ปรกติไม่ค่อยตั้งกระทู้ แต่จะหนักไปทางตอบมากกว่า แต่เห็นประเด็นนี้มันชักเกลื่อนแล้วก็เริ่มเลอะเทอะ ก็เลยเอาสักหน่อย
โดยประเด็นเรื่องที่จะนำมาพิจารณาโดยรวมเป็นมุมมองต่างๆที่ผมคิดว่าเป็นจุดที่เราน่าจะมาอภิปรายกัน
ทำไมต้องจัดเรตติ้ง,เซนเซอร์,เบลอ,แบน ?
เรตติ้ง คือ การจัดระดับความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์ ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ 2 ประการ คือ เพื่อเป็นเครื่องมือของผู้ปกครองในการเลือกรับรายการโทรทัศน์ที่เหมาะสมกับบุตรหลาน และเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนให้เกิดรายการโทรทัศน์ที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพให้มากขึ้น
การเซ็นเซอร์หมายถึง การพิจารณาว่าเนื้อหาในสื่อนั้นสามารถเผยแพร่ได้หรือไม่ โดยพิจารณาภายใต้กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องความมั่นคงของรัฐศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของสังคม เป็นหลัก
ดังนั้นหากมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับประเภทรายการนั้นๆ ก็จำเป็นจะต้องมีการ
เบลอเนื้อหาบางส่วนออกเพื่อทำให้เนื้อหารายการนั้นตรงกับประเภทของรายการ หรืออาจ
แบน เพื่อให้หยุดเผยแพร่
จริงหรือ ? ที่สื่อมีผลกระทบต่อเด็ก และมีผลมากแค่ไหน
จริงแท้แน่นอน ลองดูตัวอย่างงานวิจัยของ Albert Bandura เป็นการทดลองว่า เด็กๆ จะแสดงพฤติกรรมรุนแรงโดยเลียนแบบจากการดูเพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ วิธีการก็คือ ถ่ายวิดีโอที่มีผู้ใหญ่กำลังทำร้าย เตะ ทุบตีตุ๊กตาล้มลุกรูปตัวตลกด้วยค้อน แล้วเอาวิดีโอนั้นไปเปิดให้เด็กกลุ่มแรกจำนวน 24 คนดู เด็กกลุ่มที่สองได้ดูวิดีโอธรรมดาๆ ที่ไม่มีความรุนแรง ส่วนเด็กกลุ่มสุดท้ายไม่ได้ดูอะไร แล้วจากนั้นก็ปล่อยเด็กๆ ทั้งหมดเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีตุ๊กตาล้มลุกรูปตัวตลกอยู่ แล้วสังเกตพฤติกรรม
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เด็กกลุ่มแรกตรงเข้าไปทำร้ายตุ๊กตาล้มลุกทันที บ้างก็เข้าไปใช้ค้อนตีแบบที่เห็นในวิดีโอ ในขณะที่มีเด็กบางคนเอาปืนของเล่นมาจ่อที่ตุ๊กตาด้วย ทั้งๆ ที่ในวิดีโอไม่ได้มีการใช้ปืนเลยแม้แต่น้อย ส่วนเด็กกลุ่มที่สองก็เข้าไปต่อยเตะตุ๊กตาเช่นกัน แต่ไม่ทำรุนแรงอย่างเด็กกลุ่มที่ได้ดูวิดีโอที่มีคนสาธิตตัวอย่างการทำร้ายหุ่นให้ดู

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อโต้แย้งว่าผลการทดลองนี้สรุปอะไรไม่ได้ เพราะตุ๊กตาล้มลุกถูกออกแบบมาเพื่อเป็นของเล่นให้เด็กๆ ทุบตีอยู่แล้วไม่ว่าจะได้ดูวิดีโอหรือไม่ก็ตาม Albert Bandura เลยทำการทดลองซ้ำคล้ายๆ แบบเดิม ด้วยการถ่ายวิดีโอผู้ใหญ่กำลังทำร้ายและทุบตี คราวนี้เป็นคนจริงๆ แต่งตัวเป็นตัวตลก ด้วยค้อน
หลังจากให้เด็กๆ ดูวิดีโอแล้ว ก็ปล่อยเข้าไปอยู่ในห้องกับตัวตลกจริงๆ และแน่นอนว่าเด็กที่ได้ดูวิดีโอก็เข้าทำร้ายตัวตลกแบบที่เห็นตัวอย่างผู้ใหญ่ทำมาก่อน ผลจึงสรุปได้ว่า เด็กๆ สามารถเลียนแบบพฤติกรรมรุนแรงได้จริงๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะเด็กยังไม่มีความเข้าใจถึงผลที่จะตามมาและยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่แสดงออกไปเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ การทดลองนี้จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในเรื่องของการชี้นำให้เด็กมีพฤติกรรมรุนแรง และอาจส่งผลระยะยาวต่อพฤติกรรมในอนาคต
แนวทางแก้ไขโดยร่วมกันทุกภาคส่วน
การจัดเรตติ้งโดยแบ่งรายการตามความเหมาะสมของเนื้อหาและกลุ่มอายุ โดยให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดจำแนก ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การจำแนกช่วงเวลาในการนำเสนอที่เหมาะสม และพ่อแม่ควรดูแลเอาใจใส่เวลาการดูทีวีของลูก
สกิดให้คิด อะไรที่มันมากเกินไปมันก็ไม่ดี
เบลอนมชิซุกะ
ตอนเด็กๆดูการ์ตูน เห็นนมชิซุกะ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกปึ๋งปั๋งแต่อย่างใด ที่คือเรื่องจริง
การ์ตูนไม่ใช่สำหรับเด็กเท่านั้น !!
