดนไล่ออก  พวกท่านชอบจิกกัดเราเรื่องการมีชีวิตในสังคม  เราไม่กินเหล้า(แพ้แอลกฮอล์)เรากินนิดเดียวตอนเรียนเพราะอยากรู้ เราก็บอกพวกท่านว่าเราลองกินดู ท่านก็ไม่ว่าอะไร  เหล้ายาปลาปิ้งไม่แตะ บุหรี่ไม่สูบ ไม่เคยไปทำงานสายเลย เราเข้างานก่อนเวลา1-2ชั่วโมงตลอด เพราะบ้านไกลนั่งรถเมล์ ต้องออกเผื่อเวลา แต่เรามีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ  เราทำงานอีเว้นซ์ จัดหนักตลอด ทำเต็มเวลาไม่นอนเลย2-3วัน นอนพักบางทีก็3-4ชั่วโมงและรับงานเพิ่ม หรือถ้าเดี้ยง ก็หยุดยาว  
เราเครียดอาการหนัก หยุดพักไป2ปี ไม่ทำงาน ไม่ออกจากบ้าน ไม่พบเพื่อน ไม่ได้คุยกับคนในบ้าน นอน ร้องไห้ ชีวิตรันทด
พออาการดีขึน ซึ่งได้พบอาจาร์ยหมอครั้งนึง  แกจ่ายยารักไบโพลาร์ อาการก็ดีขึ้น กลับมา ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป แต่ยากับตัวเราเองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือเหมือนเราจะเป็นโรคแพนิคเพิ่ม  กลัวคน กลัวทำงานพลาดจนมือสั่นขาสั่น เราทำงานได้2เดือน (ผู้ช่วยสัตว์แพทย์)จบมาคนละสาย แต่ได้ทำงานกับสัตว์ซึ่งมันจะบ่นจะด่าเราก็ไม่เข้าใจ  คุณหมอเจ้าของคลีนิคใจดี เข้าใจเราพยายามหาหลักธรรมหาวิธีคิดมาช่วย  แต่เราอยากเรียนวาดรูปด้วยซึ่งมันสวนทางกับเวลาทำงาน เราจึงลาออก  พ่อแม่ก็ยิ่งด่า หาว่าเราโดนไล่ออกมา  ตอนไปเรียนวาดรูปถึงรู้ว่า แพนิคกลัวเวลามีคนจ้อง กลับไปเรียนแข่งกับเวลา  เราวาดรูปได้ดีระดับนึง  แต่ตอนไปเรียนเราจับดินสอไม่ได้เลย ขาสั่น มือสั่น  วาดขยุกขยุย สุดท้ายต้องเลิกเรียนเสียไป1ครอส์  หยุดรักษาอาการสั่น และไปทำงานกับพี่ชาย เหมือนจะดีแต่ไม่ดี ไม่มีอิสระ ห้ามออกจากออฟฟิต ห้ามออกจากบ้านเพราะไม่มีใครอยู่ดูแลโรงงาน ห้ามพาเพื่อนผู้ชาย หรือแฟนมาบ้าน  (ไกลขนาดนี้ผู้หญิงที่ไหนจะมา พม่าเยอะ แถมไม่มีรถเข้าถึง)ขนาดจะกลับไปบ้านยังกลับไม่ได้ ไปซื้อของที่ตลาด็ไม่ได้ ฝากคนงานซื้อข้าวก็ไม่ได้ แถมยังสั่งห้ามทำกับข้าวกินเอง ให้รอพี่ชายที่ชอบเข้าโรงงานสายโคตรๆ เที่ยง-บ่ายโมง เอาข้าวมาให้  ทนอยู่ได้ประมาณปีนึง ก็ขอออกมาเอง  คิดดูขนาดนัดหมอไว้8โมง อีผีบ้ายังมาซะ10โมง ใครจะทนได้ เงินเดือนก็ไม่ได้ เพราะเป็นพี่น้องกัน
ไปทำงานเหมือนเดิม แต่ก็นั่นแหละ เดี๋ยวก็ขยันไฮเปอร์เดี๋ยวก็จิตตกโลกดำ  ที่แรกลาออกเอง  หมอยิ้มบ้า  ที่ที่2เราเครียดอะ  เราตรวจเลือดไม่ได้ ทำไงก็ทำไม่ได้ เจ้าของคลีนิคแกก็กดดันจริงๆ สุดท้ายเราเครียดจนซึมเศร้ากำเริม  เลยโดนสั่งพักงาน เซง เเต่เราลาออกเอง  ที่ที่3เจอพี่ผู้ช่วยเป็นโรคประสาท โดนด่าฝ่ายเดียว แถมเราไม่ถนัดงานที่ใช้เทคนิคหมอๆ ทั้งหลาย บวกกับ เรารู้สึกตัวเองขี้กลัวมาก แค่หมอดุเราก็มือสั่นแล้ว ยิ่งต้องทำอะไรที่ไม่ถนัดก็ยิ่งสั่นจนคิดอะไรไม่ออก กลัวทำพลาด งานที่ต้องรับหน้าแทนหมอก็เหมือนจะไม่มีเซนซ์เลย   เราไม่ได้คุยกะใครมาหลายปีดีดัก เดือนนึงจะพูดซัก20ประโยคได้   รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่มีค่าพอตลอดเวลา   พอกลับไปหาหมอ เจอหมอคนใหม่แกก็บอกว่าเราเป็นborderline โรคแบ่งเส้นขาวดำแบบชัดเจน
คือทุกอย่างเป็น ขาวเป็นดำ ไม่มีเทา ไม่มีข้อผิดผลาด ไม่มีเผลอ รักมากเกลียดมาก รุนแรง และ อัยนี้ชัวว์มากค่ะ  ไม่มีความมั่นฝจในตัวเองเลย  รู้สึกว่าทำเราทำได้ไม่ดี ก็จะถูกคนอื่นมองว่าเราแย่ ไม่ดี ไม่มีค่าพอ
