เพิ่งทำงานได่4วันคะ ทำงานก็เหมือนกับพนักงานออฟฟิศทั่วไป
ไปวันแรกเกร็งมากเพราะมีแต่คนอายุมากกว่า แล้วพอดีว่าเป็นคนที่เข้ากับคนอายุเยอะไม่เป็น
พี่ที่เค้าทำมาก่อนก็ดูเหมือนไม่สนิทกันเลย เวลาทานข้าวกลางวัน รออาหารมาเสิร์ฟนี่เงียบเป็นป่าช้า
น้ำเสียงเวลาคุยกันก็ดูห่างเหิน พอกลับมาออฟฟิศก็โต๊ะใครโต๊ะมัน จ้องแต่หน้าจอก็พอเข้าใจว่า
ต้องทำงานแต่มันไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลย แล้วไอ้เรามันก็เด็กใหม่วัยใสปิ๊วก็เพิ่งเข้าใหม่เพื่อนก็ไม่มียิ่งเครียดไปกันใหญ่
ในออฟฟิศก็มีหลายแผนกรวมกันแต่ตั้งโต๊ะเรียงกันเลย อาจจะมีช่องทางเดินแบ่งแผนกบ้างระหว่างแผนกก็ดูเหมือน
ทำงานกันคนละบริษัท มันเป็นช่องแคบที่ขวางกั้นความรักความเอื้ออาทรไว้ เราก็พยายามส่งยิ้มสร้างไมตรีแต่ก็เท่านั้น
บางคนยิ้มกลับก็ดีไปแต่บางคนนี้โหหน้ายังไม่มองเลย พูดแล้วก็เครียดเวลากลับบ้านก็กลับคนเดียว
ไม่มีใครเดินเป็นเพื่อนไม่มีใครเม้าท์กับหนูเลยอ่ะ แงแงแง ㅠ ㅠ
เห็นคนทำงานบางคนมีเพื่อนเดินเม้าท์กลับบ้านนี่อิจฉามาก ทำไมหนูไม่มีอย่างเค้านะ
พูดแล้วก็เศร้างานก็ยากคนที่สอนงานก็จะออกศุกร์นี้แล้ว ถ้าเค้าไปก็คือไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับ
ตำแหน่งงานนี้อีกเลย วันนี้มีคนจากอังกฤษโทรมาหาเรื่องงานก็ฟังไม่รู้เรื่อง
พูดอะไรไม่รู้งึมงำๆ ไอ้เราก็เอ๋อไม่เคยฟังสำเนียงอังกฤษมาก่อนยังดีที่เอาตัวรอดได้
แล้วต่อไปอนาคตข้างหน้าหนูจะทำยังไง อยากจะบอกกับคนสอนงานว่า"อย่าจากไปไหน
โปรดอยู่กับฉัน ชีวิตของฉันฝากไว้อยู่ในมือของเธอ" แล้วหอห้องแหล่งกบดานใกล้ที่ทำงานก็ไม่มี
ออก6.00ถึงห้องที่อาศัยตอนนี้2ทุ่มครึ่งทุกวัน ทำไมชีวิตหนูมันแซดดดดดได้ขนาดนี้
แต่สุดท้ายไม่ว่ายังไงหนูก็จะสู้ "ต้องสู้ถึงจะชนะ" ไม่ว่าจะเรื่องเพื่อนร่วมงานแต่แม้แต่งาน
หนูก็จะเอาชนะมันให้ได้ ว่ะฮ่าฮ่า (บ้าไปแล้ว)
I won't give up and try and try 2เพลงรวมกันกำลังใจพุ่งปรี๊ด
อ่ออีกเพลง big girl don't cry ตอนนี้ก็bigขึ้นๆเรื่อยๆแหละคะ โห๊ะๆๆๆ
*ขอระบายอย่างไร้สติและสตางค์
ความรู้สึกของเด็กเพิ่งหัดเป็นมนุษย์เงินเดือน
ไปวันแรกเกร็งมากเพราะมีแต่คนอายุมากกว่า แล้วพอดีว่าเป็นคนที่เข้ากับคนอายุเยอะไม่เป็น
พี่ที่เค้าทำมาก่อนก็ดูเหมือนไม่สนิทกันเลย เวลาทานข้าวกลางวัน รออาหารมาเสิร์ฟนี่เงียบเป็นป่าช้า
น้ำเสียงเวลาคุยกันก็ดูห่างเหิน พอกลับมาออฟฟิศก็โต๊ะใครโต๊ะมัน จ้องแต่หน้าจอก็พอเข้าใจว่า
ต้องทำงานแต่มันไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลย แล้วไอ้เรามันก็เด็กใหม่วัยใสปิ๊วก็เพิ่งเข้าใหม่เพื่อนก็ไม่มียิ่งเครียดไปกันใหญ่
ในออฟฟิศก็มีหลายแผนกรวมกันแต่ตั้งโต๊ะเรียงกันเลย อาจจะมีช่องทางเดินแบ่งแผนกบ้างระหว่างแผนกก็ดูเหมือน
ทำงานกันคนละบริษัท มันเป็นช่องแคบที่ขวางกั้นความรักความเอื้ออาทรไว้ เราก็พยายามส่งยิ้มสร้างไมตรีแต่ก็เท่านั้น
บางคนยิ้มกลับก็ดีไปแต่บางคนนี้โหหน้ายังไม่มองเลย พูดแล้วก็เครียดเวลากลับบ้านก็กลับคนเดียว
ไม่มีใครเดินเป็นเพื่อนไม่มีใครเม้าท์กับหนูเลยอ่ะ แงแงแง ㅠ ㅠ
เห็นคนทำงานบางคนมีเพื่อนเดินเม้าท์กลับบ้านนี่อิจฉามาก ทำไมหนูไม่มีอย่างเค้านะ
พูดแล้วก็เศร้างานก็ยากคนที่สอนงานก็จะออกศุกร์นี้แล้ว ถ้าเค้าไปก็คือไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับ
ตำแหน่งงานนี้อีกเลย วันนี้มีคนจากอังกฤษโทรมาหาเรื่องงานก็ฟังไม่รู้เรื่อง
พูดอะไรไม่รู้งึมงำๆ ไอ้เราก็เอ๋อไม่เคยฟังสำเนียงอังกฤษมาก่อนยังดีที่เอาตัวรอดได้
แล้วต่อไปอนาคตข้างหน้าหนูจะทำยังไง อยากจะบอกกับคนสอนงานว่า"อย่าจากไปไหน
โปรดอยู่กับฉัน ชีวิตของฉันฝากไว้อยู่ในมือของเธอ" แล้วหอห้องแหล่งกบดานใกล้ที่ทำงานก็ไม่มี
ออก6.00ถึงห้องที่อาศัยตอนนี้2ทุ่มครึ่งทุกวัน ทำไมชีวิตหนูมันแซดดดดดได้ขนาดนี้
แต่สุดท้ายไม่ว่ายังไงหนูก็จะสู้ "ต้องสู้ถึงจะชนะ" ไม่ว่าจะเรื่องเพื่อนร่วมงานแต่แม้แต่งาน
หนูก็จะเอาชนะมันให้ได้ ว่ะฮ่าฮ่า (บ้าไปแล้ว)
I won't give up and try and try 2เพลงรวมกันกำลังใจพุ่งปรี๊ด
อ่ออีกเพลง big girl don't cry ตอนนี้ก็bigขึ้นๆเรื่อยๆแหละคะ โห๊ะๆๆๆ
*ขอระบายอย่างไร้สติและสตางค์