แต่กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ดูก็คือคือเด็กไม่ใช่หรอ? เอาความสนุก+ความชอบของตนเองเป็นที่ตั้ง ตั้งตนคิดแทนเด็ก โดยละเลยผลกระทบต่อคนอื่นๆ มันดีแล้ว?
ทำไม พ่อแม่ไม่ดูแล ปล่อยให้เด็กดูทีวีคนเดียว
อันนี้บอกได้คำเดียว ถ้าคุณไม่มีลูก ไม่มีหน้าที่การงาน ไม่มีภาระที่ต้องแบกรับครอบครัว
ไม่มีวันรู้หรอก
พ่อแม่หลายคนรู้และเข้าใจเรื่องนี้ และพวกเขาก็พยายามดูแลเอาใจใส่ แต่ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในอุดมคติหรอก
ละครน้ำเน่า ทำไมไม่จัดการ? สองมาตรฐานชัดๆ
ละครได้เรต 18+ เนื้อหาอยู่ในเกณฑ์18+ มันก็ถูกแล้วนิ
การ์ตูนได้เรต6ขวบ เนื้อหาอยู่ในเกณฑ์18+ ก็ต้องปรับแก้ไม่ใช่หรอ?
กลับไปอ่านด้านบนหากคุณไม่เข้าใจ
อ้างอิง
http://www.everyday-readers.com/blog/articles/cruel-science-experiment-done-to-kids
http://www.hiso.or.th/hiso/health_event/ghealth_event10.php
ร่วมหาทางออก+เสนอแนวทาง ประเด็นเกี่ยวกับ กสทช.
โดยประเด็นเรื่องที่จะนำมาพิจารณาโดยรวมเป็นมุมมองต่างๆที่ผมคิดว่าเป็นจุดที่เราน่าจะมาอภิปรายกัน
ทำไมต้องจัดเรตติ้ง,เซนเซอร์,เบลอ,แบน ?
เรตติ้ง คือ การจัดระดับความเหมาะสมของสื่อโทรทัศน์ ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ 2 ประการ คือ เพื่อเป็นเครื่องมือของผู้ปกครองในการเลือกรับรายการโทรทัศน์ที่เหมาะสมกับบุตรหลาน และเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนให้เกิดรายการโทรทัศน์ที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพให้มากขึ้น
การเซ็นเซอร์หมายถึง การพิจารณาว่าเนื้อหาในสื่อนั้นสามารถเผยแพร่ได้หรือไม่ โดยพิจารณาภายใต้กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องความมั่นคงของรัฐศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของสังคม เป็นหลัก
ดังนั้นหากมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับประเภทรายการนั้นๆ ก็จำเป็นจะต้องมีการเบลอเนื้อหาบางส่วนออกเพื่อทำให้เนื้อหารายการนั้นตรงกับประเภทของรายการ หรืออาจ แบน เพื่อให้หยุดเผยแพร่
จริงหรือ ? ที่สื่อมีผลกระทบต่อเด็ก และมีผลมากแค่ไหน
จริงแท้แน่นอน ลองดูตัวอย่างงานวิจัยของ Albert Bandura เป็นการทดลองว่า เด็กๆ จะแสดงพฤติกรรมรุนแรงโดยเลียนแบบจากการดูเพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ วิธีการก็คือ ถ่ายวิดีโอที่มีผู้ใหญ่กำลังทำร้าย เตะ ทุบตีตุ๊กตาล้มลุกรูปตัวตลกด้วยค้อน แล้วเอาวิดีโอนั้นไปเปิดให้เด็กกลุ่มแรกจำนวน 24 คนดู เด็กกลุ่มที่สองได้ดูวิดีโอธรรมดาๆ ที่ไม่มีความรุนแรง ส่วนเด็กกลุ่มสุดท้ายไม่ได้ดูอะไร แล้วจากนั้นก็ปล่อยเด็กๆ ทั้งหมดเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีตุ๊กตาล้มลุกรูปตัวตลกอยู่ แล้วสังเกตพฤติกรรม