ใช้เวลานานค่ะกว่าจะสวิงกับมาเป็นปกติ คือเริ่มมีความเชื่อมั่นในตัวเอง  พอจะออกไปทำงานข้างนอก แถวบ้านเลยค่ะ พอดีพาแมวไปหาหมอ หมอแกก็เหมือนทักเรื่องคิดรึยังว่าจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่  พอเห็นป้ายขึ้นว่ารับสมัครผู้ช่วย  ตัดสินใจอยู่นานค่ะ กลัวตัวเอง ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่คิดวนไปวนมา ว่าช่วงที่พาแมวไปรักษาเราทำอะไรไม่ดีไม่งามไปรึเปล่า เพราะเราจับแมวเองตลอด เราจับผิดวิธีไหม หมออยากทำงานกับเราไหม กังวนมาก แต่ก็ไปขอใบสมัคร หมอแกก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่พอกลับมาบ้าน ก็เจอแม่  สวนกลับมาว่า
จะไปทำงานนอกบ้านให้เสียชื่อเสียงทำไม  เดี๋ยวชื่อก็หึ่งมาถึงบ้าน ที่นี้จะหนีไปอยู่ที่ไหนไม่ได้แล้ว ต้องเอาปีบคุมหัว อยู่บ้านช่วยแม่สิ  อันที่จริงมันไม่ยากเลยแค่ขายของที่บ้าน  แต่อยู่บ้านจะทำอะไรพ่อแม่ก็บอกว่าโอ้ยหนูทำไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็เสียรอพ่อรอพี่ดีกว่า
ที่สงสัยคือ ตอนเด็กๆอยู่บ้านป้าทุกอย่างทำเองได้หมด  เพราะต้องทำให้เค้ายิ่งงานออกแรงแบบผู้ชายนี่ชอบเลย ปอกมะพร้าว ขูดมะพร้าว ลับมีด  แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าทำกลัวทำเสียของไม่กล้าจับจับกลัวโดนพ่อด่า  ทุกสิ่งอย่างไม่กล้าทำกลัวทุกอย่าง เป็นพัฒนาการที่เลวร้ายมากค่ะ
ไปเรียนวาดรูป น้องในคอร์สและพี่ติวถามว่า  วาดได้ขนาดนี้ทำไมต้องมาเรียน ไปทำงานบริษัทได้แล้วมั้ง  แต่เราก็ไม่กล้าค่ะกลัว  พอมีคนสั่งให้ทำ เราก็ทำไม่ได้ คิดวนไปวนมาว่า งานไม่ดีคนต้องรังเกียจแน่ๆ ฝีมือเราเดี๋ยวก็โดนไล่ออก สั่นจนคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ  ขนาดวาดรูปเล่นเรายังรู้สึกว่า วาดไม่ได้ อายุก็ขนาดนี้แล้วเรียนก็เรียนมาทางนี้ วาดได้แค่นี้เอง เฟวจนบางทีอยากวาดรูปมากแต่วาดไม่ได้ นั่งร้องไห้คนเดียว  ไม่สนุกเลยค่ะทั้งที่คนรอบตัววาดรูปแบบสนุกได้ตามใจได้  เราน่ะถ้าวาดไม่ถูกสัดส่วนแสงเงาไม่เป๊ะก็ไม่กล้าวาดรูปเลยขนาดเจอคนพูดคำหยาบใส่เรายังรับไม่ได้ ยิ่งช่องอะไรไม่รู้ที่โฆษกมาตะโกนด่าเย้วๆ พ่อฟังทุกวัน ฟังตลอดเวลาเปิดเสียงดังกะให้ได้ยินถึงชั้น4เพลียมากค่ะ เพราะท่านเอาคำด่าที่ช่องนั้นออกอากาศมาด่าเราแทน คำพูดที่ใช้ด่าคนขายประเทศ แต่เอามาด่าลูกสาวตัวเอง เพลียจะฟังค่ะ จากไม่สนใจการเมืองจนเริ่มเกลียดการเมืองแล้วค่ะ

วันก่อนขายของมีเด็กมาซื้อเอ็นตกปลา  แต่ที่บ้านไม่มีขาย แต่ตัวเรามีเอ็นตกปลาอยู่ไม่ได้ใช้ตั้งแต่เรียนมหาลัย  ก็พูดแซวเด็กว่า  มีจะขายให้แต่คงไม่ได้เบอร์ที่น้องเค้าอยากได้ แถมไม่แน่ใจว่ายาวพอไหม  ก็โดนพ่อตะเพิดใส่ บอกว่าชีวิตตัวเองแย่ขนาดนี้แล้ว ยังมาทำเรื่องไร้สาระอีก  แย่จริงๆแหละค่ะ

ไม่ว่าจะทำอะไรท่านก็พูดเสมอว่า หน้าอย่างเมิงอยู่ในสังคมใครๆก็รังเกียจ ไปที่ไหนใครๆก็เกลียด  ก็คงเป็นแบบนั้นแหละค่ะ อยู่กับบ้านไม่ต้องไปไหนไม่ต้องคุยกับใคร เดี๋ยวก็มีคนมารักเองแหละ  
หนูอยากบำบัดเรื่องความคิดค่ะ นิสัยตอกย้ำตัวเองว่าไม่มีค่าพอน่ะ ถ้าเปลี่ยนอะไรได้ก็อยากเปลี่ยน  
หนูอยากวาดรูปแบบสนุกสนาน อยากคิดและทำโดยไม่ต้องแคร์สื่อหรือสายตาคนอื่นน่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่