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เด็กกลุ่มแรกตรงเข้าไปทำร้ายตุ๊กตาล้มลุกทันที บ้างก็เข้าไปใช้ค้อนตีแบบที่เห็นในวิดีโอ ในขณะที่มีเด็กบางคนเอาปืนของเล่นมาจ่อที่ตุ๊กตาด้วย ทั้งๆ ที่ในวิดีโอไม่ได้มีการใช้ปืนเลยแม้แต่น้อย ส่วนเด็กกลุ่มที่สองก็เข้าไปต่อยเตะตุ๊กตาเช่นกัน แต่ไม่ทำรุนแรงอย่างเด็กกลุ่มที่ได้ดูวิดีโอที่มีคนสาธิตตัวอย่างการทำร้ายหุ่นให้ดู
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อโต้แย้งว่าผลการทดลองนี้สรุปอะไรไม่ได้ เพราะตุ๊กตาล้มลุกถูกออกแบบมาเพื่อเป็นของเล่นให้เด็กๆ ทุบตีอยู่แล้วไม่ว่าจะได้ดูวิดีโอหรือไม่ก็ตาม Albert Bandura เลยทำการทดลองซ้ำคล้ายๆ แบบเดิม ด้วยการถ่ายวิดีโอผู้ใหญ่กำลังทำร้ายและทุบตี คราวนี้เป็นคนจริงๆ แต่งตัวเป็นตัวตลก ด้วยค้อน
หลังจากให้เด็กๆ ดูวิดีโอแล้ว ก็ปล่อยเข้าไปอยู่ในห้องกับตัวตลกจริงๆ และแน่นอนว่าเด็กที่ได้ดูวิดีโอก็เข้าทำร้ายตัวตลกแบบที่เห็นตัวอย่างผู้ใหญ่ทำมาก่อน ผลจึงสรุปได้ว่า เด็กๆ สามารถเลียนแบบพฤติกรรมรุนแรงได้จริงๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะเด็กยังไม่มีความเข้าใจถึงผลที่จะตามมาและยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่แสดงออกไปเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ การทดลองนี้จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในเรื่องของการชี้นำให้เด็กมีพฤติกรรมรุนแรง และอาจส่งผลระยะยาวต่อพฤติกรรมในอนาคต
แนวทางแก้ไขโดยร่วมกันทุกภาคส่วน
การจัดเรตติ้งโดยแบ่งรายการตามความเหมาะสมของเนื้อหาและกลุ่มอายุ โดยให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดจำแนก ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การจำแนกช่วงเวลาในการนำเสนอที่เหมาะสม และพ่อแม่ควรดูแลเอาใจใส่เวลาการดูทีวีของลูก
สกิดให้คิด อะไรที่มันมากเกินไปมันก็ไม่ดี
เบลอนมชิซุกะ
ตอนเด็กๆดูการ์ตูน เห็นนมชิซุกะ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกปึ๋งปั๋งแต่อย่างใด ที่คือเรื่องจริง
การ์ตูนไม่ใช่สำหรับเด็กเท่านั้น !!
แต่กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ดูก็คือคือเด็กไม่ใช่หรอ? เอาความสนุก+ความชอบของตนเองเป็นที่ตั้ง ตั้งตนคิดแทนเด็ก โดยละเลยผลกระทบต่อคนอื่นๆ มันดีแล้ว?
ทำไม พ่อแม่ไม่ดูแล ปล่อยให้เด็กดูทีวีคนเดียว
อันนี้บอกได้คำเดียว ถ้าคุณไม่มีลูก ไม่มีหน้าที่การงาน ไม่มีภาระที่ต้องแบกรับครอบครัว ไม่มีวันรู้หรอก
พ่อแม่หลายคนรู้และเข้าใจเรื่องนี้ และพวกเขาก็พยายามดูแลเอาใจใส่ แต่ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในอุดมคติหรอก
ละครน้ำเน่า ทำไมไม่จัดการ? สองมาตรฐานชัดๆ
ละครได้เรต 18+ เนื้อหาอยู่ในเกณฑ์18+ มันก็ถูกแล้วนิ
การ์ตูนได้เรต6ขวบ เนื้อหาอยู่ในเกณฑ์18+ ก็ต้องปรับแก้ไม่ใช่หรอ?
กลับไปอ่านด้านบนหากคุณไม่เข้าใจ
อ้างอิง
http://www.everyday-readers.com/blog/articles/cruel-science-experiment-done-to-kids
http://www.hiso.or.th/hiso/health_event/ghealth_event10.php